กรมสรรพากร 26 ส.ค. – คลังเดินหน้าปฏิรูปภาษีบุคคลธรรมดา นิติบุคคล รองรับเศรษฐกิจดิจิทัล แข่งขันกับประเทศเพื่อนบ้าน กรมสรรพากรผลักดันภาษีออนไลน์ เสนอสภาปี 62 ยอมรับลดภาษีบุคคลธรรมดากระทบรายได้รัฐบาล
นายอุตตม สาวนายน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง พร้อมด้วยนายสันติ พร้อมพัฒน์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลัง มอบนโยบายให้ผู้บริหารกรมสรรพากร เพื่อผลักดันการปฏิรูปโครงสร้างภาษีทั้งระบบรองรับเศรษฐกิจดิจิทัล เพื่อเพิ่มศักยภาพการแข่งขันของประเทศ ศึกษาแนวโน้มอัตราภาษีของประเทศเพื่อนบ้าน และดูแลประชาชนทั่วไปให้เป็นธรรม สำหรับการลดภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาเหลือร้อยละ 10 นั้น ต้องพิจารณาหลายปัจจัยให้สอดคล้องกัน ขณะที่ภาษีนิติบุคคลต้องแข่งขันกับประเทศเพื่อนบ้าน โดยกรมสรรพากรเตรียมเปิดระบบ Block Chain เดือนตุลาคม 2562 ให้บริการภาษียุคใหม่ที่มีประสิทธิภาพสูง
กรมสรรพกากรยังต้องเร่งผลักดันร่าง พ.ร.บ.แก้ไขเพิ่มเติมจัดเก็บภาษีมูลค่าเพิ่มจากผู้ประกอบการธุรกรรมอิเล็กทรอนิกส์ (e-Bussiness) ต่างประเทศ ขณะนี้อยู่ระหว่างการพิจารณาของกฤษฎีกา คาดว่าจะเสนอสภาพิจารณาภายในปี 2562 เพื่อจัดเก็บภาษีจากผู้ค้าออนไลน์รายใหญ่ต่างประเทศ รวมถึงการจัดทำระบบ BigData เชื่อมโยงข้อมูลภาษีกรมจัดเก็บภาษีทั้งกรมสรรพสามิต กรมศุลกากร และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเข้าด้วยกันนำมาวิเคราะห์แผนการจัดเก็บภาษี เพื่อขยายฐานภาษีให้ครอบคลุมและเป็นธรรมมากขึ้น
นายอุตตม กล่าวยอมรับว่า ท่ามกลางเศรษฐกิจโลกมีปัญหาในช่วง 10 เดือนที่ผ่านมา (ต.ค.-ก.ค.) จัดเก็บรายได้รวม 1.595 ล้านล้านบาท สูงกว่าเป้าหมาย 48,444 ล้านบาท หรือร้อยละ 3.1 และสูงกว่าปีก่อน 101,846 ล้านบาท กรมสรรพากรยังมั่นใจยอดจัดเก็บภาษีปี 2562 สูงกว่าเป้าหมาย 2 ล้านล้านบาท และปี 2563 คาดว่าจัดเก็บได้ 2.16 ล้านล้านบาท ส่วนมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจเตรียมอัดฉีดเงินออกสู่ระบบช่วงนี้ต้องติดตามเร่งรัดอย่างใกล้ชิด เพื่อสู้กับปัญหาเศรษฐกิจโลก รวมถึงส่งเสริมการลงทุนผ่านนโยบายภาษี สำหรับแนวทางจัดเก็บภาษีมูลค่าเพิ่มร้อยละ 7 จะครบกำหนดสิ้นเดือนกันยายนี้ต้องพิจารณาการจัดเก็บให้สอดคล้องกับปัญหาเศรษฐกิจโลกชะลอตัว เพื่อไม่ให้ทุกฝ่ายเดือดร้อน
