นายกฯ ย้ำลงทุนโครงสร้างพื้นฐานเห็นผลกระจายรายได้ชัดใน 5ปี

กรุงเทพฯ 22 ก.ค.- นายกรัฐมนตรี ยืนยันเดินถูกทางบริหารประเทศขจัดธุรกิจสีเทา เดินหน้าโครงสร้างพื้นฐาน ระบุแม้เบื้องต้นจะยังกระจายรายได้ไม่ทั่วถึง แต่ 5 ปีข้างหน้าเม็ดเงินลงทุนจะส่งถึงทั่วประเทศสร้างงาน  1.3 แสนอัตรา ลดต้นทุนโลจิสติกส์ กว่า2% ต่อ GDP ลดใช้เชื้อเพลิงได้มากกว่า 1 แสนล้านบาทต่อปี


พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี กล่าวในรายการ “ศาสตร์พระราชา สู่การพัฒนาอย่างยั่งยืน” วานนี้ (21 ก.ค.) ในช่วงหนึ่งว่า ตลอดระยะเวลา 3 ปีที่ผ่านมานั้น ปัญหาสำคัญๆ ในอดีตที่รัฐบาลนี้พยายามจะแก้ไข แล้วก็ปรับให้เข้ามาสู่สิ่งที่ควรจะเป็น และเป็นสากล มี 3 เรื่องหลักๆ คือ (1) การจัดระเบียบสังคม และการบังคับใช้กฎหมายปกติให้ได้ ให้มีประสิทธิภาพ  (2) การปรับเปลี่ยนโครงสร้างทางเศรษฐกิจ ทั้งภาคเกษตรกรรม อุตสาหกรรม และบริการ ให้มีความสมดุลและยั่งยืน (3) การวางรากฐานการปฏิรูป ซึ่งต้องดำเนินการอย่างต่อเนื่อง โดยระยะแรก รัฐบาลนี้และ คสช.ดำเนินการเตรียมการในทุกมิติทั้งความมั่นคง เศรษฐกิจ สังคม กฎหมายและกระบวนการยุติธรรม รวมทั้งมิติความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ ในการสร้างความเชื่อมั่นและสร้างภาพลักษณ์ที่ดี ต่อประเทศไทย ได้แก่ การแก้ปัญหาต่างๆ ที่เป็นวาระแห่งชาติ เช่น IUU ICAO ยาเสพติด การทุจริตคอร์รัปชั่น บุกรุกป่า เป็นต้น

นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า การดำเนินการดังกล่าวนั้น ย่อมส่งผลกระทบต่อประชาชน นายทุน ผู้ประกอบการ เป็นจำนวนมาก ที่ดำเนินกิจกรรมขัดต่อกฎหมาย เช่น การบุกรุกป่า การรุกล้ำเขตน่านน้ำ การประมงที่ใช้เครื่องมือผิดกฎหมาย การนำเข้าแรงงานต่างด้าวไม่ถูกต้อง นำไปสู่ปัญหาการค้ามนุษย์ แรงงานทาส การค้าขายบนทางเท้า ในพื้นที่กีดขวางการจราจร การค้าปลีกสินค้าละเมิดลิขสิทธิ์ เมื่อรัฐบาลนี้เคร่งครัด อันเป็นมาตรฐานที่ดี เป็นสากลเพื่อจะลดความเหลื่อมล้ำ สร้างความเป็นธรรม ก็ต้องยอมรับว่า เป็นสาเหตุที่ทำให้พี่น้องประชาชนเหล่านั้นมีรายได้ลดลง ส่งผลให้การใช้จ่ายเงินในระบบเศรษฐกิจ จาก ธุรกิจสีเทา ก็คือที่ผิดกฎหมายนั่นลดลง เงินหมุนเวียนในระบบฯ ลดลงตามไปด้วย จึงขอให้ทุกคน ทุกฝ่าย ที่เกี่ยวข้อง ได้เข้าใจว่าต้องปรับเปลี่ยนพฤติกรรมของตนเอง ซึ่งรัฐบาลพยายามจะช่วยเหลือ สร้างงาน สร้างอาชีพ หรือหามาตรการอื่นๆ ที่ถูกกฎหมาย มารองรับ ทำให้ท่านสามารถมีชีวิตเป็นอยู่ที่ดีขึ้นและมีความยั่งยืน พยายามอย่างเต็มที่


