จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย 25 พ.ค. – นักวิชาการ ชี้ ไทยมีจุดเสี่ยง ต้องดูแลสถานการณ์อย่างเข้ม แม้ไม่ได้อยู่ในกลุ่มเสี่ยงเป็นเป้าโจมตีของไอเอส แต่ก็มีผลประโยชน์ของมหาอำนาจ
นายศราวุฒิ อารีย์ รองผู้อำนวยการศูนย์มุสลิมศึกษา สถาบันเอเชียศึกษา จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย กล่าวถึง สถานการณ์ก่อการร้ายที่มีขบวนการรัฐอิสลาม (ไอเอส) เข้ามาเกี่ยวข้อง ว่า เมื่อปีที่แล้วไอเอสเริ่มสูญเสียพื้นที่ นักรบต่างชาติที่ร่วมรบกับไอเอส กว่า 100 ประเทศ ร่วม 30,000 คน ต้องกลับประเทศ ทำให้โลกตกอยู่ในสภาพความเสี่ยงของการปฏิบัติการก่อเหตุ
“กลุ่มเป้าหมายที่ไอเอสสื่อให้สมาชิกไปปฏิบัติการ คือ กลุ่มประเทศมหาอำนาจ ชาติพันธมิตร และประเทศมุสลิม โดยเฉพาะประเทศในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ มาเลเซีย อินโดนีเซีย และฟิลิปปินส์ ก็อยู่ในกลุ่มเป้าหมาย” นายศราวุฒิ กล่าว
ส่วนการขยายอิทธิพลของกลุ่มไอเอส เป็นบทเรียนให้ประเทศมุสลิมต้องเตรียมรับมืออย่างไร นายศราวุฒิ กล่าวว่า ประเทศมหาอำนาจเน้นการต่อสู้โดยใช้ความรุนแรง ขจัดปราบปรามกลุ่มไอเอส ซึ่งไม่ถูกต้อง ทำให้การก่อการร้ายไม่ลดลง ขบวนการไอเอสโหดร้ายกว่ากลุ่มอัลกออิดะฮ์ วิธีป้องกันที่ดีที่สุด คือ ต้องต่อสู้กับแนวความคิดสุดโต่ง และพยายามอธิบายหลักการความเชื่อที่ถูกต้อง
สำหรับสถานการณ์ในประเทศไทย ที่ถูกตั้งข้อสังเกตว่า อาจเชื่อมโยงกลุ่มไอเอสหรือไม่นั้น นายศราวุฒิ กล่าวว่า ประเทศไทยไม่ได้อยู่ในกลุ่มเสี่ยง ที่ตกเป็นเป้าโจมที่ของไอเอส เพราะไม่ใช่ประเทศมุสลิม และไม่ใช่ชาติมหาอำนาจ แต่การก่อการร้ายสามารถเกิดได้ทุกที่ ประเทศไทยก็ไม่ยกเว้น และไทยมีจุดเสี่ยง เพราะเป็นประเทศที่มีผลประโยชน์ของมหาอำนาจอยู่ในหลายส่วน จึงต้องดูแลสถานการณ์อย่างเข้มงวด
ต่อกรณีเหตุระเบิดที่โรงพยาบาลพระมงกุฎเกล้า จะมีความเชื่อมโยงกับกลุ่มไอเอสหรือไม่นั้น นายศราวุฒิ กล่าวว่า ประเทศไทยเกิดเหตุวินาศกรรมหลายครั้ง เช่น ที่ราชประสงค์ และระเบิดหลายที่ ซึ่งยังไม่ได้ข้อสรุปในเชิงพยานหลักฐาน ว่าเกี่ยวโยงกับการก่อการร้ายสากลหรือไม่ แต่เป็นเรื่องที่หน่วยงานด้านความมั่นคงต้องทำงานอย่างหนัก และต้องมีมาตรการสกัดกั้น ไม่ให้ภัยคุกคามเรื่องก่อการร้ายสากล เข้ามาใช้พื้นที่ประเทศไทยก่อเหตุ .- สำนักข่าวไทย