นายกฯ ย้ำลงทุนโครงสร้างพื้นฐานเห็นผลกระจายรายได้ชัดใน 5ปี

กรุงเทพฯ 22 ก.ค.- นายกรัฐมนตรี ยืนยันเดินถูกทางบริหารประเทศขจัดธุรกิจสีเทา เดินหน้าโครงสร้างพื้นฐาน ระบุแม้เบื้องต้นจะยังกระจายรายได้ไม่ทั่วถึง แต่ 5 ปีข้างหน้าเม็ดเงินลงทุนจะส่งถึงทั่วประเทศสร้างงาน  1.3 แสนอัตรา ลดต้นทุนโลจิสติกส์ กว่า2% ต่อ GDP ลดใช้เชื้อเพลิงได้มากกว่า 1 แสนล้านบาทต่อปี


พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี กล่าวในรายการ “ศาสตร์พระราชา สู่การพัฒนาอย่างยั่งยืน” วานนี้ (21 ก.ค.) ในช่วงหนึ่งว่า ตลอดระยะเวลา 3 ปีที่ผ่านมานั้น ปัญหาสำคัญๆ ในอดีตที่รัฐบาลนี้พยายามจะแก้ไข แล้วก็ปรับให้เข้ามาสู่สิ่งที่ควรจะเป็น และเป็นสากล มี 3 เรื่องหลักๆ คือ (1) การจัดระเบียบสังคม และการบังคับใช้กฎหมายปกติให้ได้ ให้มีประสิทธิภาพ  (2) การปรับเปลี่ยนโครงสร้างทางเศรษฐกิจ ทั้งภาคเกษตรกรรม อุตสาหกรรม และบริการ ให้มีความสมดุลและยั่งยืน (3) การวางรากฐานการปฏิรูป ซึ่งต้องดำเนินการอย่างต่อเนื่อง โดยระยะแรก รัฐบาลนี้และ คสช.ดำเนินการเตรียมการในทุกมิติทั้งความมั่นคง เศรษฐกิจ สังคม กฎหมายและกระบวนการยุติธรรม รวมทั้งมิติความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ ในการสร้างความเชื่อมั่นและสร้างภาพลักษณ์ที่ดี ต่อประเทศไทย ได้แก่ การแก้ปัญหาต่างๆ ที่เป็นวาระแห่งชาติ เช่น IUU ICAO ยาเสพติด การทุจริตคอร์รัปชั่น บุกรุกป่า เป็นต้น

นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า การดำเนินการดังกล่าวนั้น ย่อมส่งผลกระทบต่อประชาชน นายทุน ผู้ประกอบการ เป็นจำนวนมาก ที่ดำเนินกิจกรรมขัดต่อกฎหมาย เช่น การบุกรุกป่า การรุกล้ำเขตน่านน้ำ การประมงที่ใช้เครื่องมือผิดกฎหมาย การนำเข้าแรงงานต่างด้าวไม่ถูกต้อง นำไปสู่ปัญหาการค้ามนุษย์ แรงงานทาส การค้าขายบนทางเท้า ในพื้นที่กีดขวางการจราจร การค้าปลีกสินค้าละเมิดลิขสิทธิ์ เมื่อรัฐบาลนี้เคร่งครัด อันเป็นมาตรฐานที่ดี เป็นสากลเพื่อจะลดความเหลื่อมล้ำ สร้างความเป็นธรรม ก็ต้องยอมรับว่า เป็นสาเหตุที่ทำให้พี่น้องประชาชนเหล่านั้นมีรายได้ลดลง ส่งผลให้การใช้จ่ายเงินในระบบเศรษฐกิจ จาก ธุรกิจสีเทา ก็คือที่ผิดกฎหมายนั่นลดลง เงินหมุนเวียนในระบบฯ ลดลงตามไปด้วย จึงขอให้ทุกคน ทุกฝ่าย ที่เกี่ยวข้อง ได้เข้าใจว่าต้องปรับเปลี่ยนพฤติกรรมของตนเอง ซึ่งรัฐบาลพยายามจะช่วยเหลือ สร้างงาน สร้างอาชีพ หรือหามาตรการอื่นๆ ที่ถูกกฎหมาย มารองรับ ทำให้ท่านสามารถมีชีวิตเป็นอยู่ที่ดีขึ้นและมีความยั่งยืน พยายามอย่างเต็มที่


