เมืองทอง 31 พ.ค.-รัฐมนตรีพาณิชย์โครงการ “SMEs Genius Exporter: เจาะตลาด CLMV” สามารถสร้างรายได้มูลค่าเพิ่มของสินค้าไทยสูงขึ้นได้จริง เดินหน้าดันโครงการต่อเนื่อง
นางอภิรดี ตันตราภรณ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ เป็นประธานในพิธีมอบวุฒิบัตรให้กับผู้ผ่านการฝึกอบรม โครงการ “SMEs Genius Exporter: เจาะตลาด CLMV” จำนวน 72 ราย ในกลุ่มธุรกิจ 8 ประเภท ซึ่งโครงการนี้เป็นหนึ่งในหลักสูตรต้นแบบที่เป็นความสำเร็จของสถาบันพัฒนาผู้ประกอบการการค้ายุคใหม่ (New Economy Academy: NEA) ที่กระทรวงพาณิชย์จัดตั้งขึ้นตามนโยบายรัฐบาล เพื่อให้เป็นศูนย์กลางการเรียนรู้สำหรับผู้ประกอบการอย่างครบวงจร โดยเกิดจากความร่วมมือระหว่างพันธมิตรที่เข้มแข็ง ได้แก่ กรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ กรมส่งเสริมอุตสาหกรรม และบมจ. ธนาคารกรุงไทย
อย่างไรก็ตาม ปัจจุบัน การค้า การลงทุนระหว่างประเทศของไทยไปยังกลุ่มประเทศ CLMV มีมูลค่าทางการค้าสูงและอัตราการเติบโตอย่างก้าวกระโดด การคมนาคมขนส่งมีความสะดวกมากกว่าในอดีต ในขณะเดียวกันมีปัจจัยทั้งบวกและลบเข้ามากระทบต่อการค้าในกลุ่มภูมิภาคนี้ค่อนข้างมาก โดยเฉพาะอย่างยิ่งสิทธิประโยชน์ทางการค้าในรูปแบบต่างๆ ส่งผลกระทบต่อต้นทุนการผลิต และราคาของสินค้าส่งออกไทย SMEs ไทยจะต้องเตรียมความพร้อมเพื่อให้สามารถแข่งขันได้และต้องมีการเตรียมการที่ดี ความร่วมมือกันของสามหน่วยงานในวันนี้เป็นการผนึกกำลังครั้งสำคัญที่ช่วยผู้ประกอบการรุ่นใหม่อย่างครบวงจร เป็นการพลิกโฉม SMEs ไทยรุ่นใหม่ให้มีความพร้อมเข้าสู่สนามแข่งขันการค้าระหว่างประเทศ ตั้งแต่เรื่องของการให้ความรู้ด้านการผลิต การบริหารจัดการด้านการเงิน การตลาด การสร้างแบรนด์ ตลอดจนการสร้างเครือข่ายธุรกิจในตลาด CLMV ส่งผลให้ผู้ประกอบการไทยมีความเข้มแข็ง
นางมาลี โชคล้ำเลิศ อธิบดีกรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ กล่าวว่า โครงการ “SMEs Genius Exporter เจาะตลาด CLMV” เป็นหลักสูตรการฝึกอบรมให้กับผู้ประกอบการ SMEs ที่มีความพร้อมแต่ยังไม่เคยส่งออกให้สามารถส่งออกได้อย่างมืออาชีพ โดยกรมส่งเสริมอุตสาหกรรมจะให้ความรู้ในส่วนของการพัฒนาสินค้า บมจ.ธนาคารกรุงไทย ให้ความรู้และบริการเตรียมความพร้อมในด้านการเงินและบริหารความเสี่ยงทางการค้าระหว่างประเทศ และสถาบัน NEA กรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศให้ความรู้ในส่วนของการขาย การตลาด การสร้างเครือข่ายระหว่างประเทศและนำผู้ผ่านการฝึกอบรมตามข้อกำหนดเดินทางไปเข้าร่วมงานแสดงสินค้าหรือเจรจาทางการค้าในประเทศเป้าหมาย
ทั้งนี้ โครงการดังกล่าวได้ดำเนินการเสร็จสิ้นแล้วเมื่อวันที่ 3 มีนาคม – 1 เมษายน 2560 ณ สถาบัน NEA กรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ ถนนรัชดาภิเษก มีผู้ประกอบการผ่านการคัดเลือกให้เข้าร่วมโครงการฯ จากทั่วประเทศจำนวน 80 รายและผ่านการฝึกอบรมตามข้อกำหนดจำนวน 72 ราย ในธุรกิจ 8 ประเภท ได้แก่ ธุรกิจสิ่งทอ ธุรกิจอาหารและเครื่องดื่ม ธุรกิจยานยนต์ ธุรกิจสินค้าเกษตรและเกษตรแปรรูป ธุรกิจสินค้าไลฟ์สไตล์และธุรกิจบริการ ซึ่งทั้งหมดจะเข้าร่วมงานแสดงสินค้าในต่างประเทศ TOP Thai Brand ในประเทศเวียดนาม สปป.ลาว ที่จัดโดยกรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ สำหรับการฝึกอบรมในครั้งต่อไปจะจัดขึ้นในช่วงต้นปี 2561
นอกจากสิทธิในการเข้าร่วมงานแสดงสินค้า TOP Thai Brand หรือเจรจาทางการค้าในกลุ่มประเทศ CLMV แล้วนั้น ผู้ผ่านการฝึกอบรมโครงการจะได้สิทธิเข้าร่วมงาน Thailand Industry Expo 2017 จัดโดยกระทรวงอุตสาหกรรม และการเข้ารับคำปรึกษาด้านการตรวจเอกสารส่งออก การบริหารอัตราแลกเปลี่ยน โดยไม่มีค่าใช้จ่ายจาก บมจ. ธนาคารกรุงไทย เป็นเวลา 6 เดือน คุณสมบัติของผู้เข้าร่วมโครงการฯ จะต้องเป็นเจ้าของกิจการหรือทายาทกิจการสัญชาติไทย มีตราสินค้าเป็นของตนเอง สินค้าได้รับมาตรฐานอุตสาหกรรม เช่น อย./GMP/ISO/ HACCP เป็นต้น และมียอดขายปีละ 50-200 ล้านบาท ผู้ที่สนใจสมัครเข้าร่วมโครงการฯ สามารถติดตามข้อมูลได้ที่ http://nea.ditp.go.th หรือ www.ditp.go.th สายด่วน 1169
ได้ .-สำนักข่าวไทย