นายเอกนิติ นิติทัณฑ์ประภาศ อธิบดีกรมสรรพากร กล่าวว่า คาดการณ์จัดเก็บภาษีมูลค่าเพิ่มจากผู้ประกอบการธุรกรรมอิเล็กทรอนิกส์ (e-Bussiness) ต่างประเทศ หลังจากหารือกับผู้ประกอบการรายใหญ่ เช่น เฟสบุ๊ค อาลีบาบา อเมซอน ได้เตรียมพร้อมระบบรองรับ คาดว่าจัดเก็บรายได้ภาษีเพิ่ม 3,000-4,000 ล้านบาทต่อปี จากการศึกษาแนวทางจัดเก็บภาษีต่างประเทศ เช่น ออสเตรเลีย เกาหลี และยุโรป ประมาณ 20 ประเทศ บริษัทขนาดใหญ่ต่างมีธรรมาภิบาลจะไม่ยอมเสียชื่อเสียง แต่รายเล็กทั่วไปต้องระวัง ยอมรับว่าหลายประเทศส่วนใหญ่จัดเก็บภาษีเพิ่มขึ้น สำหรับข้อกังวลอำนาจการเรียกเก็บภาษีจากผู้ประกอบการต่างประเทศนั้น เพื่อรองรับการเก็บภาษีมูลค่าเพิ่มจากผู้ประกอบการที่ไม่ได้มาจดทะเบียนภาษีมูลค่าเพิ่ม (VAT) กรมสรรพากรเตรียมยกร่างกฎหมาย (Exchang Of Information) ตามมาตรฐาน OECD เพื่อแลกเปลี่ยนข้อมูลระหว่างประเทศส่งข้อมูลของประเทศสมาชิก เพื่อประเมินรายได้ภาษีระหว่างสมาชิกในการจัดเก็บภาษีการค้าออนไลน์ เนื่องจากทั้งโลกเกิดปัญหาภาษีเงินได้นิติบุคคลจัดเก็บไม่ได้เมื่อมีการขายสินค้าออนไลน์ รวมทั้งเพื่อลดปัญหาบริษัทต่างชาติไม่ได้ตั้งสำนักงานในประเทศไทย จึงไม่มีอำนาจจัดเก็บภาษี จึงต้องออกร่างกฎหมายแบบใหม่เหมือนกับฝรั่งเศส ซึ่งเป็นอีกแนวทางในการออกกฎหมายจัดเก็บภาษีแบบใหม่ กรมสรรพากรจึงต้องศึกษาแนวทางจัดเก็บภาษีร้อยละ 3 ของรายรับจากธุรกรรมที่เกิดขึ้น
นายเอกนิติ กล่าวเพิ่มเติมว่า แนวคิดการลดภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาเหลือร้อยละ 10 ยอมรับว่า รัฐบาลสูญเสียฐานรายได้แน่นอน และมีปัญหาประเด็นความเหลื่อมล้ำตามมา เพราะฐานภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาปัจจุบันมีผู้ยื่นแบบเสียภาษี 10.7 ล้านรายต่อปี เมื่อคำนวณแล้วจะเหลือผู้มีเงินได้ต้องเสียภาษีมีเพียง 4 ล้านคน ที่ต้องเสียภาษีจริง ส่วนผู้ยื่นแบบคนอื่นได้รับการหักลดหย่อน หรือไม่เข้าข่ายเสียภาษี โดยผู้มีรายได้สูงหรือคนรวยประมาณร้อยละ 3 จ่ายรายได้ภาษีให้รัฐบาลสัดส่วนถึงร้อยละ 72 ดังนั้น หากลดอัตราภาษีกระทบรายได้รัฐอย่างแน่นอนและสร้างปัญหาความเหลื่อมล้ำเพิ่มเติมอีก ปัจจุบันรายได้บุคคลธรรมดาประมาณ 400,000 ล้านบาท ร้อยละ 17 จากบุคคลธรรมดา โดยรายได้กรมสรรพากรทั้งหมด 2 ล้านล้านบาท ดังนั้น การลดอัตราภาษีเงินได้บคุคลธรรมดาต้องพิจาณาให้รอบคอบ.-สำนักข่าวไทย