กรุงเทพฯ 17 พ.ค. – กรมศุลกากรย้ำจับกุมผู้สวมนาฬิกาข้อมือผ่านสนามบินสุวรรณภูมิเป็นกลุ่มเป้าหมายนำมาขายเชิงพาณิชย์
นายชัยยุทธ คำคุณ รองอธิบดีกรมศุลกากร ในฐานะโฆษกกรมศุลกากร และนายบุญเทียม โชควิวัฒน ผู้อำนวยการสำนักงานศุลกากรตรวจของผู้โดยสารท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ แถลงกรณีจับกุมผู้โดยสวมนาฬิกาจากต่างประเทศ ว่า การจับกุมผู้โดยสารหญิง สัญชาติไทย 2 ราย เดินทางมาจากเขตบริหารพิเศษฮ่องกงแห่งสาธารณรัฐประชาชนจีน เมื่อวันที่ 10 พฤษภาคมที่ผ่านมา เนื่องจากได้รับรายงานข่าวแจ้งว่ามีผู้โดยสารลักลอบนำนาฬิกามูลค่าสูงเข้ามา เพื่อจำหน่ายในประเทศ ด้วยการใช้วิธีส่งกล่องเปล่านาฬิกาเข้ามาก่อนหน้าทางไปรษณีย์ จากนั้นเตรียมนำนาฬิกาใส่กล่องกลับคืน เพื่อขายผ่านออนไลน์ ผู้โดยสาร 2รายดังกล่าวได้ลักลอบนำนาฬิกาเข้าประเทศด้วยวิธีใส่บนข้อมือ เพื่ออำพรางเจ้าหน้าที่ และจากการตรวจสอบของเจ้าหน้าที่พบว่าเป็นนาฬิกายี่ห้อ Audemars Piguet และ Patek Philippe ซึ่งเป็นของใหม่และยังไม่ได้ผ่านการใช้งานแต่อย่างใด
ทั้งนี้ ผู้โดยสารทั้ง 2 รายยอมรับสารภาพว่าได้กระทำความผิดจริง เจ้าหน้าที่จึงจับกุมดำเนินคดีตามกฎหมายศุลกากรต่อไป เนื่องจากมีพฤติกรรมการลักลอบนำเข้ามาขายเชิงพาณิชย์หลายครั้งช่วงที่ผ่านมา การจับกุมนาฬิกา 2 เรือน มีมูลค่ายังไม่เสียภาษี 1.3 ล้านบาท แต่เมื่อต้องเสียอากรนำเข้าร้อยละ 5 และภาษีมูลค่าเพิ่มร้อยละ 7 มีราคา 1.5 ล้านบาท ดังนั้น จึงไม่ใช่กระทำเกินกว่าเหตุตามที่เผยแพร่ทางสื่อสังคมออนไลน์วิจารณ์ว่าจับกุมนาฬิกาติดตัวเข้ามาโดยใส่ไว้บนข้อมือของตนเอง ยอมรับว่าการขายสินค้าออนไลน์เริ่มขยายตัวมากขึ้น จึงต้องจับตาทั้งแหล่งประเทศนำเข้าและกลุ่มผู้เดินทางเข้าออกบ่อยครั้ง เนื่องจากการนำสินค้าเข้ามา เพื่อฝากญาติ เพื่อนฝูง นาน ๆ ครั้งเดินทางเข้าออก เจ้าหน้าที่จะพิจารณาตามหลักความเสี่ยงทั่วไป แต่หากนำเข้ามาเพื่อขายสินค้าแสวงหากำไรจะทำให้เอกชนรายอื่นผู้เสียภาษีถูกต้องไม่ได้รับความเป็นธรรม การขายสินค้าผ่านออนไลน์เริ่มขยายตัวมากขึ้น จึงต้องติดตามการขายผ่านออนไลน์นี้อย่างใกล้ชิด
อย่างไรก็ตาม ตามข้อกำหนดอนุญาตนำเข้าสินค้าราคาไม่เกิน 20,000 บาทไม่ต้องสำแดงเสียภาษี หากสินค้ามีราคาถูก แต่นำเข้ามีปริมาณหลายชิ้นมากเกินกว่าฝากญาติ เพื่อนฝูง นับร้อยชิ้นพันชิ้นยังต้องเสียภาษีเช่นกัน ยอมรับว่าขณะนี้กรมศุลกากรยังไม่มีแนวคิดแก้ไขกฎหมายเพิ่มมูลค่าสินค้านำเข้าให้มากกว่า 20,000 บาท เนื่องจากเพิ่งแก้ไขปีกว่าสูงขึ้นจาก 10,000 บาท และมูลค่าดังกล่าวสูงกว่าหลายประเทศเพื่อนบ้าน และหากเพิ่มมูลค่ายกเว้นการนำเข้าผ่านช่องทางผู้โดยสารจะทำให้การขายเชิงพาณิชย์หันมาใช้ช่องทางเดินผ่านผู้โดยสาร เพื่อเลี่ยงภาษีเพิ่มขึ้น และยังทำให้ภาครัฐสูญเสียรายได้ภาษีวงเงินดังกล่าวจึงยังเหมาะสมในสถานการณ์เศรษฐกิจขณะนี้ ในช่วงที่ผ่านมาสถิติการจับกุมลักลอบนำเข้าสินค้าประเภทนาฬิกา กระเป๋า และรองเท้า ของสำนักงานศุลกากรตรวจของผู้โดยสารท่าอากาศยานสุวรรณภูมิปีงบประมาณ 2559 (ต.ค. 58 – ก.ย. 59) สามารถจับกุมได้ทั้งสิ้น 203 คดี คิดเป็นมูลค่าประมาณ 136 ล้านบาท และปีงบประมาณ 2560 (ต.ค. 59 – เม.ย. 60) สามารถจับกุมได้ทั้งสิ้น 136 คดี คิดเป็นมูลค่าประมาณ 97.2 ล้านบาท .-สำนักข่าวไทย