รร.เชอราตัน 20 ก.ค. – คลังไม่ห่วงการลงทุนภาคเอกชนยังไม่ฟื้น มั่นใจปฎิรูปภาษีสรรพสามิต-กรมศุล-จัดซื้อจัดจ้างใหม่ ทำอันดับ Doing Business ดีขึ้น ด้านหอการค้าอเมริกันขอความชัดเจนอัตราภาษีก่อนวางแผนลงทุนได้
นายวิสุทธิ์ ศรีสุพรรณ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลัง ปาฐกถาในงานสัมมนา “การปฏิรูปภาษีสรรพสามิต : ผลกระทบต่อการประกอบธุรกิจในประเทศไทย” จัดโดยหอการค้าอเมริกันในประเทศไทย ว่า โครงการที่รัฐบาลดำเนินการไปโดยเฉพาะโครงการลงทุนพื้นฐานขนาดใหญ่จะทยอยมีเม็ดเงินเข้าสู่ระบบภายในสิ้นปีนี้และปีหน้าอย่างต่อเนื่อง ซึ่งเชื่อว่าภาคเอกชนมีความพร้อมที่จะลงทุนตามแน่นอน เพราะที่ผ่านมารัฐให้สิทธิประโยชน์ทางภาษีจำนวนมาก ดังนั้น จึงไม่น่ากังวลว่าการลงทุนภาคเอกชนในอนาคตจะชะลอตัว
ส่วนแนวทางการแก้ไขและปฏิรูปภาษีสรรพสามิตครั้งนี้นั้น จะทำให้หอการค้าอเมริกันในประเทศไทยและต่างชาติเห็นถึงความจริงจังในการปรับปรุงข้อกฎหมายเพื่อให้เหมาะสม และเกิดความเป็นธรรมทั้งผู้ประกอบการในประเทศและต่างประเทศ ซึ่งเป็นการสร้างฐานภาษีใหม่ โดยเน้นการขยายฐานให้กว้างขึ้น แต่อาจจะต้องลดอัตราภาษีบางตัวให้เหมาะสมมากขึ้น ขณะเดียวกันการปรับปรุงภาษีอื่น ๆ ทำให้นักลงทุนและผู้ประกอบการต่าง ๆ มีความเชื่อมั่นและพร้อมลงทุนในไทยมากขึ้น และทำให้อันดับความยากง่ายในการทำธุรกิจในไทย หรือ Doing Business ของไทยดีขึ้น ทั้ง พ.ร.บ.ศุลกากรฉบับใหม่ที่จะมีผลบังคับใช้เดือนพฤศจิกายนนี้ ส่วน พ.ร.บ.จัดซื้อจัดจ้างจะมีผลบังคับใช้เดือนหน้านี้ อย่างไรก็ตาม ยอมรับการปรับปรุงภาษีสรรพสามิตใหม่อาจไม่ได้ส่งผลให้รายได้การจัดเก็บภาษีของกรมสูงขึ้นปีนี้ แต่จะดีขึ้นในอนาคต แต่จะดูแลให้เกิดความเป็นธรรมมากกว่า
ด้านนางมัลลิกา ภูมิวาร ผู้เชี่ยวชาญด้านภาษีศุลกากรและการค้าการลงทุนระหว่างประเทศ กล่าวว่า การปฏิรูปภาษีสรรพสามิตยังไม่กระทบต่อความมั่นใจ หรือทำให้ต่างชาติย้ายฐานการลงทุน เพราะการปฏิรูปภาษีจะทำให้การจัดเก็บภาษีมีความเท่าเทียมกัน แต่เอกชนต่างชาติต้องการความชัดเจน และโปร่งใส เรื่องของการปรับอัตราภาษีใหม่ เพื่อจะได้วางแผนการตลาดและการลงทุน เพราะต้องยอมรับว่าการปรับขึ้นอัตราภาษีใหม่กระทบต่อต้นทุนให้ปรับเพิ่มขึ้น ซึ่งผลกระทบระยะสั้นคงจะมีต่อราคาปลายทางผู้บริโภค แต่ระยะยาวส่งผลดีต่อความเท่าเทียมและการพัฒนาอุตสาหกรรมต่าง ๆ
นายณัฐกร อุเทนสุต ผู้อำนวยการสำนักแผนภาษี กรมสรรพสามิต กล่าวว่า ขณะนี้กฎหมายลูกดำเนินการไปกว่าร้อยละ 70 โดยในส่วนของกฎกระทรวงนั้นเสร็จสิ้นและเตรียมเสนอกระทรวงการคลังภายในเดือนนี้ส่วนที่เหลือเพียง 2 ฉบับ คือ อัตราภาษีที่จัดเก็บจริงและค่าธรรมเนียม ซึ่งจะเสนอใกล้วันที่ 16 กันยายนเพื่อไม่ให้เกิดความได้เปรียบเสียเปรียบและเกิดการกักตุน โดยอัตราภาษีสินค้าอื่น ๆ ที่ไม่ใช่สุราและยาสูบจะเสนอเข้า ครม.ก่อน เพื่อให้ผู้ประกอบการมีเวลาปรับตัว ซึ่งวันนี้กรมฯ ได้ชี้แจงถึงแนวทางปฏิบัติและขอความร่วมมือภาคเอกชนให้ดำเนินการตามกฎหมายใหม่ พร้อมยืนยันว่าภาษีใหม่ไม่ได้มีเป้าหมายเพื่อหารายได้เพิ่ม เนื่องจากรายได้ปี 2561 ที่ตั้งไว้ 600,000 ล้านบาทนั้น เป็นการเพิ่มขึ้นในอัตราปกติทุกปีร้อยละ 10 จากปีนี้ที่คาดว่าจะเก็บได้ 560,000 ล้านบาท.-สำนักข่าวไทย