“รัฐบาลนี้เข้าใจดีว่า ถึงแม้ตัวเลขเศรษฐกิจจะดีขึ้น แต่รายได้อาจจะยังไม่กระจายไปสู่ประชาชนได้มากนัก เพราะโครงสร้างพื้นฐานต่างๆ ยังไม่แข็งแรงเพียงพอ อย่างไรก็ตาม แม้จะไม่ส่งผลทางเศรษฐกิจ ในทันที แต่อาจจะส่งผลทางด้านทางจิตวิทยาและความเชื่อมั่นในเบื้องต้น มีการวาดภาพ มีการวาดความฝันอนาคตไว้ร่วมกัน วันนี้ก็ต้องลำบากก่อน เพราะว่าเราทำอะไรตามใจตัวเองกันมานานแล้ว” นายกรัฐมนตรี ระบุ

นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ผมขอฉาย ภาพอนาคต ของการลงทุนโครงสร้างพื้นฐานด้านการคมนาคม ทุกระบบของประเทศ ในภาพรวม ว่าอีก 5 ปีข้างหน้า 2565 จะมีการเปลี่ยน แปลงอะไรบ้าง ซึ่งประชาชนคนไทยทั่วทุกภูมิภาค จะได้รับอานิสงส์จากการเปลี่ยนแปลง เป็นการลงทุนเพื่ออนาคต ได้แก่

(1) การขนส่งทางถนน จะมีทางหลวงขนาด 4 ช่องทางจราจรขึ้นไปเพิ่มขึ้นอีกราว 700 กิโลเมตร มีทางหลวงพิเศษระหว่างเมืองเพิ่มขึ้นจากเดิมมีเพียง 146 กิโลเมตร เป็น 636 กิโลเมตร มีการพัฒนาทางหลวงชนบท เพื่อแก้ปัญหาการจราจรในเขตเมืองเพิ่มขึ้น 2 เท่า มีการสร้างสะพานข้าม อุโมงค์ลอดรถไฟเพิ่มขึ้นกว่า 100 แห่ง และสร้างสะพานข้ามแม่น้ำขนาดใหญ่ อีก 5 แห่ง เป็นต้น


(2) การขนส่งทางราง จะมีรถไฟทางคู่ เพิ่มขึ้นราว 15 เท่า จาก 250 เป็น 3,500 กว่ากิโลเมตร มีการพัฒนาราง 4 เส้น ทาง กว่า 1,039 กิโลเมตร และมีรถไฟฟ้า เพิ่มขึ้นเป็น 11 เส้นทาง ระยะทางรวม 439 กิโลเมตร จะช่วยลดปริมาณการจราจรบนท้องถนน ปริมาณรถต่างๆ บรรเทาความคับคั่งลง เช่นการใช้รถยนต์ส่วนบุคคล เดินทางระหว่างเมือง ลดจาก 59% เหลือ 40%  เพิ่มความเร็วเฉลี่ยให้กับการเดินทางโดยรถไฟ จาก 60 กิโลเมตรต่อชั่วโมง เป็น 100 กิโลเมตรต่อชั่วโมง รวมทั้งสามารถลดอุบัติเหตุ และลดความสิ้นเปลืองพลังงานลงได้ด้วย

