อธิบดี พช. ลงพื้นที่โคราช รวมพลัง อช. สานต่อศาสตร์พระราชา

นครราชสีมา 29 ม.ค.-อธิบดี พช. ลงพื้นที่โคราช รวมพลัง อช. สานต่อศาสตร์พระราชา พัฒนาชุมชนสู่ความยั่งยืน เนื่องในวาระครบรอบ 52 ปี โครงการพัฒนาผู้นำอาสาพัฒนาชุมชน


วันที่ 29 มกราคม 2564 นายสุทธิพงษ์ จุลเจริญ อธิบดีกรมการพัฒนาชุมชน กระทรวงมหาดไทย เป็นประธานในพิธี กิจกรรม “รวมพลัง อช. สานต่อศาสตร์พระราชา พัฒนาชุมชนสู่ความยั่งยืน” เนื่องในวาระครบรอบ 52 ปี โครงการพัฒนาผู้นำอาสาพัฒนาชุมชน และเปิดมหกรรมแสดงผลสำเร็จ การสร้างวัฒนธรรมปลูกผักประจำครัวเรือน โครงการของขวัญปีใหม่ “มท. สร้างสุข (Happy Creation)” โดยมีพระครูภัทรธรรมโฆษิต เจ้าคณะตำบลหลุ่งประดู่ อำเภอห้วยแถลง จังหวัดนครราชสีมา นายวิเชียร จันทรโณทัย ผู้ว่าราชการจังหวัดนครราชสีมา นายชรินทร์ ทองสุข รองผู้ว่าราชการจังหวัดนครราชสีมา นายสุรศักดิ์ อักษรกุล รองอธิบดีกรมการพัฒนาชุมชน คณะผู้บริหารกรมการพัฒนาชุมชน นางอรุณรัตน์ ชิงชนะ พัฒนาการจังหวัดนครราชสีมา นายเดชฤทธิ์ ถิตย์ฉาย นายอำเภอห้วยแถลง หัวหน้าส่วนราชการประจำจังหวัดนครราชสีมา พัฒนาการอำเภอทุกอำเภอ เจ้าหน้าที่พัฒนาชุมชน ประธานชมรมอาสาพัฒนาชุมชนจังหวัดนครราชสีมา ผู้นำอาสาพัฒนาชุมชน จากทุกอำเภอในจังหวัดนครราชสีมา ผู้นำชุมชน กลุ่ม องค์กร เครือข่ายของอำเภอห้วยแถลง ร่วมกิจกรรมฯ ณ วัดหลุ่งประดู่ ตำบลหลุ่งประดู่ อำเภอห้วยแถลง จังหวัดนครราชสีมา

ในการนี้ได้จัดให้มีกิจกรรม อ่านสารรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย การมอบเกียรติบัตรแก่ผู้นำอาสาพัฒนาชุมชนผู้มีผลการปฏิบัติงานดีเด่น ประจำปี 2563 การแสดงพลังผู้นำ อช. ร้องเพลงสรรเสริญพระบารมี และกล่าวคำปฏิญาณของผู้นำ อช. กิจกรรมมหากรรมแสดงผลสำเร็จ “น้อมนำแนวทางพระราชดำริของสมเด็จพระกนิษฐาธิราชเจ้าสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี สู่แผนปฏิบัติการ 90 วัน ปลูกผักสวนครัว เพื่อสร้างความมั่นคงทางอาหาร ของกรมการพัฒนาชุมชน” และโครงการของขวัญปีใหม่ “มท. สร้างสุข (Happy Creation)” โดยจังหวัดนครราชสีมาร่วมกับ ชมรมผู้นำ อช. มอบถุงยังชีพและเมล็ดพันธุ์ผักให้กับครัวเรือนยากจน จำนวน 32 ครัวเรือน มอบทุนอุปการะกองทุนพัฒนาเด็กชนบท ในพระบรมราชูปถัมภ์ สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี จังหวัดนครราชสีมา จำนวน 20 ทุน ทุนละ 2,000 บาท ให้กับเด็กอายุ 0–6 ปี และมอบเงินช่วยเหลือซ่อมแซมบ้านครัวเรือนยากจน จำนวน 1 ราย เป็นเงิน 30,000 บาท คือ นายบุญทอง ปัตตาเนนะ บ้านเลขที่ 158 หมู่ที่ 11 ตำบลหลุ่งประดู่ อำเภอห้วยแถลง จังหวัดนครราชสีมา