“รัฐบาลนี้เข้าใจดีว่า ถึงแม้ตัวเลขเศรษฐกิจจะดีขึ้น แต่รายได้อาจจะยังไม่กระจายไปสู่ประชาชนได้มากนัก เพราะโครงสร้างพื้นฐานต่างๆ ยังไม่แข็งแรงเพียงพอ อย่างไรก็ตาม แม้จะไม่ส่งผลทางเศรษฐกิจ ในทันที แต่อาจจะส่งผลทางด้านทางจิตวิทยาและความเชื่อมั่นในเบื้องต้น มีการวาดภาพ มีการวาดความฝันอนาคตไว้ร่วมกัน วันนี้ก็ต้องลำบากก่อน เพราะว่าเราทำอะไรตามใจตัวเองกันมานานแล้ว” นายกรัฐมนตรี ระบุ

นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ผมขอฉาย ภาพอนาคต ของการลงทุนโครงสร้างพื้นฐานด้านการคมนาคม ทุกระบบของประเทศ ในภาพรวม ว่าอีก 5 ปีข้างหน้า 2565 จะมีการเปลี่ยน แปลงอะไรบ้าง ซึ่งประชาชนคนไทยทั่วทุกภูมิภาค จะได้รับอานิสงส์จากการเปลี่ยนแปลง เป็นการลงทุนเพื่ออนาคต ได้แก่

(1) การขนส่งทางถนน จะมีทางหลวงขนาด 4 ช่องทางจราจรขึ้นไปเพิ่มขึ้นอีกราว 700 กิโลเมตร มีทางหลวงพิเศษระหว่างเมืองเพิ่มขึ้นจากเดิมมีเพียง 146 กิโลเมตร เป็น 636 กิโลเมตร มีการพัฒนาทางหลวงชนบท เพื่อแก้ปัญหาการจราจรในเขตเมืองเพิ่มขึ้น 2 เท่า มีการสร้างสะพานข้าม อุโมงค์ลอดรถไฟเพิ่มขึ้นกว่า 100 แห่ง และสร้างสะพานข้ามแม่น้ำขนาดใหญ่ อีก 5 แห่ง เป็นต้น


(2) การขนส่งทางราง จะมีรถไฟทางคู่ เพิ่มขึ้นราว 15 เท่า จาก 250 เป็น 3,500 กว่ากิโลเมตร มีการพัฒนาราง 4 เส้น ทาง กว่า 1,039 กิโลเมตร และมีรถไฟฟ้า เพิ่มขึ้นเป็น 11 เส้นทาง ระยะทางรวม 439 กิโลเมตร จะช่วยลดปริมาณการจราจรบนท้องถนน ปริมาณรถต่างๆ บรรเทาความคับคั่งลง เช่นการใช้รถยนต์ส่วนบุคคล เดินทางระหว่างเมือง ลดจาก 59% เหลือ 40%  เพิ่มความเร็วเฉลี่ยให้กับการเดินทางโดยรถไฟ จาก 60 กิโลเมตรต่อชั่วโมง เป็น 100 กิโลเมตรต่อชั่วโมง รวมทั้งสามารถลดอุบัติเหตุ และลดความสิ้นเปลืองพลังงานลงได้ด้วย

(3) การขนส่งทางน้ำ จะมีท่าเรือชายฝั่งทะเลเพิ่มขึ้น 5 แห่ง รวมเป็น 23 แห่ง และพัฒนาท่าเรือแหลมฉบัง ให้สามารถรองรับตู้สินค้า เพิ่มจาก 11 ล้าน เป็น 18.8 ล้านTEUs ต่อปี จะช่วยประหยัดน้ำมันเชื้อเพลิงได้มากกว่า 1 แสนล้านบาทต่อปี และลดต้นทุนโลจิสติกส์ลง มากกว่า 2% ต่อ GDP และ 

