กรุงเทพฯ 1 มิ.ย. – เปิดคลินิกแก้หนี้วันแรก ประชาชนสนใจยื่นใบสมัครอย่างต่อเนื่อง หวังได้รับการเคลียร์หนี้บัตรจบที่เดียว
ผู้สื่อข่าวรายงานว่าวันนี้ (1 มิ.ย.) คลิกนิกแก้หนี้ในโครงการแก้หนี้ส่วนบุคคลที่ไม่มีหลักประกันเปิดทำการวันแรกอย่างเป็นทางการ ซึ่งมีประชาชนสนใจทยอยเข้ายื่นใบสมัครแก้หนี้อย่างต่อเนื่อง และมีการเตรียมเอกสารเพื่อให้เจ้าหน้าที่พิจารณา โดยพบว่าประชาชนบางคนไม่สามารถเข้าร่วมโครงการได้ เนื่องจากไม่ได้เป็นหนี้เสียก่อนวันที่ 1 พฤษภาคม 2560 เพราะมีการผ่อนชำระขั้นต้นกับธนาคารพาณิชย์ที่เป็นเจ้าหนี้และบางส่วนพบว่าเป็นหนี้กับสถาบันการเงินที่ไม่ใช่ธนาคารพาณิชย์ (นอนแบงก์) ซึ่งยังไม่เข้าร่วมโครงการ
นางผ่องเพ็ญ เรืองวีระยุทธ ประธานกรรมการ บริษัทบริหารสินทรัพย์สุขุมวิท จำกัด หรือ บสส. (SAM ) กล่าวว่า การเปิดคลินิกแก้หนี้มีเป้าหมายเพื่อแก้ปัญหาหนี้ครัวเรือนที่ปัจจุบันอยู่ที่ร้อยละ 80 และมีแนวโน้มสูงขึ้นและลดภาระดอกเบี้ยจ่ายให้กับลูกหนี้ แต่ยอมรับว่ามีลูกหนี้หลายแสนคนที่สนใจเข้าร่วมโครงการ แต่มีจำนวนไม่น้อยที่คุณสมบัติไม่ผ่านเกณฑ์ ทำให้ไม่สามารถเข้าร่วมโครงการได้ ซึ่งหลังพิจารณาคุณสมบัติเบื้องต้นแล้วจะมีผู้ผ่านเกณฑ์ประมาณร้อยละ 20 ขั้นตอนต่อไปต้องพิจารณาความสามารถในการชำระหนี้ของลูกหนี้ด้วย ซึ่งคาดว่าจะมีผู้ได้รับอนุมัติประมาณร้อยละ 15 เท่านั้น หรือคิดเป็นจำนวนลูกหนี้หลักหมื่นคน จากจำนวนลูกหนี้หลายแสนคนที่ติดต่อขอเข้าร่วมโครงการ
“สาเหตุที่ลูกหนี้ไม่ผ่านคุณสมบัติมีหลายสาเหตุ บางคนเป็นหนี้กับนอนแบงก์ ซึ่งไม่ตรงกับเงื่อนไข บางคนยังไม่เป็นหนี้เสีย อย่างไรก็ตาม ขณะนี้ธนาคารแห่งประเทศไทย ( ธปท.) ได้แก้กฎหมายให้ SAM สามารถแก้ปัญหาหนี้ของนอนแบงก์ได้ คาดว่าน่าจะมีผลภายในปีนี้” นางผ่องเพ็ญ กล่าว
นางผ่องเพ็ญ กล่าวด้วยว่า หากลูกหนี้ที่ไม่สามารถเข้าร่วมโครงการ แต่มีความตั้งใจที่จะแก้ปัญหาหนี้ สามารถติดต่อกับสมาคมนักวางแผนการเงินไทยเพื่อขอคำแนะนำและความรู้ทางการเงิน เพื่อแก้ปัญหาหนี้ของตนเอง ส่วนคนที่ผ่อนชำระหนี้บัตรเครติดขั้นต่ำแนะนำเข้าเจรจากับสถาบันการเงิน เพื่อแสดงเจตจำนงค์ว่าต้องการแก้ปัญหาหนี้ ซึ่งสถาบันการเงินพร้อมให้การช่วยเหลือ เพื่อไม่ให้เป็นเอ็นพีแอลในอนาคต
ด้านนายนิยต มาศะวิสุทธิ์ รักษาการกรรมการผู้จัดการ SAM เปิดเผยว่า ขณะนี้มีผู้สนใจยื่นใบสมัครผ่านมาเว็บไซต์ที่ www.คลินิกแก้หนี้.com , www.debtclinicbysam.com ประมาณ 10,000 คนต่อวัน และมีผู้เข้ามาสอบถามที่คลินิกแก้หนี้ประมาณ 1,000 คนต่อวัน แต่หลังจากเจ้าหน้าที่พิจารณาคุณสมบัติมีผู้ผ่านเกณฑ์ประมาณร้อยละ 20 โดยเจ้าหน้าที่ต้องพิจารณาเรื่องความสามารถในการชำระหนี้จากฐานรายได้ โดยต้องมีเงินเหลือเพื่อใช้จ่ายในครอบครัวร้อยละ 50 หลังจากหักการชำระหนี้แล้ว
ทั้งนี้ หากในอนาคตผู้เข้าร่วมโครงการมีความจำเป็นในการใช้จ่ายเพิ่มขึ้น เช่น ค่ารักษาพยาบาล จนทำให้ต้องมีการผิดนัดชำระหนี้ให้ติดต่อเจ้าหน้าที่คลินิกแก้หนี้เพื่อชี้แจงผลทันที อย่าปล่อยให้เป็นหนี้เสีย เพราะจะผิดหลักเกณฑ์ทันทีและจะได้รับการผ่อนปรนดอกเบี้ย.- สำนักข่าวไทย