(3) การขนส่งทางน้ำ จะมีท่าเรือชายฝั่งทะเลเพิ่มขึ้น 5 แห่ง รวมเป็น 23 แห่ง และพัฒนาท่าเรือแหลมฉบัง ให้สามารถรองรับตู้สินค้า เพิ่มจาก 11 ล้าน เป็น 18.8 ล้านTEUs ต่อปี จะช่วยประหยัดน้ำมันเชื้อเพลิงได้มากกว่า 1 แสนล้านบาทต่อปี และลดต้นทุนโลจิสติกส์ลง มากกว่า 2% ต่อ GDP และ 

(4) การขนส่งทางอากาศ จะมีท่าอากาศยานเพิ่มขึ้น เช่น เบตง  มีการยกระดับสนามบินอู่ตะเภา สนามบินดอนเมือง สุวรรณภูมิ ซึ่งช่วยเพิ่มขีดความสามารถในการรองรับเที่ยวบินเพิ่มขึ้นราว 3 แสนเที่ยวบินต่อปี และรองรับผู้โดยสารเพิ่มขึ้นราว 60 ล้านคนต่อปี

นายกรัฐมนนตรี กล่าวว่า  การพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานด้านคมนาคมขนส่งที่กล่าวมานั้น จะทำให้เกิดความต้องการทั้งบุคลากรและวัสดุก่อสร้างเป็นจำนวนมากภายในระยะ 5ปีข้างหน้า โดยคาดการณ์ความต้องการบุคลากรในภาพรวม ราว 1.3 แสนอัตรา เช่น ช่างต่างๆ 5,280 อัตรา วิศวกร 5,213 อัตรา เป็นต้น ส่วนความต้องการวัสดุในภาพรวมมีความต้องการวัสดุจำพวกหิน 117 ล้าน ลบ.ม. ปูนซีเมนต์ 21 ล้านตัน เหล็ก 7 ล้านตันเป็นต้น ซึ่งต้องมีการวางแผนเพื่อรองรับความต้องการดังกล่าว ทั้งในด้านการผลิตและการจัดหาวัสดุอุปกรณ์ สรรหาบุคลากร และแรงงาน เพื่อภาคเอกชน จะได้มีวางแผนเตรียม การผลิตได้ทันตามความต้องการใช้งานที่จะเกิดขึ้นในอนาคต และมีการบริหารจัดการโครงการได้อย่างมีประสิทธิภาพต่อไป

“ประโยชน์ที่จะได้ถึงมือประชาชนนั้น เป็นในรูปแบบการกระจายความเจริญสู่ภูมิภาค ความสะดวกและปลอดภัย มีทางเลือกในการเดินทางมากขึ้น ยกระดับคุณภาพชีวิต สามารถหาเลี้ยงชีพในถิ่นเกิด โดยไม่ต้องเสี่ยงโชคในเมืองเป็นต้น หากสิ่งเหล่านี้สำเร็จได้ก็จะสร้างความเชื่อมโยง สร้างงาน สร้างอาชีพ มีทางเลือกและโอกาสมากขึ้น ซึ่งจะเป็นการกระจายรายได้ถึงคนไทยทุกคน” นายกรัฐมนตรี ระบุ. – สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