(4) การขนส่งทางอากาศ จะมีท่าอากาศยานเพิ่มขึ้น เช่น เบตง  มีการยกระดับสนามบินอู่ตะเภา สนามบินดอนเมือง สุวรรณภูมิ ซึ่งช่วยเพิ่มขีดความสามารถในการรองรับเที่ยวบินเพิ่มขึ้นราว 3 แสนเที่ยวบินต่อปี และรองรับผู้โดยสารเพิ่มขึ้นราว 60 ล้านคนต่อปี

นายกรัฐมนนตรี กล่าวว่า  การพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานด้านคมนาคมขนส่งที่กล่าวมานั้น จะทำให้เกิดความต้องการทั้งบุคลากรและวัสดุก่อสร้างเป็นจำนวนมากภายในระยะ 5ปีข้างหน้า โดยคาดการณ์ความต้องการบุคลากรในภาพรวม ราว 1.3 แสนอัตรา เช่น ช่างต่างๆ 5,280 อัตรา วิศวกร 5,213 อัตรา เป็นต้น ส่วนความต้องการวัสดุในภาพรวมมีความต้องการวัสดุจำพวกหิน 117 ล้าน ลบ.ม. ปูนซีเมนต์ 21 ล้านตัน เหล็ก 7 ล้านตันเป็นต้น ซึ่งต้องมีการวางแผนเพื่อรองรับความต้องการดังกล่าว ทั้งในด้านการผลิตและการจัดหาวัสดุอุปกรณ์ สรรหาบุคลากร และแรงงาน เพื่อภาคเอกชน จะได้มีวางแผนเตรียม การผลิตได้ทันตามความต้องการใช้งานที่จะเกิดขึ้นในอนาคต และมีการบริหารจัดการโครงการได้อย่างมีประสิทธิภาพต่อไป

“ประโยชน์ที่จะได้ถึงมือประชาชนนั้น เป็นในรูปแบบการกระจายความเจริญสู่ภูมิภาค ความสะดวกและปลอดภัย มีทางเลือกในการเดินทางมากขึ้น ยกระดับคุณภาพชีวิต สามารถหาเลี้ยงชีพในถิ่นเกิด โดยไม่ต้องเสี่ยงโชคในเมืองเป็นต้น หากสิ่งเหล่านี้สำเร็จได้ก็จะสร้างความเชื่อมโยง สร้างงาน สร้างอาชีพ มีทางเลือกและโอกาสมากขึ้น ซึ่งจะเป็นการกระจายรายได้ถึงคนไทยทุกคน” นายกรัฐมนตรี ระบุ. – สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

ผบ.พล.7 ของเขมร โดนกระสุนปืนใหญ่ยิงดับ บนช่องตาเฒ่า-ภูมะเขือ

26 ก.ค. – พลตรีดวง ซอมเนียง ผบ.พล.7 ถูกกระสุนปืนใหญ่ยิงเสียชีวิต ที่ช่องตาเฒ่า-ภูมะเขือ จากการปะทะแย่งชิงพื้นที่ระหว่างทหารไทย-กัมพูชา ตลอดวันนี้ ผู้สื่อข่าวรายงานว่า การปะทะระหว่างทหารไทย กับทหารกัมพูชา บริเวณภูมะเขือ และช่องตาเฒ่า ตั้งแต่เช้ามืดวันนี้ ทหารไทยสามารถปกป้องพื้นที่ภูมะเขือ และกดดันทหารกัมพูชาออกจากพื้นที่ได้สำเร็จ ในขณะที่ทหารกัมพูชา พยายามกลับเข้ามาโจมตีกลับ เพื่อยึดภูมะเขือ ส่งผลให้มีทหารกัมพูชาเสียชีวิตหลายนาย หนึ่งในนั้นคือ พลตรีดวง ซอมเนียง ผบ.พล.7 ถูกกระสุนปืนใหญ่ยิงเสียชีวิต ที่ช่องตาเฒ่า-ภูมะเขือ. – สำนักข่าวไทย

