กทม. 16 ก.ค.-ทีม”ช้างศึก”เตรียมใช้ระบบ 4-2-3-1 วางอดิศักดิ์ ไกรษร ยืนหน้าเป้า ในเกมรอบชิงชนะเลิศกับเบลารุส ในฟุตบอลชิงถ้วยพระราชทาน คิงส์คัพ ในค่ำวันนี้
ความพร้อมฟุตบอลชิงถ้วยพระราชทานคิงส์ คัพ ครั้งที่ 45 รอบชิงชนะเลิศ ระหว่างทีมชาติไทย แชมป์เก่า ที่นัดแรกชนะ เกาหลีเหนือมาได้ 3-0 พบกับ เบลารุส ที่ชนะจุดโทษบูร์กินาฟาโซ ในค่ำวันนี้ เมื่อวานนี้ นักเตะไทยได้ลงฝึกซ้อมที่สนามมหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ โดยการฝึกซ้อมได้เน้นการวอร์มร่างกาย และยืดเส้น และซ้อมยิงจุดโทษ
เกมนี้ คาดว่า ราเยวัช จะใช้นักเตะชุดที่ชนะเกาหลีเหนือลงสนาม จะใช้ระบบ 4-2-3-1 โดย กวินทร์ ธรรมสัจจานันท์ (กัปตันทีม) เป็นผู้รักษาประตู คู่เซ็นเตอร์ฮาล์ฟใช้พรรษา เหมวิบูลย์ จับคู่กับ เฉลิมพงษ์ เกิดแก้ว แบ็คขวา อดิศร พรหมรักษ์ แบ็คซ้าย พีรพัฒน์ โน๊ตไชยา กลางรับใช้ ฐิติพันธ์ พ่วงจันทร์ กับ ธนบูรณ์ เกษารัตน์ 3 ประสานเกมรุก ใช้ มงคล ทศไกร ยืนด้านขวา/ สรรวัชญ์ เดชมิตร ยืนด้านซ้าย โดยให้ธีราทร บุญมาทัน เล่นตัวรุก คอยประสานงานกับ อดิศักดิ์ ไกรษร ที่จะยืนเป็นหน้าเป้า
สำหรับทีมชาติไทย จะพบกับทีมชาติ เบลารุส รอบชิงชนะเลิศในค่ำวันนี้เวลา 19.30 นาฬิกา ส่วนรอบชิงอันดับที่ 3 ทีมชาติ บูร์กินาฟาโซ จะพบกับทีมชาติ เกาหลีเหนือ เวลา 16.30 น.ที่สนามราชมังคลากีฬาสถาน
ส่วนทำเนียบเเชมป์ฟุตบอลชิงถ้วยพระราชทานคิงส์คัพ หลังจัดครั้งแรกตั้งแต่ปี 1968 ทีมไทยคว้าแชมป์มากที่สุด 14 ครั้ง รองลงมาเป็นเกาหลีใต้ 10 ครั้ง สวีเดน 4 ครั้ง เดนมาร์ก 3 ครั้งเท่ากับ เกาหลีเหนือ จีน 2 ครั้งเท่ากับ มาเลเซีย โดยแชมป์ 1 ครั้งมี สโลวาเกีย,โรมาเนีย,ลัตเวีย,บราซิล ชุดยู 20 ปี,อินโดนิเซีย และสโมสรโรเตอร์ วอล โกกราด จากรัสเซีย ที่เป็นทีมสโมสรที่คว้าแชมป์ครั้งแรกของคิงส์คัพ ครั้งที่ 26 ในปี 1995 โดยหากทีมไทยสามารถคว้าแชมป์สมาคมกีฬาฟุตบอลแห่งประเทศไทยฯจะอัดฉีด 5 ล้านบาท
ส่วนครั้งล่าสุดทีมไทยคว้าแชมป์มาครองด้วยการชนะจอร์แดน 2-0 จากการทำ 2 ประตูของเกริกฤทธิ์ ทวีกาญจน์ ซึ่งหากทีมไทยสามารถคว้าแชมป์ได้ พล.ต.อ.สมยศ พุ่มพันธุ์ม่วง นายกสมาคมกีฬาฟุตบอลแห่งประเทศไทยจะมอบเงินอัดฉีด 5 ล้านบาท.-สำนักข่าวไทย