“ทูน” แจ้งความถูกวัยรุ่นทำร้าย ขณะซื้อของย่านคลองถม

สน.พลับพลาไชย1 11 มิ.ย.- “ทูน หิรัญทรัพย์” อดีตนักแสดงรุ่นใหญ่ แจ้งความ สน.พลับพลาไชย 1 ถูกวัยรุ่นทำร้าย ขณะเดินซื้อของย่านคลองถม อีกฝ่ายอ้างป้องกันตัว นายทูน หิรัญทรัพย์ หรือ นายสพัชญ์นนทน์ อายุ 69 ปี อดีตดารานักแสดงรุ่นใหญ่ เข้าแจ้งความกับพนักงานสอบสวน สน.พลับพลาไชย 1 กรณีถูกวัยรุ่น 2 คน รุมทำร้ายร่างกาย ได้รับบาดเจ็บ ขณะไปเดินซื้อของในซอยข้างคลองถมพลาซ่า เหตุเกิดเมื่อเวลาประมาณ 15.00 น. ที่ผ่านมา นายทูน เล่าเหตุการณ์ว่า ก่อนเกิดเหตุตนเองและครอบครัวได้ไปเดินหาซื้อไฟในย่านคลองถม ระหว่างนั้นก็มีผู้คนมาทักทายเพราะเห็นว่าตัวเองเป็นดารา แต่มีวัยรุ่นคนหนึ่งพูดจาไม่น่าฟังบอกว่าดาราอะไรเคยไม่รู้จัก จึงตักเตือนในฐานะที่เป็นผู้ใหญ่ ว่า จะพูดจาอะไรก็ต้องให้เกียรติคนอื่นโดยเฉพาะคนที่อาวุโสกว่า จนเกิดมีปากเสียงกัน จากนั้นวัยรุ่นดังกล่าวก็ชกเข้าที่เบ้าตาขวา ซึ่งเป็นตาข้างที่บอดอยู่ จึงไม่เห็นหมัด ก่อนจะมีตำรวจเข้ามาระงับเหตุ แต่วัยรุ่นคู่กรณีก็ยังทำท่าไม่พอใจฮึดฮัดใส่อยู่ ก่อนจะถูกควบคุมตัวไปที่ สน.พลับพลาไชย ซึ่งตัวเองก็ได้เดินทางมาแจ้งความดำเนินคดีด้วยเช่นกัน นายทูน กล่าวว่า ตลอดชีวิตที่เป็นนักแสดงนั้นเคยแต่เจอผู้คนเข้ามาทักทาย ขอถ่ายรูป ด้วยความมีมิตรไมตรี […]

พายุ “หวู่ติบ” ไม่เข้าไทย แต่เสริมมรสุม ฝนเพิ่ม คลื่นแรง เตือนระวังน้ำหลาก

กรุงเทพฯ 12 มิ.ย.-ไทยมีฝนตกเพิ่ม โดยพายุ​ “หวู่ติบ” จะส่งอิทธิพลให้ร่องมรสุมพาดผ่านและลมมรสุมตะวันตกเฉียงใต้มีกำลังแรงขึ้น กรมอุตุฯ เตือนประชาชนเฝ้าระวังภัยน้ำหลากและคลื่นลมแรงอย่างใกล้ชิด นายสมควร ต้นจาน ผู้อำนวยการกองพยากรณ์อากาศ กรมอุตุนิยมวิทยา เปิดเผยว่า ช่วงวันที่ 12–13 มิถุนายน 2568 ประเทศไทยจะมีฝนเพิ่มขึ้น โดยเฉพาะภาคเหนือ ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ภาคกลาง กรุงเทพมหานครและปริมณฑล ภาคตะวันออก และภาคใต้ฝั่งอันดามัน ได้แก่ ระนอง พังงา จันทบุรี และตราด ซึ่งได้รับอิทธิพลจากร่องมรสุมที่พาดผ่านตอนบนของประเทศ และลมมรสุมตะวันตกเฉียงใต้ที่พัดปกคลุมประเทศไทยมีกำลังแรง กรมอุตุนิยมวิทยาได้ออกประกาศแจ้ง​เตือน​ว่า พายุโซนร้อน “หวู่ติบ” บริเวณทะเลอันดามันตอนบน มีศูนย์กลางอยู่ห่างจากเกาะไหหลำของจีนไปทางตะวันออกเฉียงใต้ประมาณ 160 กิโลเมตร มีความเร็วลมสูงสุดใกล้ศูนย์กลางประมาณ 65 กิโลเมตรต่อชั่วโมง เคลื่อนตัวทางตะวันตกเฉียงเหนือ คาดว่า​ จะขึ้นฝั่งประเทศจีนตอนใต้ในช่วงวันที่ 13-14 มิ.ย.68 และจะอ่อนกำลังลงตามลำดับ แม้ศูนย์กลางพายุจะไม่เข้าสู่ประเทศไทยโดยตรง แต่พายุนี้เป็นอีกปัจจัยที่เสริมให้ลมมรสุมตะวันตกเฉียงใต้มีกำลังแรงขึ้น ส่งผลให้หลายพื้นที่มีฝนตกหนัก คลื่นลมในทะเลอันดามันตอนบนสูง 2–3 เมตร และในบริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองอาจสูงมากกว่า 3 […]