นายสุทธิพงษ์ จุลเจริญ อธิบดีกรมการพัฒนาชุมชน กล่าวว่า เรื่องใหญ่ที่สำคัญ ผู้นำอาสาพัฒนาชุมชน (ผู้นำ อช.) อาสาพัฒนาชุมชน (อช.) ท่านทั้งหลายเป็นคือบุคคลในพื้นที่ที่มความสำคัญอย่างมาก ได้ช่วยเหลือสนองพระราชปณิธานของ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว มหาวชิราลงกรณ บดินทรเทพยวรางกูร ทรงมีพระราชประสงค์ที่แนวแน่ อยากให้สังคมไทยเป็นสังคมแห่งความรัก สังคมแห่งความสามัคคี มีความเสียสละ พระองค์จึงพระราชทาน โครงการ จิตอาสา 904 ให้เกิดขึ้นในประเทศไทย ซึ่งตรงกับที่พี่ๆน้องๆ ได้ประพฤติปฏิบัติ เป็นผู้ที่มีจิตอาสา เป็นผู้เสียสละเพื่อส่วนร่วม เป็นผู้ที่ตั้งใจทำงาน และรับผิดชอบในภารกิจที่ได้รับมอบหมาย ตลอดทั้งขับเคลื่อนกิจกรรมต่างๆ ในชุมชน สู่ความสำเร็จก่อเกิดประโยชน์สุขของชุมชน ดุจเทียนไขละลายตน เพื่อให้แสงสว่างในความมืดมิดของบ้านเรือนของชุมชน ความเสียสละของพี่ๆน้องๆทุกคน เป็นสิ่งที่สังคมไทยเราขาดหาย สาเหตุเพราะว่าเรามุ่งพัฒนาเศรษฐกิจแบบตะวันตก วัดจากความมั่งคั่ง วัดจากผลิตภัณฑ์มวลรวมของประเทศ (GDP) ซึ่งอาจจะไม่ตอบสนองต่อความสมดุลในการขับเคลื่อนการพัฒนาชุมชนให้เกิดความเข้มแข็งยั่งยืนอย่างแท้จริงได้ สิ่งที่สำคัญวันนี้ได้มาประชุมในที่นี้ เพื่อที่จะร่วมฉลองและรำลึกนึกถึงความเสียสละ ของผู้นำอาสาพัฒนาชุมชน (ผู้นำ อช.) อาสาพัฒนาชุมชน (อช.) รุ่นพี่ เป็นการได้พบปะเพื่อเป็นการขอบคุณในปัจจุบัน เนื่องในวาระครบรอบ 52 ปี โครงการพัฒนาผู้นำอาสาพัฒนาชุมชน เพื่อตอกย้ำว่าสิ่งสำคัญเกิดคุณประโยชน์กับชุมชน เพื่อนบ้านญาติมิตร กับ คนไทยด้วยกัน นั้นเป็นสิ่งที่สังคมต้องการ ซึ่งสอดคล้องโครงการ จิตอาสา 904 เปรียบเสมือนพระองค์ท่านมาเป็นมิ่งขวัญกำลังใจสำหรับผู้ที่เป็นจิตอาสา ทั้งที่ไปอบรมและไม่ได้ไปอบรมก็ตาม แต่มีพฤติกรรมเป็นจิตอาสา ขอให้ได้ภาคภูมิใจ ช่วยกันผนึกกำลังจากทุกภาคส่วน ทั้งผู้นำท้องที่ พี่น้องๆ ร่วมพลังในการช่วยกันทำงานทำหน้าที่ ในการเป็นจิตอาสาในพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวร่วมกัน

