นนทบุรี 17 เม.ย. – กระทรวงพาณิชย์แนะจับตลาดแม่และเด็ก ชี้เป็น 1 ใน 4 ของประชากรโลก เผย 3 สถานะดึงดูดกลุ่มสินค้าบริการตอบสนองไลฟ์สไตล์กลุ่มเป้าหมาย
นางมาลี โชคล้ำเลิศ อธิบดีกรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ เปิดเผยรายงานการวิเคราะห์ตลาดสินค้าและบริการสำหรับแม่และเด็ก โดยสำนักส่งเสริมการค้าสินค้าไลฟ์สไตล์ กรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ ว่า จากข้อมูลขององค์การสหประชาชาติ (ยูเอ็น) พบว่า แม้ประชากรผู้สูงอายุมีอัตราการขยายตัวสูงขึ้น แต่ยังน้อยกว่าประชากรวัยเด็กอายุระหว่าง 0 – 14 ปี ที่มีจำนวนสูงถึงประมาณ 1,920 ล้านคนในปี 2558 หรือคิดเป็นสัดส่วนสูงถึง 1 ใน 4 ของประชากรโลก หรือมากกว่าผู้สูงอายุกว่า 2 เท่าตัว และคาดว่าจะมีแนวโน้มเพิ่มขึ้นเป็น 1,980 ล้านคนในปี 2563 และพุ่งแตะระดับ 2,010 ล้านคนในปี 2568
นางมาลี กล่าวว่า ที่ผ่านมาอัตราการเกิดของเด็กลดลงทุกประเทศทั่วโลก ทำให้หลายประเทศมีนโยบายเพิ่มจำนวนประชากร เช่น รัสเซียมีการให้สิทธิพิเศษสำหรับครอบครัวที่มีบุตรตั้งแต่ 2 คนขึ้นไปตั้งแต่ปี 2550 เป็นต้นมา หรือจีนเปลี่ยนจากนโยบายบุตรคนเดียวเป็นให้มีบุตร 2 คนได้ เป็นต้น สถิติที่น่าสนใจในประเทศพัฒนาแล้ว คือ แม่ที่มีบุตรคนแรกจะมีอายุ 30 – 40 ปี และมีรายได้สูง สำหรับตลาดที่มีศักยภาพสูง ได้แก่ สหรัฐอเมริกา ญี่ปุ่น ฝรั่งเศส สหราชอาณาจักร และเยอรมนี แม้ว่าจะเป็นประเทศที่มีอัตราการเกิดระดับปานกลางของโลก แต่ส่วนใหญ่ครอบครัวที่มีบุตรจะเป็นครอบครัวที่มีรายได้สูง ขณะที่ตลาดที่มีศักยภาพรอง ได้แก่ ตลาดกลุ่มบริคส์ (BRICs) อาทิ จีน อินเดีย และบราซิล ที่มีอัตราการเกิดสูง โดยเฉพาะปี 2555 หรือปีมังกร ซึ่งเป็นปีที่มีอัตราการเกิดของประชากรชาวจีนจำนวนมาก อย่างไรก็ตาม รายได้ของครอบครัวที่มีบุตรในกลุ่มประเทศนี้ยังไม่สูง ประกอบกับมีการแข่งขันตลาดค่อนข้างมาก ผู้บริโภคจะเลือกซื้อสินค้าที่มีราคาต่ำกว่าและไม่เน้นคุณภาพ
นอกจากนี้ ข้อมูลจากหอการค้าไทยพบว่าอินเดียมีประชากรวัยเด็กมากกว่า 360 ล้านคน รองลงมาเป็นจีน 230 ล้านคน ไนจีเรีย 98 ล้านคน ปากีสถาน 74 ล้านคน และอินโดนีเซีย 71 ล้านคน เป็นต้น ส่งผลให้สินค้าและบริการสำหรับแม่และเด็กเป็นที่ต้องการมากขึ้น โดยจำแนกเป็นสินค้าสำหรับช่วงเตรียมความพร้อมก่อนตั้งครรภ์ ระหว่างตั้งครรภ์ และหลังคลอด สินค้าและบริการก่อนการตั้งครรภ์ อาทิ ชุดทดสอบการตั้งครรภ์ ชุดตรวจสอบสุขภาพทารกในครรภ์ ชุดคลุมท้อง โยคะสำหรับหญิงตั้งครรภ์ เป็นต้น ส่วนระหว่างการตั้งครรภ์ สินค้าและบริการที่มีโอกาสดี ได้แก่ วิตามินและอาหารเสริม อาหารเพื่อสุขภาพ ออร์แกนิค ผลิตภัณฑ์บำรุงผิวจากธรรมชาติ คอร์สเตรียมความพร้อมก่อนคลอด เป็นต้น
นางมาลี กล่าวว่า ช่วงหลังการคลอดเป็นช่วงที่มีความต้องการสินค้าและบริการหลากหลายมากที่สุด จึงเป็นโอกาสของผู้ผลิตผู้ส่งออกไทยซึ่งส่วนใหญ่อยู่ในกลุ่มสินค้าแฟชั่นและไลฟ์สไตล์ในการเร่งพัฒนาสินค้าเพื่อขยายตลาดสู่กลุ่มแม่และเด็กนี้ โดยสินค้าและบริการของไทยที่มีศักยภาพ ประกอบด้วย เสื้อผ้าและรองเท้าเด็ก ของเล่นเด็ก ผลิตภัณฑ์ที่ใช้ในประจำวันของเด็ก เฟอร์นิเจอร์สำหรับเด็ก อาหารเสริม ศูนย์เสริมทักษะการเรียนรู้ และศูนย์พัฒนาเด็ก เป็นต้น.-สำนักข่าวไทย