กรุงเทพฯ 27 ส.ค. – เซ็นทรัลพัฒนา ปฏิเสธข่าวและชี้แจงเกี่ยวกับการถือหุ้นบริษัท ดุสิตธานี จำกัด (มหาชน)
วันที่ 27 สิงหาคม 2568 เซ็นทรัลพัฒนา ขอปฏิเสธข่าวและชี้แจงเกี่ยวกับการถือหุ้นบริษัท ดุสิตธานี จำกัด (มหาชน)
อ้างถึงข่าวพาดพิง ซึ่งเป็นความเข้าใจผิดต่อนโยบายการเข้าลงทุนของ บริษัท เซ็นทรัลพัฒนา จำกัด (มหาชน) ในบริษัท ดุสิตธานี จำกัด (มหาชน) บริษัทฯ ขอปฏิเสธข้อมูลที่มีการเผยแพร่สู่สาธารณะ และขอชี้แจง ดังนี้
- บริษัทฯ ได้รับโอกาสในการร่วมลงทุน และเป็นพันธมิตรทางธุรกิจกับดุสิตธานี ในการพัฒนาโครงการดุสิต เซ็นทรัล พาร์ค มาตั้งแต่ปี 2560 ซึ่งใช้งบลงทุนมูลค่ารวมกว่า 20,000 ล้านบาท โครงการดำเนินการพัฒนาด้วยดีมาโดยตลอด ซึ่งในส่วนของโรงแรมและอาคารสำนักงานได้เปิดดำเนินการแล้ว และศูนย์การค้าเซ็นทรัล พาร์ค กำลังจะเปิดให้บริการในวันที่ 4 กันยายน 2568 นี้
- ปัจจุบัน เซ็นทรัลพัฒนาถือหุ้นในดุสิตธานี จำนวน 145,238,320 หุ้น คิดเป็นร้อยละ 17.09 ของจำนวนหุ้นทั้งหมดของดุสิต ตั้งแต่ปี 2561 ซึ่งที่ผ่านมา เซ็นทรัลพัฒนา เคารพในการบริหารงานของผู้ถือหุ้นใหญ่ และสนับสนุนการดำเนินงานด้วยดีมาโดยตลอด
ดังนั้น เมื่อเซ็นทรัลพัฒนา ได้รับการเสนอให้ส่งตัวแทนเพื่อให้ที่ประชุมผู้ถือหุ้นแต่งตั้งเป็นกรรมการของดุสิตธานี ทางเซ็นทรัลพัฒนา เล็งเห็นว่าจะสามารถใช้ความรู้ความเชี่ยวชาญเพื่อร่วมสนับสนุนการดำเนินงานของดุสิตธานีให้เติบโตอย่างต่อเนื่องต่อไป การเสนอชื่อเพื่อแต่งตั้งกรรมการเป็นไปตามแนวทางการมีส่วนร่วมตามสัดส่วนการถือหุ้น ซึ่งถือเป็นแนวปฏิบัติตามปกติ ในการดูแลเงินลงทุน โดยไม่มีอำนาจในการควบคุมในดุสิตแต่อย่างใด
ทั้งนี้ เซ็นทรัลพัฒนา มีเจตนาอันดีและดำเนินงานภายใต้หลักธรรมาภิบาลตามแนวทางของบริษัทจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย ซึ่งรวมถึงการกำกับดูแลเรื่องการจัดการความขัดแย้งทางผลประโยชน์ (Conflict of Interest) อันเป็นสิ่งที่เซ็นทรัลพัฒนาให้ความสำคัญ และดำเนินการในแนวทางปฏิบัติเดียวกันกับการร่วมลงทุนกับพันธมิตรทางธุรกิจทุกรายทั้งในและต่างประเทศมาโดยตลอด
- ดุสิตธานี บริหารงานโดยกลุ่มผู้ถือหุ้นใหญ่ คือ บริษัท ชนัตถ์และลูก จำกัด เซ็นทรัลพัฒนา ขอยืนยันว่าไม่มีส่วนเกี่ยวข้องใดๆ ในการตัดสินใจดำเนินการของ บริษัท ชนัตถ์และลูก จำกัด
เซ็นทรัลพัฒนา ยึดหลักธรรมาภิบาลในการดำเนินธุรกิจมาตลอด 45 ปี และได้รับการรับรองและตรวจสอบอย่างโปร่งใสมาโดยตลอด รวมถึงสร้างความเติบโตอย่างยั่งยืนให้กับทุกฝ่ายอย่างต่อเนื่อง.-111-สำนักข่าวไทย