กรมการพัฒนาชุมชน กระทรวงมหาดไทย ได้ดำเนินการขับเคลื่อนการพัฒนาชุมชน จากการพัฒนาเพื่อความมั่งคั่ง ทางเศรษฐกิจเพียงอย่างเดียวไม่ได้ ในปีนี้เราจะตั้งมั่นตามที่ ท่านพลเอกอนุพงษ์ เผ่าจินดา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย ได้มอบสาร และแนวทาง “รวมพลัง อช. สานต่อศาสตร์พระราชาพัฒนาชุมชนสู่ความยั่งยืน” น้อมนำหลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียง มาประยุกต์ใช้ในชีวิตประจำวัน ซึ่งสามารถนำไปเชิญชวนผู้นำท้องถิ่น ผู้นำชุมชนได้ยึดหลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียง ศาสตร์พระราชา อันประกอบไปด้วย ทฤษฎีใหม่ ขับเคลื่อนผ่านผู้นำ ทั้งโครงการ น้อมนำแนวทางพระราชดำริของสมเด็จพระกนิษฐาธิราชเจ้า สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี สู่แผนปฏิบัติการ 90 วัน ปลูกผักสวนครัว เพื่อสร้างความมั่นคงทางอาหารของกรมการพัฒนาชุมชน จากสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด – 19) โครงการนี้สามารถช่วยเหลือให้พี่น้องประชาชน มีความมั่นคงทางอาหาร โดยผู้นำต้องทำก่อน เพื่อเป็นแบบอย่าง ในสร้างวัฒนธรรมปลูกพืชผักประจำครัวเรือน และการดำเนินงาน รณรงค์ส่งเสริมการสวมใส่ผ้าไทยภูมิปัญญาของความเป็นไทย อนุรักษ์มรดกทางวัฒนธรรมอันล้ำค่า ดังพระปณิธาน สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง และ สมเด็จพระเจ้าลูกเธอเจ้าฟ้าสิริวัณณวรี นารีรัตนราชกัญญา ทรงสืบสาน รักษา และต่อยอดพระราชปณิธาน ตามพระดำริ การรณรงค์การร่วมใส่ผ้าไทย “ผ้าไทยใส่ให้สนุก” และได้ทรงพระราชทานแบบลายผ้า “ผ้ามัดหมี่ลายขอเจ้าฟ้าสิริวัณณวรีฯ”แก่พสกนิกรทั่วประเทศ ผ่านกรมการพัฒนาชุมชน เพื่อนำไปเป็นต้นแบบและพัฒนาต่อยอดสู่เครื่องแต่งกาย ตามเอกลักษณ์ประจำถิ่น เพื่อให้รายได้กลับสู่ชุมชน กรมการพัฒนาชุมชน และภาคีเครือข่าย สนับสนุนการรณรงค์การสวมใส่ผ้าไทย จนเป็นมติคณะรัฐมนตรี เมื่อวันที่ 9 มิถุนายน 2563 ที่ผ่านมา และกรมการพัฒนาชุมชนมีแนวทางการพัฒนา ส่งเสริมจังหวัดนครราชสีมา สู่การเป็น “ศูนย์กลางเส้นไหม” ด้วยการสนองพระดำริ สมเด็จพระเจ้าลูกเธอเจ้าฟ้าสิริวัณณวรี นารีรัตนราชกัญญา ในการอนุรักษ์รักษาคุณภาพผ้าไหมแท้ๆ และการใช้สีจากธรรมชาติ เป็นการอนุรักษ์และพัฒนาผ้าไทย กระตุ้น ส่งเสริม ให้พี่น้องประชาชนได้รักและห่วงแหนในภูมิปัญญาผ้าไทย สร้างงาน สร้างรายได้ สร้างอาชีพ พัฒนาเศรษฐกิจฐานรากให้มั่นคง และที่สำคัญ การนำหลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียง มาดำเนินชีวิต ในการขับเคลื่อนโครงการพัฒนาพื้นที่ ต้นแบบการพัฒนาคุณภาพชีวิตตามหลักทฤษฏีใหม่ ประยุกต์สู่ “โคก หนอง นา โมเดล” อันเป็นการน้อมนำศาสตร์พระราชาในการพัฒนาคุณภาพชีวิตอย่างยั่งยืน