ทอ.ส่ง F-16 และ กริพเพน โจมตีสกัดอาวุธวิถีโค้งกัมพูชา

26 ก.ค.- กองทัพอากาศส่ง F-16 และ กริพเพน โจมตียุทธบริเวณ “ภูมะเขือ” สกัดอาวุธวิถีโค้งกัมพูชา อีกจุดปราสาทตาเมือนธม ผลปฏิบัติลุล่วงกลับฐานปฏิบัติด้วยความปลอดภัย เมื่อวันที่ 26 ก.ค.68 กองทัพอากาศ ส่งเครื่องบินขับไล่ F-16 จำนวน 2 ลำ และเครื่องบินกริพเพน จำนวน 2 ลำ ออกปฏิบัติการโจมตี พื้นที่ยุทธบริเวณเป้าหมายทหาร ของทางทหารกัมพูชาบริเวณภูมะเขือ หลังทหารกัมพูชาเตรียมใช้อาวุธวิธีโค้งยิงใส่ฝ่ายไทยหวังยึดภูมะเขือ ส่วนอีกจุดบริเวณปราสาทตาเหมือนธม โดยเป็นจุดที่ทางทหารกัมพูชาได้ตั้งปืนใหญ่และกำลังพลยิงข้ามมายังฝั่งประเทศไทยโดยไร้ทิศทาง ทั้งนี้ผลการปฏิบัติการ ทำลายเป้าหมายได้ทั้งสองจุด ลุล่วงไปด้วยดี และได้บินกลับฐานปฏิบัติด้วยความปลอดภัย ผู้สื่อข่าวรายงานว่า การขึ้นบินกริพเพนของกองทัพ ในภารกิจสู้รบตามแนวชายแดนไทย-กัมพูชา ครั้งนี้ ถือเป็น ‘ประวัติศาสตร์’ ของเครื่องบินขับไล่กริพเพนที่มีประจำการในหลายประเทศ ที่ใช้ในภารกิจสู้รบ-ใช้อาวุธจริงครั้งแรก ที่ผ่านมา กริพเพน ถูกใช้เพียงภารกิจบินรักษาอาณาเขต เช่น บริเวณทะเลบอลติกในทวีปยุโรป ในฐานะสมาชิก ‘นาโต้’ ผ่านเหตุการณ์สู้รบ ‘ยูเครน-รัสเซีย’ และภารกิจเฝ้าตรวจ-คุ้มกันน่านฟ้า ประเทศลิเบีย ที่กองทัพอากาศสวีเดนเข้าร่วมภารกิจ -สำนักข่าวไทย

กริพเพน

ทอ. ส่ง F16 – กริพเพน ปฏิบัติการรอบ 2 ทิ้งบอมบ์พื้นที่ทางทหารเขมร

26 ก.ค. – ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เครื่องบินขับไล่ F-16 จำนวน 2 ลำ และกริพเพน 2 ลำ ออกปฏิบัติการรอบสอง โจมตียุทธบริเวณทำลายพื้นที่ทหารกัมพูชา บริเวณปราสาทตาควาย อ.พนมดง จ.สุรินทร์ ภารกิจลุล่วง และกับฐานปฏิบัติโดยปลอดภัย สำหรับพื้นที่บริเวนนี้ ทหารไทยกับทหารกัมพูชา ปะทะกันดุเดือด โดยทหารไทยพยายามทำลายพื้นที่กัมพูชาวางกำลังไว้หลายระลอก ในขณะที่กัมพูชาโต้กลับและระดมกำลังทหารมาเพิ่มเติม ส่งผลให้พื้นที่บริเวนนี้มีการปะทะดุเดือดตั้งแต่วันที่ 24 ก.ค.ถึงวันนี้. – สำนักข่าวไทย

เปิดภาพคลังอาวุธทหารเชมร “สมรภูมิภูมะเขือ”

