รัฐสภา 23 พ.ค.-สภาขับเคลื่อนการปฏิรูปประเทศ เห็นชอบการเพิ่มประสิทธิภาพ ของศูนย์ดำรงธรรม เน้นเพิ่มกลไกรับฟังปัญหาของประชาชน พร้อมให้บูรณาการทำงานร่วมระหว่างเครือข่ายศูนย์ดำรงธรรมทั่วประเทศ
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า การประชุมสภาขับเคลื่อนการปฏิรูปประเทศ (สปท.) วันนี้ (23พ.ค.) มี ร.อ.ทินพันธุ์ นาคะตะ ประธานสภาขับเคลื่อนการปฏิรูปประเทศ เป็นประธานการประชุม ได้พิจารณารายงานของคณะกรรมาธิการขับเคลื่อนการปฏิรูปประเทศด้านการบริหารราชการแผ่นดิน เรื่อง การเพิ่มประสิทธิภาพการบริการประชาชนที่เป็นเลิศของศูนย์ดำรงธรรม และการเชื่อมโยงระบบการบริหารจัดการการร้องทุกข์ของประชาชน
นายวิบูลย์ สงวนพงศ์ รองประธานกรรมาธิการขับเคลื่อนการปฏิรูปประเทศด้านการบริหารราชการแผ่นดิน กล่าวว่า การบริหารจัดการของศูนย์ดำรงธรรมเป็นการรับฟังความเดือดร้อนของประชาชนที่ไม่มีวันสิ้นสุด และรัฐบาลได้ให้ความสำคัญและพัฒนาศูนย์ดำรงธรรมมาอย่างต่อเนื่อง โดยที่ผ่านมาคณะกรรมาธิการฯ ได้มีการลงพื้นที่และเปิดเวทีสัมมนาร่วมกับทุกส่วนราชการ รวมทั้งกระทรวงมหาดไทย เพื่อนำมาประกอบความเห็นในรายงานฉบับดังกล่าวให้มีความสมบูรณ์
ด้านนายอภินันท์ ซื่อธานุวงศ์ กรรมาธิการขับเคลื่อนการปฏิรูปประเทศด้านการบริหารราชการแผ่นดิน กล่าวว่า ประกาศคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ฉบับที่ 96/2557 เรื่อง การจัดตั้งศูนย์ดำรงธรรม เป็นการสื่อให้เห็นว่ารัฐบาลให้ความสำคัญกับความต้องการในพื้นที่และความเดือดร้อนของประชาชนเป็นหัวใจหลักในการบริหารประเทศ เพื่อประโยชน์สูงสุดของประชาชน โดยศูนย์ดำรงธรรมมีหน้าที่ เป็นศูนย์รับเรื่องราวร้องทุกข์และให้คำปรึกษาแก่ประชาชน ซึ่งในคำสั่งของ คสช.ไม่มีการกำหนดโครงสร้างในการบริการจัดการ แต่ให้ผู้ว่าราชการจังหวัดเป็นผู้กำกับดูแล โดยคณะกรรมาธิการฯ จึงเสนอให้มีคณะกรรมการที่มาจากบริบทพื้นที่ที่หลากหลาย จากภาคส่วนของทุกพื้นที่ในจังหวัด เพื่อให้ทราบถึงความต้องการในพื้นที่ของประชาชนนำไปสู่การแก้ปัญหาได้อย่างมีประสิทธิภาพ และควรกำหนดให้จัดประชุมประสานงานการปฏิบัติ ทั้งภายใน ภายนอกกระทรวง และควรจัดให้มีการส่งเสริมขวัญและกำลังใจของบุคลากรในศูนย์ดำรงธรรม เช่น การให้บำเหน็จความดีความชอบเป็นกรณีพิเศษ
จากนั้นเปิดโอกาสให้สมาชิก สปท.ได้อภิปรายอย่างเปิดกว้าง โดยนายนิกร จำนง สมาชิก สปท. กล่าวว่า ศูนย์ดำรงธรรมเป็นส่วนหนึ่งในการบรรเทาความเดือดร้อนให้ประชาชน โดยเห็นว่าศูนย์ดำรงธรรมของประเทศไทยยังมีปัญหาเรื่องกลไก โครงสร้างของผู้บริหาร และนโยบายในการบริหารจัดการยังไม่มีความคล่องตัวในการแก้ปัญหาให้ประชาชน โดยเสนอให้ปรับปรุงศูนย์ดำรงธรรมเป็นแบบวันสต๊อปเซอร์วิส ปฏิบัติหน้าที่อยู่ภายในสำนักนายกรัฐมนตรี ซึ่งไม่ใช่การรื้อระบบใหม่ แต่เป็นการเพิ่มกลไกใหม่ในการบริหารจัดการ โดยมีนายกรัฐมนตรีเป็นประธาน
ด้านนายวันชัย สอนศิริ สมาชิก สปท. กล่าวสนับสนุนและให้ข้อสังเกตเพิ่มเติม ว่า รัฐบาลเป็นผู้มีอำนาจหน้าที่ในการแก้ปัญหาให้ประชาชนได้อย่างแท้จริง และจะช่วยป้องกันประชาชนจากผู้มีอิทธิพลในพื้นได้ ทั้งนี้บุคลากรผู้ปฏิบัติงานในศูนย์ดำรงธรรมต้องมีความกระตือรือร้นและมีจิตอาสาในการปฏิบัติหน้าที่มากยิ่งขึ้น เนื่องจากปัญหาจากประชาชนมีเข้ามายังรัฐบาลอย่างต่อเนื่อง ล้วนเป็นปัญหาที่ส่งผลกระทบต่อจิตใจและการดำรงชีวิตของประชาชน
อย่างไรก็ตาม สมาชิก สปท.ต่างมีข้อเสนอที่เป็นประโยชน์ต่อรายงานของคณะกรรมาธิการฯ เช่น ต้องการให้ศูนย์ดำรงธรรมทั่วประเทศมีการบูรณาการทำงานร่วมกัน รวมทั้งหน่วยงานภาครัฐและเอกชน และควรเปิดฝึกอบรมเจ้าหน้าที่ภายในศูนย์ดำรงธรรมอย่างต่อเนื่อง เพื่อให้มีความรู้เรื่องการไกล่เกลี่ยและแก้ปัญหาความเดือดร้อนของประชาชนได้อย่างรวดเร็วและมีประสิทธิภาพ
ทั้งนี้ที่ประชุม สปท.มีมติเห็นชอบรายงานของคณะกรรมาธิการขับเคลื่อนการปฏิรูปประเทศด้านการบริหารราชการแผ่นดิน เรื่อง การเพิ่มประสิทธิภาพการบริการประชาชนที่เป็นเลิศของศูนย์ดำรงธรรม และการเชื่อมโยงระบบการบริหารจัดการการร้องทุกข์ของประชาชน ด้วยคะแนนเห็นด้วย 151 เสียง ไม่เห็นด้วย 1 เสียง และงดออกเสียง 2 เสียง.-สำนักข่าวไทย