ด้านนายชรินทร์ ทองสุข รองผู้ว่าราชการจังหวัดนครราชสีมา กล่าวว่า ขอขอบคุณท่านอธิบดีกรมการพัฒนาชุมชน และคณะ ที่ให้เกียรติเดินทางมาเป็นประธานในการจัดกิจกรรมฯ ในครั้งนี้ จังหวัดนครราชสีมา ร่วมกับภาคีทุกภาคส่วน ขับเคลื่อนการรณรงค์ ส่งเสริมให้ปลูกผักสวนครัวทุกครัวเรือน โดยเริ่มจากผู้นำในจังหวัดและขยายผลสู่ระดับครัวเรือน ทั้ง 32 อำเภอ ส่งเสริมการใส่ผ้า โดยจังหวัดนครราชสีมากำหนดให้ข้าราชการได้สวมใส่ผ้าไทยทุกวันพุธและวันศุกร์ เป็นการส่งเสริมและอุดหนุน เพื่อเพิ่มรายได้ให้กับกลุ่มผู้ผลิต ผู้ประกอบการ ประเภทผ้า สามารถจำหน่ายผ้าไทยได้เป็นจำนวนมาก และการส่งเสริมการขับเคลื่อนโครงการพัฒนาพื้นที่ต้นแบบการพัฒนาคุณภาพชีวิตตามหลักทฤษฎีใหม่ ประยุกต์สู่ “โคก หนอง นา โมเดล” เพื่อส่งเสริมการเรียนรู้และน้อมนำหลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียงประยุกต์สู่การปฏิบัติ อันเป็นการพัฒนารากฐานของชุมชน ของประเทศได้อย่างยั่งยืน


“กรมการพัฒนาชุมชน กระทรวงมหาดไทย ขอขอบคุณ อาสาพัฒนาชุมชน (อช.) และผู้นำอาสาพัฒนาชุมชน (ผู้นำ อช.) ร่วมถึงผู้นำท้องถิ่น ผู้นำหมู่บ้าน เนื่องในวาระครบรอบ 52 ปี ผู้นำอาสาพัฒนาชุมชน 28 มกราคม 2564 ในวันนี้ได้นำความปรารถนาดี จากรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย ท่านพลเอกอนุพงษ์ เผ่าจินดา กับผู้บริหารกระทรวงมหาดไทย ได้การนำของขวัญปีใหม่มอบให้กับพี่ๆน้องๆ ทั้งกิจกรรมแบ่งปันความมั่นคงทางอาหาร มอบถุงยังชีพและเมล็ดพันธุ์ผัก มอบทุนอุปการะกองทุนพัฒนาเด็กชนบท ในพระบรมราชูปถัมภ์ สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี มอบเงินช่วยเหลือซ่อมแซมบ้านครัวเรือนยากจน ก็ดี แม้จะเป็นส่วนเสี้ยวเล็กๆ แต่เต็มเปี่ยมไปด้วยพลังและมีน้ำใจ การจัดโครงการของขวัญปีใหม่ “มท.สร้างสุข (Happy Creation)” ครั้งนี้จะเป็นเสมือนประกายไฟ จุดสว่างอยู่ในดวงใจของพี่น้องทุกคน ในการที่จะทุ่มเท เสียสละในฐานะ ผู้นำ อช. ด้วยความเข้มแข็ง ความเสียสละ เพิ่มพูนพลังกายพลังใจ ปฏิบัติหน้าที่ร่วมกับภาคีเครือข่าย อันประกอบไปด้วยผู้นำท้องถิ่น ผู้นำท้องที่ หน่วยราชการ ผู้นำทางศาสนา ผู้นำทางการศึกษา ผู้นำสื่อสารมวลชน และผู้นำภาคประชาชน ให้เพิ่มพูนมากขึ้น ให้สมกับที่พวกเราทุกคนเป็นจิตอาสา 904 โดยพฤตินัย ตามพระราชดำริ ของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว อธิบดี พช. กล่าวทิ้งท้าย.-สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