26 ก.ค.- เปิดภาพคลังอาวุธทหารเชมร “สมรภูมิภูมะเขือ” ทหารไทยยึดอาวุธปืน-โดรน 11 รายการ พร้อมมือถือ 7 เครื่อง ใช้ถ่ายคลิปยั่วยุทหารไทย เมื่อวันที่ 26 ก.ค.68 รายงานข่าวจากกองทัพภาคที่ 2 ระบุว่า สำหรับปฏิบัติการ ของเจ้าที่ทหารกองทัพภาคที่ 2 บนภูมะเขือที่สามารถยึดกลับคืนมาได้ ทำให้ทหารกัมพูชาเสียชีวิต 10 นาย พร้อมทั้งตรวจพบและสามารถยึดอาวุธ ยุทโธปกรณ์ จำนวน 11 รายการ ประกอบด้วย นอกจากนี้ยังพบโทรศัพท์มือถือ 7 เครื่อง ที่ทางทหารกัมพูชาชอบถ่ายในเวลาทำคลิปเมื่อเจอกับทหารไทยบริเวณแนวชายแดน -สำนักข่าวไทย

ข่าวแนะนำ

แม่ “จ.ส.อ.ธวัชชัย” เปลี่ยนความเสียใจเป็นภาคภูมิใจ

มุกดาหาร 27 ก.ค. – แม่ “จ.ส.อ.ธวัชชัย” ซึ่งเสียชีวิตจากเหตุปะทะไทย-กัมพูชา เปลี่ยนความเสียใจเป็นภาคภูมิใจในตัวลูกชายที่ได้รับใช้ชาติ ที่จังหวัดมุกดาหาร ผู้ว่าราชการจังหวัด เชิญสิ่งของพระราชทานมอบให้ครอบครัว จ.ส.อ.ธวัชชัย บุสภา หรือ จ่าโต๋ ซึ่งเสียชีวิตบริเวณฐานปฏิบัติการฟ้าลั่น (เขาสัตตะโสม) อ.กันทรลักษ์ จ.ศรีสะเกษ จากเหตุปะทะและการยิงถล่มของกัมพูชาบริเวณเนิน 333 แม่ของ จ.ส.อ.ธวัชชัย บอกว่าตอนนี้ตนได้เปลี่ยนจากความเสียใจเป็นภาคภูมิใจในตัวลูกชายในการรับใช้ชาติ อีกทั้งครอบครัวได้รับพระมหากรุณาธิคุณจากพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ถือเป็นบุญของลูกชายและครอบครัว ส่วนน้องชายที่เป็นทหารพรานอยู่ตอนนี้ก็ไม่ถอดใจ ส่วนที่ศาลาประชาคมชาวบ้านห้วยเตย ตำบลศรีสุขสำราญ อำเภออุบลรัตน์ จังหวัดขอนแก่น เชิญธงชาติขึ้นสู่ยอดเสาพร้อมใจกันร้องเพลงชาติไทยดังกึกก้องไปทั่วบริเวณ เพื่อแสดงพลังและส่งกำลังใจให้ทหารทุกนายที่ปฏิบัติหน้าที่ปกป้องรักษาชายแดนไทยและประชาชนที่ได้รับผลกระทบจากเหตุปะทะตามแนวชายแดนไทย-กัมพูชา พร้อมเปิดจุดรับบริจาคสิ่งของเพื่อนำส่งความช่วยเหลือเจ้าหน้าที่และผู้ประสบภัย.-สำนักข่าวไทย

