นนทบุรี 4 ก.ค.- “ทนายพิสิษฐ์” โกงเงินคดีน้องบีม 5 ล้านบาท เจอเจ้าทุกข์หอบหลักฐานแจ้งความอีกราย ขอกู้ยืมเงินกว่าล้านบาทแล้วเชิดหนี
เมื่อเวลา 10.00 น. วันนี้ (4 ก.ค.) น.ส.นิษฐาณัฐ ภัทรธนินนิษฐ์ อายุ 54 ปี อดีตเจ้าของร้านรับส่งไปรษณีย์เอกชน นำเอกสารและพยานหลักฐานแจ้งความที่ สภ.รัตนาธิเบศร์ จ.นนทบุรี เพื่อให้ดำเนินคดีกับนายพิสิษฐ์ สัมมาเลิศ ทนายความ ที่กู้ยืมเงินอ้างจะนำไปเรียนต่อปริญญาเอก จำนวน 1,336,830 บาท แล้วไม่ใช้คืน ซึ่งนายพิสิษฐ์ยังเป็นทนายอาสา และโกงเงิน 5 ล้านบาท หลังชนะคดีอุบัติเหตุรถชน ด.ญ.ภัทรดา จันทรัตน์ หรือน้องบีม อายุ 14 ปี ที่ จ.สุราษฎร์ธานี
น.ส.นิษฐาณัฐ ให้การว่า ประมาณปี 2550 ได้ติดต่อให้นายพิสิษฐ์ว่าความคดีรับมรดก หลังจากบิดามารดาเสียชีวิต กระทั่งคดีสำเร็จเรียบร้อย นายพิสิษฐ์ได้ออกปากขอยืมเงิน เพื่อนำไปเรียนต่อปริญญาเอก ขณะนั้นตนยังไม่ได้รับมรดก จึงได้ปฏิเสธไป และมารู้ภายหลังว่า นายพิสิษฐ์ไปขอยืมเงินจากญาติของตนแทน 2 ราย เป็นเงินรวม 950,000 บาท โดยบอกว่าเมื่อเสร็จคดีแล้วจะนำเงินมาคืนให้ หลังชนะคดีจึงได้เรียกนายพิสิษฐ์ กับนางพรประวีณ์ ชูแก้ว ภรรยา มาที่ร้านอาหารแห่งหนึ่ง พร้อมมอบเงินจำนวนดังกล่าวให้กับนางพรประวีณ์ เพื่อนำเงินไปใช้คืนให้กับญาติตน นอกจากนี้ ยังให้ยืมเงินไปเรียนต่อ รวมเป็นเงินทั้งหมด 1,336,830 บาท โดยมีการทำหนังสือสัญญากู้เงินตามกฎหมาย ซึ่งระบุชื่อผู้กู้ คือ นายพิสิษฐ์ และนางพรประวีณ์ เซ็นเป็นพยานไว้เมื่อวันที่ 11 มิ.ย.52 มีกำหนดชำระคืนในวันที่ 28 ก.พ.58 ต่อมาทราบว่า นางพรประวีณ์นำเงินไปใช้คืนให้ญาติเพียง 100,000 บาท ตนจึงพยายามติดต่อไปที่ทั้ง 2 คน ก็ได้รับการบ่ายเบี่ยงมาตลอด และปิดโทรศัพท์หนีไป จากนั้นมาทราบข่าวโกงเงินในคดีน้องบีม จึงได้ตัดสินใจเข้าแจ้งความ และอยากให้นายพิสิษฐ์นำเงินมาคืน เพราะตอนนี้ครอบครัวลำบากมาก ไม่มีเงิน และต้องเลี้ยงดูลูก 3 คน
ด้าน พ.ต.อ.กิตติศักดิ์ เที่ยงกมล ผกก.สภ.รัตนาธิเบศร์ กล่าวว่า เท่าที่ได้ตรวจสอบเอกสารเบื้องต้นของ น.ส.นิษฐาณัฐ พบว่า นายพิสิษฐ์ได้ใช้ความรู้ของตนเองในการเขียนหนังสือสัญญาเงินกู้ เพื่อหลีกเลี่ยงการถูกฟ้องร้อง ขณะนี้ได้สั่งการให้ทางพนักงานสอบสวนสอบปากคำ พร้อมทั้งรวบรวมพยานหลักฐานที่เกี่ยวข้องกับ น.ส.นิษฐาณัฐ ไม่ว่าจะเป็นญาติที่ถูกยืมเงิน เพื่อพิจารณาในการที่จะดำเนินคดีกับนายพิสิษฐ์.-สำนักข่าวไทย