“บิ๊กเต่า” ชี้พิรุธหมอดูชื่อดังเปิดใช้ชื่อวัดรับบริจาค แต่วัดเบิกไม่ได้

บช.ก. 6 ส.ค. – “บิ๊กเต่า” ชี้พิรุธหมอดูชื่อดัง เปิดรับบริจาค ใช้บัญชีชื่อวัด แต่หมอดูเบิกได้คนเดียว ตามกฎหมายทำไม่ได้ ต้องนำบัญชีมาตรวจสอบเส้นเงิน พล.ต.ต.จรูญเกียรติ ปานแก้ว รองผู้บัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง (รอง ผบช.ก.) เปิดเผยถึงกรณีที่มีหมอดูชื่อดังได้เปิดรับบริจาคเงินโดยใช้บัญชี ชื่อวัดพระบาทน้ำพุ แต่คนที่สามารถถอนเงินออกจากบัญชีได้คือหมอดูคนดังกล่าว ทำให้ประชาชนเกิดข้อสงสัยว่า ทำไมเปิดรับบริจาคใช้ชื่อวัดแต่วัดถอนเงินไม่ได้ พล.ต.ต.จรูญเกียรติ กล่าวว่า ตอนนี้มีผู้เสียหายได้มาร้องขอความเป็นธรรมที่ กองกำกับการ 1 กองบังคับการปราบปราม เรื่องหมอดูคนดังกล่าว และได้มีการพูดคุยกับผู้กำกับกอง 1 ซึ่งกำลังตรวจสอบอยู่ มีการอ้างว่านำเงินไปให้เจ้าอาวาส อยู่ระหว่างการตรวจสอบ และจะต้องมีการเช็คว่านำเงินไปให้เจ้าอาวาสจริงหรือไม่ และเจ้าอาวาสนำเงินไปใช้อะไร เมื่อผู้สื่อข่าวถามว่ากรณีนี้จะเข้าข่ายคดีฉ้อโกงหรือไม่ พล.ต.ต.จรูญเกียรติ บอกว่า คิดว่าน่าจะเข้าข่ายคดีฉ้อโกง แต่ก็ต้องตรวจสอบดูว่าเงินที่รับบริจาคมาเอาไปให้เจ้าอาวาสจริงหรือไม่ และถ้าเอาไปให้จริง เจ้าอาวาสนำเงินไปใช้จ่ายอะไรบ้าง ผู้สื่อข่าวถามอีกว่ากรณีที่หมอดูคนดังกล่าว นำชื่อวัดมารับบริจาคเงินแต่หมอดูคนดังกล่าวกับเบิกเงินได้คนเดียว ทั้งที่ชื่อในบัญชีที่รับบริจาคเป็นชื่อวัดกระทำได้หรือไม่ พล.ต.ต.จรูญเกียรติ บอกว่าทำไม่ได้ ถ้าใช้ชื่อบัญชีรับบริจาคเป็นชื่อวัดก็ต้องนำเงินไปให้วัดแล้วคนที่เบิกได้ก็ต้องเป็นวัดเท่านั้น เพราะเป็นเงินวัด เดี๋ยวจะต้องมีการนำบัญชีดังกล่าวมาตรวจสอบว่าเงินที่เข้าในบัญชีเท่าไหร่และวัดได้เท่าไหร่ และการรับบริจาคในลักษณะนี้ ต้องมีกรรมการวัดในการตรวจสอบบัญชี ให้ละเอียด ไม่ใช่อยากรับบริจาคก็จะทำได้เลย. -415-สำนักข่าวไทย