ผลแล็บพบข้าวมันไก่ติดเชื้อ ทำครู-นร.ท้องเสีย 23 คน

ปราจีนบุรี 12 มิ.ย. – แม่ค้ามือเป็นแผล! ครู-นักเรียน กินข้าวมันไก่ ท้องเสียยกชั้น หามส่ง รพ. แพทย์ชี้ชัดผลแล็บ พบเชื้อสตาฟิโลคอคคัส ออเรียส ต้นเหตุทำอาหารเป็นพิษ จากกรณีที่โรงเรียนมัธยมแห่งหนึ่ง ในอำเภอเมือง จ.ปราจีนบุรี ต้องระดมทั้งรถตู้โรงเรียน และรถฉุกเฉิน เร่งนำตัวนักเรียนและคุณครู ส่งโรงพยาบาล จำนวน 23 คน หลังทุกคนกินข้าวมันไก่ในช่วงพักกลางวัน พอตกบ่ายก็มีอาการปวดท้อง คลื่นไส้ และอาเจียน บางรายเป็นไข้หนาวสั่น คาดสาเหตุมาจากอาหารเป็นพิษ ผู้ป่วยถูกนำตัวส่งรักษาอาการที่ห้องผู้ป่วยฉุกเฉิน รพ.เจ้าพระยาอภัยภูเบศร รวม 16 คน (นักเรียน 15 คน ครู 1 คน) เบื้องต้น แพทย์อนุญาตให้กลับบ้านได้แล้วบางส่วนเหลือคุณครูที่ต้องดูอาการเนื่องจากมีอาการช็อก ส่วนนักเรียน ยังคงต้องดูอาการอีก 9 คน ซึ่งคาดว่าแพทย์น่าจะอนุญาตให้กลับบ้านได้ภายในวันนี้ ส่วนที่ รพ.ค่ายจักรพงษ์ มีจำนวน 7 คน (เป็นนักเรียนทั้งหมด) เบื้องต้น […]

หลุดภาพ​ “ชาดา-สันติ-​นายกด๊อยซ์” สะพัดขน 6 สส. ​ซบ ​“ภท.”

กทม. 11​ มิ.ย. – “ชาดา-สันติ-นายกด๊อยซ์” ร่วมวงกินข้าว หลังสะพัดขน “6 สส.มะขามหวาน” เด็กลุงป้อม ย้ายซบ “ภูมิใจไทย” ผู้สื่อข่าวรายงานว่า​ ภายหลัง นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและ รมว.มหาดไทย ในฐานะหัวหน้าพรรคภูมิใจไทย (ภท.) มีคำสั่งเมื่อวันที่ 9 มิ.ย.68 แต่งตั้ง นางจิตรา หมีทอง ซึ่งเป็นทีมงานนายสันติ พร้อมพัฒน์ แกนนำ 6 สส. เพชรบูรณ์ พรรคพลังประชารัฐ เป็นคณะที่ปรึกษารองนายกรัฐมนตรี (นายอนุทิน ชาญวีรกูล) และ รมว.มหาดไทย ล่าสุดช่วงเย็น วันที่ 11 มิ.ย. ได้ปรากฏภาพนายชาดา ไทยเศรษฐ์ สส.อุทัยธานี แกนนำพรรคภูมิใจไทย ได้รับประทานอาหารเย็น ร่วมกับ นายสันติ และ นายอัครเดช ทองใจสด นายก อบจ.เพชรบูรณ์ ที่โรงแรมแห่งหนึ่ง […]