ชายแดนสุรินทร์ยังปะทะหนัก แม้ “ทรัมป์” เสนอเจรจาหยุดยิง

สุรินทร์ 27 ก.ค.-ชายแดนสุรินทร์ยังปะทะหนัก กัมพูชาเปิดฉากยิงใส่แต่เช้ามืด กระสุนบางส่วนตกใส่หมู่บ้านฝั่งไทย ขยายรัศมีไกลขึ้นเรื่อยๆ แม้ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ของสหรัฐ เสนอเจรจาหยุดยิง แม้จะมีการเจรจาหยุดยิงผ่านประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ของสหรัฐอเมริกา แต่ขณะที่ยังไม่มีการเจรจาทวิภาคี ระหว่างไทย-กัมพูชา เช้ามืดวันนี้ ชายแดนด้านจังหวัดสุรินทร์ ก็ยังมีการปะทะกันอย่างหนัก จนกระสุนมาตกสร้างความเสียหายให้ราษฎรไทยอย่างที่เห็น“ สถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชา ด้านปราสาทตาควายและตาเมือนธม อำเภอพนมดงรัก จังหวัดสุรินทร์ เริ่มเปิดฉากปะทะกันตั้งแต่ช่วงตี 4 กระสุนจากการประทะบางส่วนเข้ามาตกในหมู่บ้านแห่งหนึ่ง ตำบลบ้านพลวง อำเภอปราสาท จังหวัดสุรินทร์ ซึ่งปรากฏกระสุนรุกล้ำดินแดนไทยลึกเข้ามาเรื่อยๆ ส่งผลให้บ้านเรือนประชาชนได้รับความเสียหายทั้งหลัง และมีไฟลุกไหม้ เศษสังกะสี ซีเมนต์ วัสดุโครงสร้างบ้านปลิวกระจัดกระจาย เคราะห์ยังดี ที่เจ้าของบ้านอพยพออกนอกพื้นที่หมดแล้ว เพราะเจ้าหน้าที่ขอร้องให้อพยพออกไปเมื่อวานนี้ จึงไม่มีใครได้รับบาดเจ็บหรือเสียชีวิต บางจุดลงฟาร์มวัววากิว ทำให้วัวตายไป 6 ตัว เจ้าของวัวเล่าว่า ตื่นขึ้นมาก็ได้ยินเสียงลูกปืนใหญ่ของ 2 ฝ่าย และสังเกตเห็นจรวด BM-21 พุ่งเข้ามาที่คอกวัว จึงได้หลบหาที่กำบัง พอเสียงเงียบ ตนก็รีบออกมาดู ก็พบว่า วัวของตนถูกกระสุนตายไป […]

บุรีรัมย์สั่งอพยพชาวบ้านเพิ่ม 3 อำเภอ

บุรีรัมย์ 27 ก.ค.-บุรีรัมย์ ประกาศให้ชาวบ้านอพยพเพิ่มอีก 3 อำเภอ หลังพื้นที่ปะทะและรัศมีอาวุธขยายไปไกลขึ้น ทั้งวัด โรงเรียน ศูนย์พักพิงชั่วคราว และ รพ.อีก 2 แห่ง ต้องอพยพผู้ป่วยด่วน เหลือเพียงหน่วยรับผู้ป่วยฉุกเฉิน ช่วงเวลาบ่าย 2-3 โมง เมื่อวานนี้ ในพื้นที่จังหวัดบุรีรัมย์ มีเสียงปืน เสียงระเบิดดังเป็นระยะ และมีกระสุนปืนใหญ่ ตกในพื้นที่ อ.ละหานทราย จ.บุรีรัมย์ จึงประกาศให้ชาวบ้านในพื้นที่ 3 อำเภอ คือ อ.ละหานทราย อ.เฉลิมพระเกียรติ และ อ.โนนดินแดง อพยพไปอยู่ตามบ้านญาติ หรือศูนย์พักพิงที่ห่างไกลจากรัศมีวิถีกระสุนปืนใหญ่ และอาวุธหนัก บางครัวเรือนก็มีลูกหลานมารับออกไปแล้ว ส่วนชาวบ้านที่ไม่มีรถยนต์ส่วนตัว ทางเจ้าหน้าที่จากหลายหน่วยงาน ก็ได้จัดรถไปช่วยอพยพชาวบ้านออกจากพื้นที่ด้วย ด้าน โรงพยาบาลในพื้นที่ 2 แห่ง คือ รพ.ละหานทราย และ รพ.เฉลิมพระเกียรติ ก็มีการอพยพผู้ป่วยออกจากโรงพยาบาลเช่นกัน รวมถึงให้แพทย์ พยาบาล และเจ้าหน้าที่ถอนกำลังออกจากพื้นที่ เหลือไว้แค่หน่วยที่จะรับผู้ป่วยฉุกเฉิน […]