บุกค้นบริษัท ยึดโดรน-อุปกรณ์ตัดสัญญาณรวมกว่า 200 ชิ้น

กทม. 6 ส.ค.-ตำรวจกองปราบ ร่วมกับ กสทช. บุกค้นบริษัทใน จ.สมุทรปราการ ยึดโดรน และอุปกรณ์ตัดสัญญาณรวมกว่า 200 ชิ้น ตำรวจกองบังคับการปราบปราม ร่วมกับเจ้าหน้าที่ กสทช. และพนักงานสืบสวนจังหวัดสมุทรปราการ เข้าตรวจค้นบริษัทแห่งหนึ่ง ในอำเภอเมืองสมุทรปราการ หลังพบขัอมูลว่ามีบริษัทแห่งนี้ผลิตอุปกรณ์ และมีอากาศยานไร้คนขับโดรนไว้จำนวนมาก ต่อมาเมื่อแสดงหมายเพื่อขอตรวจค้น นายกฤษนันท์ ได้แสดงตัวเป็นกรรมการผู้จัดการของบริษัทดังกล่าว เป็นผู้นำตรวจค้น จากการตรวจค้นพบอากาศยานไร้คนขับ หรือโดรน 29 เครื่อง, กระเป๋าตรวจจับสัญญาณ 38 อัน, ปืนรบกวนสัญญาณ 129 กระบอก, เครื่องรบกวนสัญญาณ 16 เครื่อง, รถตู้สำหรับตรวจจับและรบกวนสัญญาณ 1 คัน และอุปกรณ์อื่นๆ ที่เกี่ยวข้องอีก 50 รายการ โดยของกลางทั้งหมดจะถูกนำไปเก็บไว้ที่กองบังคับการตำรวจสอบสวนกลาง เพื่อนำไปตรวจสอบความถี่ และเอกสารที่เกี่ยวข้อง สำหรับบริษัทดังกล่าว ตำรวจให้ข้อมูลว่า มีเจ้าของโรงงานเป็นคนสัญชาติสิงคโปร์ และมีกรรมการเป็นชาวไทยร่วมด้วย ประกอบกิจการผลิตอุปกรณ์ และอากาศยานไร้คนขับโดรน.-สำนักข่าวไทย

มหาดไทย เตรียมชง ครม. เด้ง 2 อธิบดีสายน้ำเงิน

กทม 5 ส.ค.-มหาดไทย เตรียมชง ครม. เด้ง 2 อธิบดีสายน้ำเงินอีก “ขจรเกียรติ” ผู้ว่าฯ ฉะเชิงเทรา ผงาดคุมที่ดิน “เชษฐา” คุม ปภ. โยก “ภาสกร” นั่งผู้ว่าฯ ระยอง ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ในการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) วันนี้ กระทรวงมหาดไทย เตรียมเสนอให้ ครม.พิจารณาเห็นชอบรวม 5 ตำแหน่ง ประกอบด้วย นายพรพจน์ เพ็ญพาส อธิบดีกรมที่ดิน เป็นรองปลัดกระทรวงมหาดไทย นายเชษฐา โมสิกรัตน์ รองปลัดกระทรวงมหาดไทย เป็นอธิบดีกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย นายขจรเกียรติ รักพานิชมณี ผู้ว่าฯ ฉะเชิงเทรา เป็นอธิบดีกรมที่ดิน นายภาสกร บุญญลักษม์ อธิบดีกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย เป็นผู้ว่าฯ ระยอง และนายไตรภพ วงศ์ไตรรัตน์ ผู้ว่าฯ ระยอง เป็นผู้ว่าฯ เพชรบุรี.-319.-สำนักข่าวไทย