ข่าวแนะนำ

สยบรอยร้าว “พีระพันธุ์” โพสต์ภาพคู่ “เอกนัฏ” ยัน รทสช.ไปต่อ

กรุงเทพฯ 12 มิ.ย. – “พีระพันธุ์” โพสต์ภาพโชว์ปึก “เอกนัฏ” สยบรอยร้าว ขอบคุณร่วมอดทนต่อสู้ทุนใหญ่ ยัน รทสช.ไปต่อแน่ ป้อง “ทีมสุดซอย” ถูกใส่ร้าย เมื่อเวลา 21.00 น. วันนี้ (12 มิ.ย.68) นายพีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน ในฐานะหัวหน้าพรรครวมไทยสร้างชาติ โพสต์ภาพถ่ายคู่กับนายเอกนัฏ พร้อมพันธุ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม ในฐานะเลขาธิการพรรครวมไทยสร้างชาติ พร้อมข้อความระบุว่า “ผูกพันและเชื่อใจ การที่มีคนกล่าวหาขิงว่าจะไปขอให้มาโค่นทำลายผมจากหัวหน้าพรรค ผมได้แต่ขำ ขิงกับผม เราผ่านร้อนผ่านหนาวด้วยกันมามาก คำพูดแบบนี้จึงเป็นเรื่องขำๆ ของคนที่คิดคำแก้ตัวไม่ออก ผมกับท่านเลขาฯ ขิง เอกนัฏ พร้อมพันธุ์ เรารู้จักกันมานาน ตั้งแต่ขิงยังไม่เข้ามาวงการเมือง จนมาทำงานการเมืองร่วมกัน ขิงเป็นคนหนุ่มที่มุ่งมั่นทำงานการเมืองเพื่อประชาชน ไม่ใช่มาเล่นการเมือง เป็นคนซื่อสัตย์ ตรงไปตรงมา เมื่อผมจะทำพรรคการเมือง คนแรกที่ผมคิดถึงจึงเป็นใครไปไม่ได้ นอกจาก ‘ขิง’ ผมหารือกับขิงว่าอยากชวนเขามาทำพรรคการเมืองตามแนวทางที่เราอยากทำอยากให้เป็น คือเป็นพรรคการเมืองที่ทำงานเพื่อชาติบ้านเมืองและประชาชน เข้ามาแก้ไขปัญหาทุกอย่างเพื่อประชาชน ไม่ใช่เพื่อจะมีสถานะหรือมีตำแหน่งทางการเมือง […]

จับตานายกฯ ถกหัวหน้าพรรคร่วมบางพรรค ปรับ ครม.

กรุงเทพฯ 12 มิ.ย. – จับตา “นายกฯ แพทองธาร” ถกหัวหน้าพรรคร่วมบางพรรค ปรับ ครม. หลังเลื่อนประชุม ครม.สัญจร จ.พิษณุโลก 23-24 มิ.ย.นี้ คาดรอ ครม.ใหม่ ผู้สื่อข่าวรายงานว่า วันพรุ่งนี้ (13 มิ.ย.) ที่ น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ได้แจ้งลาราชการในเวลา 11.30-13.00 น. หลังจบภารกิจเป็นประธานในพิธีปิดการประชุมเอกอัครราชทูตและกงสุลใหญ่ทั่วโลก ประจำปี 2568 และมีรายงานว่านายกฯ มีภารกิจร่วมประชุมผู้ปกครอง จากนั้นจะกลับมาปฏิบัติงานที่ทำเนียบรัฐบาลในช่วงบ่าย ทั้งนี้ มีรายงานว่า นายกฯ จะเชิญหัวหน้าพรรคร่วมบางพรรค หารือถึงการปรับคณะรัฐมนตรี (ครม.) ท่ามกลางกระแสข่าวการต่อรองเก้าอี้รัฐมนตรีระหว่างพรรคเพื่อไทยและภูมิใจไทย และปัญหาภายในของพรรครวมไทยสร้างชาติ ให้เกิดความชัดเจน นอกจากนั้นยังมีรายงานว่า สำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรี (สลค.) ได้แจ้งเลื่อนการประชุมคณะรัฐมนตรีอย่างเป็นทางการนอกสถานที่ (ครม.สัญจร ) ระหว่างวันที่ 23-24 มิ.ย.นี้ ที่ จ.พิษณุโลก ออกไปก่อน […]

