กระทรวงสาธารณสุข 27 พ.ค. รองปลัดสธ. เผย สธ.เร่งแก้ไขปัญหาอัตรากำลัง พิจารณาแนวทางการจ้างงานใหม่ เป็นพนักงานกระทรวงสาธารณสุข ตั้งกองทุนบำนาญ รองรับไม่แพ้ข้าราชการ
จากกรณีเมื่อวานนี้(26พ.ค.) กลุ่ม 7 ชมรม วิชาชีพด้านการแพทย์ ทั้ง นักเทคนิคการแพทย์ นักภายภาพบำบัด นักรังสีการแพทย์ นักกิจกรรมบำบัด นักจิตวิทยาคลินิก นักเทคโน โลยีหัวใจและทรวงอก และนักเวชศาสตร์สื่อความหมายและแก้ไขการพูด ร้องกระทรวงสาธารณสุข ขอให้ได้รับการบรรจุ เป็นข้าราชการ จำนวน 3 พันอัตรานั้น นพ.สมศักดิ์ อรรฆศิลป์ รองปลัดกระทรวงสาธารณสุข กล่าวว่า การหารือระหว่างกระทรวงสาธารณสุข และ 7 ชมรมวิชาชีพ เป็นไปด้วยดี ทุกชมรมมีความเข้าใจ โดยได้ให้แต่ละชมรมไปตั้งตัวแทนมา 2 คน เพื่อร่วมกันหารือในวันที่ 5 มิ.ย. นี้ สำหรับปัญหาอัตรากำลังของกระทรวงสาธารณสุข เชื่อว่าจะคลี่คลาย และสะท้อนความจริงมากขึ้น เมื่อได้มีตัวแทนจากทุกวิชาชีพ มาร่วมกันจัดทำแผนโครงสร้างอัตรากำลัง และอีกไม่เกิน 5 ปี ข้างหน้า จะมีข้าราชการเกษียณอายุเพิ่มมากขึ้น เนื่องจากถือเป็นกลุ่มยุคเบบี้บูมในอดีต พร้อมกันนี้ ทางกระทรวงสาธารณสุข ได้มีการพิจารณาหาแนวทางการจ้างงานแบบใหม่ ที่มีความเหมาะสม และยังคำนึงถึงสิทธิประโยชน์ให้กับคุลากรสาธารณสุข ไม่แพ้ข้าราชการ พร้อมพิจารณาแก้ไขลดความเสียเปรียบทางสิทธิประโยชน์ในอัตราการจ้างงาน
นพ.สมศักดิ์ กล่าวว่า การจ้างงานของกลุ่มบุคลากรสาธารณสุข ปัจจุบัน จะเป็นการจ้างงาน แบบพนักงานกระทรวงสาธารณสุข มีการจัดตั้งกองทุนบำเหน็จบำนาญ อุดช่องโหว่ ของการจ้างงานแบบพนักงานข้าราชการในอดีต เพิ่มสวัสดิการ ให้มีเงินอุดหนุนเหมือนข้าราชการ /ให้สิทธิลาเรียนเพื่อศึกษาต่อ เกิดความก้าวหน้า ไม่ต้องต่อสัญญาจ้างทุก 4 ปี ประเมินพิจารณาต่างๆเหมือนข้าราชการ โดยการขึ้นอัตราเงินจะอยู่ที่ 1.2-1.4 ใช้สิทธิประกันสังคม แต่หากอยู่ในโรงพยาบาล สามารถใช้สิทธิรักษาของ รพ.ได้ รวมถึงพ่อแม่
ส่วนที่คนส่วนใหญ่มักมองว่า วิชาชีพด้านสาธารณสุข เรียนยากแต่จบออกมา ยังต้องมาร้องขอให้บรรจุอีก ทั้งที่เป็นสาขาขาดแคลน นพ.สมศักดิ์ กล่าวว่า อยากให้ทุกฝ่ายเข้าใจระบบโครงการข้าราชการของไทย ที่ปัจจุบันไม่มีนโยบายเพิ่มอัตรากำลังข้าราชการ ทำให้การบรรจุข้าราชการแต่ละปีต้องรอผู้เกษียณอายุเท่านั้น อีกทั้ง การบรรจุ ข้าราชการ 1 คน ต้องใช้เงินมากถึง 25 ล้านบาท และได้รับสวัสดิการดูแลจนเสียชีวิต ดังนั้นการบรรจุเป็นข้าราชการแต่ละครั้งรัฐต้องพิจารณาถึงงบประมาณ และความเหมาะสม โดยการแก้ไขปัญหาของอัตรากำลังด้านสาธารณสุข รองนายกรัฐมนตรี อยากให้มีการแก้ไขในภาพรวมของประเทศทั้งหมด ไม่แก้เฉพาะสาธารณสุข จึงต้องเอาอัตรากำลังทั้งของสาธารณสุข เหล่าทัพ และมหาวิทยาลัย เพื่อสะท้อนข้อมูลที่แท้จริง และเหมาะสมในแต่ละวิชาชีพ ซึ่งจากการหารือกับ อกพ.กระทรวงสาธารณสุข (เฉพาะหน่วยงานในสังกัดสธ.)ล่าสุด สามารถทราบตัวเลขที่เหมาะสมในรายโรงพยาบาลได้แล้ว ทั้งโรงพยาบาลศูนย์ โรงพยาบาลทั่วไป .-สำนักข่าวไทย