เปิดปฏิบัติการค้น 200 จุด ล่าพระทำผิดกฎหมาย

กทม. 5 ส.ค.-ตำรวจสอบสวนกลาง เปิดปฏิบัติการทำนุบำรุงพระพุทธศาสนา ลุยค้น 200 จุดทั่วประเทศ ไล่ล่าจับพระทำผิดกฎหมาย 181 เป้าหมาย ล่าสุดจับพระวัดดังย่านคลอง 6 ปทุมธานี พบเอี่ยวองค์กรอาชญากรรมข้ามชาติ พล.ต.ท.จิรภพ ภูริเดช ผบช.ก. ในฐานะหัวหน้าศูนย์ป้องกันปราบปรามภัยคุกคามและเสริมสร้างความมั่นคงทางพระพุทธศาสนา สั่งการ พล.ต.ต.จรูญเกียรติ ปานแก้ว รอง ผบช.ก. นำกำลังเจ้าหน้าที่หน่วยงานในสังกัด บช.ก. เปิดปฏิบัติการกวาดลานวัด เข้าตรวจค้นพื้นที่เป้าหมาย กว่า 200 จุด เพื่อจับกุมผู้ต้องหาคดีต่างๆ อาทิ ยักยอกทรัพย์ ฟอกเงิน เมาแล้วขับ หรือ มีส่วนเกี่ยวข้องกับขบวนการยาเสพติด รวมไปถึงองค์กรอาชญากรรมข้ามชาติ ที่หลบหนีมาบวชเป็นพระซ่อนตัวตามวัดต่างๆ ทั่วประเทศ โดยกลุ่มผู้ต้องหาที่เป็นเป้าหมายหลักของปฏิบัติการครั้งนี้ มีด้วยกันทั้งหมด 181 ราย แบ่งเป็น ผู้ต้องหาที่ยังมีสถานะเป็นพระ 154 ราย ในจำนวนนี้มีพระตำแหน่งสูงสุดเป็นระดับเจ้าอาวาส ส่วนผู้ต้องหาที่เคยเป็นพระแต่สึกไปแล้วมีทั้งหมด 27 ราย ซึ่งขณะนี้เจ้าหน้าที่อยู่ระหว่างการเข้าดำเนินการจับกุม อย่างไรก็ตามขณะนี้มีรายงานว่า จากปฏิบัติการดังกล่าวขณะนี้เจ้าหน้าที่สามารถจับกุมตัวผู้ต้องหาคนสำคัญได้รายหนึ่งแล้ว […]

ข่าวแนะนำ

ศาลอาญาฯ อนุญาตปล่อยตัวชั่วคราว “ไฮโซลูกนัท”

กรุงเทพฯ 7 ส.ค. – ศาลอาญาพระโขนง อนุญาตปล่อยตัวชั่วคราว “ไฮโซลูกนัท” ตีราคาประกัน 100,000 บาท หลังตำรวจนำตัวฝากขัง คดียาเสพติด และ พ.ร.บ.อาวุธปืนฯ พนักงานสอบสวน สน.คลองตัน ยื่นคำร้องต่อศาลอาญาพระโขนง ฝากขังครั้งที่ 1 นายธนัตถ์ หรือ ไฮโซลูกนัท อายุ 33 ปี ผู้ต้องหาคดีกระทำผิดเกี่ยวกับยาเสพติด และ พ.ร.บ.อาวุธปืนฯ โดยศาลอนุญาตฝากขังตามคำร้อง ซึ่งวันนี้ผู้ต้องหาได้ยื่นคำร้องขอปล่อยชั่วคราว ศาลพิจารณาแล้วมีคำสั่งอนุญาตปล่อยตัวชั่วคราว ตีราคาประกัน 100,000 บาท โดยผู้ต้องหานำเงินสดเป็นหลักประกันตนเอง.-สำนักข่าวไทย