เสียงจากช่องบก รอวันสันติภาพ

อุบลราชธานี 12 มิ.ย. – ผ่านมาแล้ว 15 วัน นับตั้งแต่เหตุการณ์ปะทะที่ช่องบก อ.น้ำยืน จ.อุบลราชธานี พื้นที่ชายแดนไทย-กัมพูชา ยังคงตึงเครียด แต่ชาวบ้านในพื้นที่ต่างตั้งความหวังว่าการประชุม JBC วันที่ 14 มิ.ย.นี้ จะหาทางออกได้โดยสันติ เพื่อให้ประชาชนทั้งสองประเทศได้กลับมาใช้ชีวิตตามปกติ.-สำนักข่าวไทย

แอร์อินเดียพร้อมผู้โดยสาร 242 คน ตกที่สนามบินอาห์เมดาบัด

นิวเดลี 12 มิ.ย. – เครื่องบินโดยสารของสายการบินแอร์ อินเดีย ที่กำลังมุ่งหน้าไปยังกรุงลอนดอน ของอังกฤษ พร้อมด้วยผู้โดยสาร 242 คน เกิดอุบัติเหตุตก หลังจากที่เพิ่งออกเดินทางจากสนามบินเมืองอาห์เมดาบัด ทางตะวันตกของอินเดีย เพียงไม่กี่นาที แอร์อินเดีย กล่าวว่า เครื่องบินลำดังกล่าวมีกำหนดเดินทางไปยังสนามบินแก็ตวิก ในอังกฤษ ขณะที่ตำรวจกล่าวว่า เครื่องบินตกในบริเวณพื้นที่พลเรือนใกล้กับสนามบิน ไฟลท์เรดาร์ 24 ซึ่งติดตามความเคลื่อนไหวทางอากาศ กล่าวว่า เครื่องบินลำนี้เป็นเครื่องบินโบอิ้ง 787-8 ดรีมไลเนอร์ ซึ่งเป็นเครื่องบินโดยสารที่ทันสมัยมาก ๆ ที่ให้บริการอยู่ในขณะนี้ โทรทัศน์ของอินเดีย รายงานว่า อุบัติเหตุครั้งนี้เกิดขึ้นในขณะที่เครื่องบินกำลังทะยานขึ้นจากสนามบิน ภาพจากโทรทัศน์ช่องหนึ่ง แสดงให้เห็นภาพเครื่องบินออกจากสนามบินและบินอยู่เหนือพื้นที่ย่านพักอาศัยของประชาชน จากนั้นเครื่องบินก็หายไปจากจอ ก่อนที่จะเห็นควันไฟขนาดใหญ่ลอยจากบ้านเรือนประชาชนขึ้นไปบนท้องฟ้า นอกจากนั้น ยังมีภาพประชาชนถูกเคลื่อนย้ายด้วยเปลไปยังรถพยาบาลที่นำผู้ได้รับบาดเจ็บไปโรงพยาบาล ช้อมูลการควบคุมการจราจรทางอากาศที่สนามบินอาห์เมดาบัด ระบุว่า เครื่องบินออกเดินทางเมื่อเวลา 13.39 น. ตามเวลาท้องถิ่น หรือ ตรงกับ 15.09 น. ตามเวลาในประเทศไทย จากทางวิ่งหมายเลข 23 เครื่องบินส่งสัญญาณฉุกเฉินขอความช่วยเหลือ แต่หลังจากนั้นก็ติดต่อนักบินไม่ได้อีกเลย.-813.-สำนักข่าวไทย