Trump says he is seeking a ceasefire between Thailand, Cambodia

“ทรัมป์” โยงเรื่องการค้ากับหยุดยิงไทย-กัมพูชา

เอดินบะระ 27 ก.ค.-  ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ของสหรัฐ พูดคุยกับผู้นำของทางการไทยและกัมพูชา โดยโยงเรื่องการเจรจาทางการค้ากับสหรัฐกับเรื่องหยุดยิงของทั้ง 2 ประเทศ ด้านนายกรัฐมนตรีมาเลเซียจะผลักดันข้อเสนอหยุดยิงระหว่างไทยและกัมพูชา ในระหว่างการเยือนสกอตแลนด์เมื่อวันเสาร์ตามเวลาท้องถิ่น ประธานาธิบดีทรัมป์ได้โพสต์ในทรูธโซเชียลที่เป็นสื่อสังคมออนไลน์ของเขาเกี่ยวกับสถานการณ์ไทยและกัมพูชา 3 โพสต์ติดต่อกัน โพสต์แรกระบุว่า ได้หารือทางโทรศัพท์กับนายกรัฐมนตรี มาเนตกัมพูชาและนายภูมิธรรม เวชยชัย รักษานายกรัฐมนตรีของไทย เรื่องการหยุดยิงและยุติสงครามที่กำลังดำเนินอยู่ สหรัฐซึ่งกำลังหารือทางการค้ากับทั้ง 2 ประเทศอยู่ในขณะนี้ไม่ต้องการทำข้อตกลงกับประเทศใดประเทศหนึ่งหากยังมีการสู้รบกันอยู่ กัมพูชาจะแสดงท่าทีเรื่องหยุดยิงหลังจากที่เขาได้คำตอบจากไทยในเรื่องนี้ นายทรัมป์ระบุด้วยว่า สถานการณ์ระหว่างไทยกับกัมพูชาทำให้เขานึกถึงสถานการณ์ความตึงเครียดระหว่างปากีสถานกับอินเดียที่ได้รับการยับยั้งเป็นผลสำเร็จ หลังจากนั้นราว 1 ชั่วโมง ประธานาธิบดีทรัมได้โพสต์ข้อความใหม่ว่า ได้สนทนากับรักษาการนายกรัฐมนตรีของไทย ฝ่ายไทยต้องการหยุดยิงและสันติภาพเช่นเดียวกับกัมพูชา และหลังจากนั้นไม่นานผู้นำสหรัฐโพสต์ข้อความที่ 3 ว่า เพิ่งเสร็จสิ้นการสนทนากับนายกรัฐมนตรีกัมพูชาและแจ้งเรื่องที่ได้หารือกับทางการไทย ทั้ง 2 ฝ่ายต้องการหยุดยิงและสันติภาพ และต้องการกลับมาเจรจาทางการค้ากับสหรัฐ โดยตกลงจะพบหารือและหาทางหยุดยิงโดยทันที ด้านนายกรัฐมนตรีอันวาร์ อิบราฮิมของมาเลเซีย เปิดเผยกับสื่อที่เมืองปุตราจายาเมื่อวานนี้ว่า จะเดินหน้าผลักดันข้อเสนอหยุดยิงระหว่างไทยและกัมพูชา ซึ่งยังคงมีการยิงปะทะกันอยู่ เขาได้ขอให้รัฐมนตรีกระทรวงการต่างประเทศของมาเลเซียประสานงานกับรัฐมนตรีต่างประเทศของไทยและกัมพูชา และหากเป็นไปได้ เขาจะเข้าไปประสานงานด้วยตัวเองเพื่อหยุดยั้งการสู้รบ รอยเตอร์รายงานว่า กัมพูชาสนับสนุนข้อเสนอของนายอันวาร์ ส่วนไทยระบุว่า เห็นชอบในหลักการ.-820(814).-สำนักข่าวไทย