รมว.ต่างประเทศ ย้ำทูตไทยทั่วโลกแจงผลประชุม GBC

7 ส.ค. – รมว.ต่างประเทศ ถกทูตไทยทั่วโลก ชื่นชมผลประชุม GBC กำชับทูตไทยทั่วโลกทำงานเชิงรุก เดินหน้าชี้แจงข้อเท็จจริง บนพื้นฐานของหลักฐานเชิงประจักษ์ ชี้ “ความจริงจะชนะทุกสิ่ง” นายมาริษ เสงี่ยมพงษ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ เป็นประธานการประชุมแบบออนไลน์ ร่วมกับ เอกอัครราชทูตไทย ผู้แทนสถานเอกอัครราชทูต และคณะผู้แทนถาวรไทยในต่างประเทศจาก 70 ประเทศทั่วโลก และกรมต่างๆ เพื่อชี้แจงสถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชา ทั้งผลการประชุมคณะกรรมการชายแดนทั่วไป General Border Committee หรือ GBC ที่ประเทศมาเลเซีย พร้อมมอบนโยบายและแนวทางในการดำเนินการของกระทรวงฯ และสำนักงานในต่างประเทศ เพื่อแก้ไขปัญหาสถานการณ์ชายแดนดังกล่าวอย่างบูรณาการร่วมกัน นายมาริษ กล่าวถึงผลของการประชุม GBC และข้อตกลงที่เห็นพ้องร่วมกันทั้ง 13 ข้อ ว่าเป็นพัฒนาการและก้าวสำคัญสำหรับการเจรจาการหยุดยิง บรรลุเป้าหมายที่ต้องการในเบื้องต้น ซึ่งต้องขอบคุณมาเลเซีย สหรัฐอเมริกา และจีน ณ ที่นี้ด้วย โดยกระทรวงพร้อมให้การสนับสนุนกระทรวงกลาโหมในการดำเนินการเจรจาต่อไป ซึ่งที่ผ่านมาได้สนับสนุนการดำเนินงานของกระทรวงกลาโหม และทำงานร่วมกันอย่างใกล้ ตั้งแต่การเป็นฝ่ายเลขาฯ การร่างเพื่อเสนอกรอบข้อตกลง โดยหลังจากนี้ไทยพร้อมเปิดรับการเจรจาทวิภาคีผ่านช่องทางทางการทูต เพื่อสนับสนุนภารกิจของกระทรวงกลาโหม ภายใต้เงื่อนไขว่าฝ่ายกัมพูชาเคารพและดำเนินการตามข้อตกลงของการเจรจาหยุดยิงต่อไป […]

ชาวบ้านยังไม่วางใจ แม้บรรลุข้อตกลงหยุดยิง

อุบลราชธานี 7 ส.ค. – ชาวบ้านในพื้นที่ชายแดน จ.อุบลราชธานี ยังไม่วางใจสถานการณ์ แม้ผลประชุม GBC ไทย-กัมพูชา ทั้ง 2 ชาติเห็นพ้องข้อตกลงหยุดยิงแล้ว ค่ำคืนนี้หลายหมู่บ้านยังคงมีคำเตือนให้ออกนอกพื้นที่ หลังบางส่วนทยอยกลับเข้ามา .-สำนักข่าวไทย

กต.อัปเดตสถานการณ์ไทย-กัมพูชา กับทูตไทยทั่วโลก

กระทรวงการต่างประเทศ 7 ส.ค. – กต. นำผลประชุม GBC อัปเดตสถานการณ์ไทย-กัมพูชา กับทูตไทยทั่วโลก เพื่อชี้แจงรัฐบาล-องค์การระหว่างประเทศ พร้อมประเมินระดับความเข้าใจของนานาชาติถึงสถานการณ์ ป้องกันการบิดเบือนข้อมูล นายนิกรเดช พลางกูร อธิบดีกรมสารนิเทศและโฆษกกระทรวงการต่างประเทศ แถลงข่าวเกาะติดพัฒนาการสถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชา โดยได้สรุปผลการประชุมคณะกรรมการชายแดนทั่วไป (General Border Committee : GBC) ไทย-กัมพูชา สมัยวิสามัญ ซึ่งนำโดย พลเอก ณัฐพล นาคพาณิชย์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงกลาโหม หัวหน้าคณะผู้แทนไทย โดยมีผู้แทนจากมาเลเซีย สหรัฐอเมริกา และจีน ร่วมสังเกตการณ์ ซึ่งการประชุมเป็นกลไกหารือทวิภาคีระหว่างไทย-กัมพูชา ทั้งนี้ ก่อนการประชุม GBC ประธาน GBC ของทั้ง 2 ฝ่าย ได้เข้าเยี่ยมคารวะ นายอันวาร์ อิบราฮิม นายกรัฐมนตรีมาเลเซีย โดยได้ยืนยันว่ามาเลเซีย รวมถึงประเทศสมาชิกอาเซียนต่างๆ เห็นตรงกันว่าสนับสนุนให้ใช้กลไกทวิภาคีแก้ไขปัญหาระหว่างไทย-กัมพูชา สอดคล้องกับท่าทีของไทย ทั้ง 2 ฝ่ายตกลงปฏิบัติตามข้อตกลงหยุดยิงอย่างเคร่งครัด โดยไม่เสริมกำลังเพิ่ม หลีกเลี่ยงการกระทำที่ยั่วยุทั้งทางการทหาร […]