ภูมิภาค 6 ส.ค. – กรมชลประทานเปิดบานระบายน้ำเขื่อนลำน้ำชีทุกแห่ง และใช้เครื่องผลักดันน้ำเร่งการไหล ทั้งเตรียมลดบานระบายน้ำเขื่อนราษีไศล 7 สิงหาคม ชะลอน้ำแม่น้ำมูล ไม่ให้ไหลรวมกับแม่น้ำชี ที่จังหวัดอุบลราชธานี เพื่อให้เกิดผลกระทบกับประชาชนน้อยที่สุด
นายทองเปลว กองจันทร์ รองอธิบดีกรมชลประทาน เปิดเผยว่า ขณะนี้น้ำท่วมในพื้นที่ต้นน้ำเริ่มลดลง จังหวัดกลางน้ำยังประสบปัญหา และเริ่มเกิดอุกภัยในจังหวัดปลายน้ำ โดยเฉพาะที่จังหวัดอุบลราชธานี จุดรวมของแม่น้ำมูลและชีก่อนไหลลงแม่น้ำโขง เพื่อช่วยบรรเทาความเดือดร้อนของประชาชน กรมชลประทานเตรียมแผนจัดจราจรน้ำในแม่น้ำทั้ง 2 สาย โดยเปิดบานระบายน้ำของเขื่อนในลำน้ำชีทุกแห่ง และใช้เครื่องผลักดันน้ำช่วยเร่งการไหล เพื่อเร่งระบายน้ำแม่น้ำชีให้ไหลลงแม่น้ำมูลและแม่น้ำโขงโดยเร็ว ขณะเดียวกันจะชะลอน้ำจากแม่น้ำมูล โดยลดบานระบายน้ำเขื่อนราษีไศล จังหวัดศรีสะเกษ พรุ่งนี้ เพื่อไม่ให้ไหลไปสมทบที่จังหวัดอุบลราชธานี
ส่วนสถานการณ์น้ำท่วมที่จังหวัดนครพนม ยังต้องเฝ้าระวัง เนื่องจากยังมีฝนตกลงมาซ้ำ โดยเฉพาะลำน้ำสงครามและลำน้ำอูน ยังวิกฤติ ระดับน้ำสูง 11-12 เมตร เลยจุดวิกฤติ 1 เมตร แม้กองทัพเรือจะติดตั้งเรือผลักดันน้ำ 35 ลำ เร่งระบายน้ำลงแม่น้ำโขง แต่น้ำที่ท่วมขังในอำเภอศรีสงคราม นาหว้า ท่าอุเทน และโพนสวรรค์ ยังทรงตัว ล่าสุดจังหวัดนครพนม ยังประกาศพื้นที่ประสบอุทกภัยเพิ่ม จาก 7 เป็น 10 อำเภอ
มวลน้ำมหาศาลจากหลายอำเภอ ของจังหวัดนครราชสีมา หลากเข้าท่วมถนนเชื่อมระหว่างนครราชสีมา- บุรีรัมย์ เจ้าหน้าที่นำแบคโฮขุดเจาะตัดถนนระหว่างบ้านกระเบื้องนอก อำเภอเมืองยาง จังหวัดนครราชสีมา กับ บ้านบุ่งเบา อำเภอพุทไธสง จังหวัดบุรีรัมย์ ยาว 30 เมตร ลึก 1.50 เมตร เพื่อเปิดช่องระบายมวลน้ำให้ไหลลงแม่น้ำมูล ชาวบ้านบ้านกระเบื้องนอกถูกตัดขาดนานเกือบ 1 สัปดาห์ เนื่องจากน้ำท่วมสูง 3-4 เมตร ต้องเปลี่ยนมาใช้เรือในการสัญจร
เช่นเดียวกับจังหวัดบึงกาฬ ยังมีฝนตกต่อเนื่องจากอิทธิพลย่อมความกดอากาศต่ำที่ปกคลุมประเทศลาวและเวียดนามตอนบน มีน้ำท่วมขังหลายพื้นที่ ล่าสุดน้ำได้ทะลักเข้าท่วมบ้านพักเจ้าหน้าที่โรงพยาบาลบึงกาฬ สูงเกือบ 1 เมตร
การประปาส่วนภูมิภาคสาขายโสธร ระดมกำลังทำแนวกระสอบทราย วางเป็นแนวกั้นน้ำรอบอาคารสถานีสูบน้ำดิบ และสถานีจ่ายน้ำแรงดันสูง ที่อยู่ติดกับแม่น้ำชี หนาถึง 2 ชั้น สูง 1 เมตร ป้องกันน้ำชีที่สูงขึ้นต่อเนื่องจะไหลทะลักเข้าท่วมตัวอาคารเสียหาย
อิทธิพลพายุเซินกา ทำให้มีน้ำไหลเข้าเขื่อนลำปาวมากถึง 84 ล้านลูกบาศก์เมตร ปริมาณน้ำอยู่ที่ร้อยละ 86 ของความจุ แต่ชลประทานได้ลดระดับการระบายน้ำต่อวันลง จาก 30 ล้าน หรือ 25 ล้านลูกบาศก์เมตร เพื่อบรรเทาความเดือดร้อนของประชาชน อย่างไรก็ตามปริมาณน้ำจำนวนมาก ยังส่งผลกระทบในพื้นที่ลุ่ม 5 อำเภอ โดยเฉพาะตำบลเหล่าอ้อย อำเภอร่องคำ จุดบรรจบของแม่น้ำชีและลำน้ำปาว ขณะที่ยังคงมีฝนตกหนักเหนือเขื่อน
ลงไปที่ภาคใต้ น้ำท่วมในจังหวัดพังงาเริ่มคลี่คลาย เนื่องจากระบายน้ำลงทะเลเป็นไปอย่างรวดเร็ว และไม่มีน้ำทะเลหนุน ส่วนถนนหมายเลข 401 ช่วงหลักกิโลเมตรที่ 118 หมู่ 2 บ้านท่าหัน ตำบลรมณีย์ อำเภอกะปง ที่มีดินสไลด์ ถนนถูกตัดขาด ขณะนี้ให้เฉพาะรถจักรยานยนต์และคนเดินเท้าผ่านเท่านั้น กำลังเร่งซ่อมแซมทำทางเบี่ยงชั่วคราว เพื่อให้รถเล็กใช้สัญจร ส่วนรถบรรทุกขนาดใหญ่ ขอให้เลี่ยงไปใช้เส้นทางอื่น เพื่อป้องกันอันตราย เนื่องจากดินยังชุ่มน้ำและมีฝนตกต่อเนื่อง อาจเกิดดินถล่มซ้ำ. -สำนักข่าวไทย