อว. 13 ส.ค. 63 – ดร.เอนก เหล่าธรรมทัศน์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวง อว. เข้ากระทรวงเป็นวันแรก พร้อมชูวิทยาศาสตร์ วิจัย และนวัตกรรม เป็นเครือ่งมือขับเคลื่อนสังคมและประเทศ ส่วนม๊อบนักศึกษาไม่กังวล พร้อมรับฟังทุกความเห็น
ดร.เอนก เหล่าธรรมทัศน์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัย และนวัตกรรม หรือ อว. พร้อมคณะทำงาน และผู้บริหารระดับสูงกระทรวง อว. เข้าสักการะพระบรมรูปรัชกาลที่ 4 และสิ่งเคารพบูชาประจำกระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัย และนวัตกรรม จากนั้นได้เดินทางเข้าห้องทำงานชั้นที่ 4 ตามเวลา 15.00น. พร้อมถ่ายรูปร่วมกับทีมงานฝ่ายการเมือง และผู้บริหารข้าราชการกระทรวง อว.
ดร.เอนก เหล่าธรรมทัศน์ รัฐมนตรีกระทรวง อว. กล่าวว่า กระทรวง อว. มีศักยภาพสูงที่สามารถยกระดับสังคม ประเทศ และคุณภาพชีวิตของประชาชนได้ทุกระดับ ซึ่งเป้าหมายจะทำอย่างไรให้กระทรวงเป็นพลังของประเทศ ทั้งด้านการศึกษา วิจัย การพัฒนานวัตกรรม ที่ตอบโจทย์ในการพัฒนามิติต่าง ๆ ที่สังคมและประชาชนต้องการใช้ประโยชน์ เป็นหน่วยงานที่เป็นมันสมองให้รัฐบาล ประเทศชาติ และสังคมให้มากที่สุด ซึ่งที่ผ่านมาผลงานวิจัยด้านโควิด-19 แสดงให้เห็นถึงความสามารถของนักวิจัยไทยอย่างมาก ที่ผลิตออกแบบชุดตรวจ อุปกรณ์สำหรับบุคลากรทางการแพทย์ ออกมาใช้งานได้อย่างมีประสิทธิภาพสูง ซึ่งยังต้องเดินหน้าพัฒนาต่อเนื่องเพื่อให้ประเทศมีเกราะป้องกันการระบาดอีกในอนาคต
อย่างไรก็ตามการทำงานในช่วงแรก จะเร่งหาทางทุเลาปัญหาการว่างงานของนักศึกษา ที่กำลังจะออกสู่ตลาดแรงงาน ซึ่งได้รับผลกระทบจากการระบาดของโควิด-19 ที่คาดการณ์ว่าจะมีนักศึกษาจบใหม่ว่างงานจำนวนมาก จะหาตลาดงานรองรับให้มากที่สุด รวมทั้งต่อยอดการพัฒนาความสามารถของนักศึกษาในระดับต่าง ๆ อย่างเหมาะสม ให้มีงานทำ เพิ่มกระบวนการเรียนรู้ด้านทักษะด้านดิจิทัล เทคโนโลยี การวิจัย ไปพร้อมกัน เตรียมพร้อมในช่วงฟื้นตัวของเศรษฐกิจและแหล่งงานใหม่จากภาคเอกชนที่จะเข้ามาในอนาคต ซึ่งจะเป็นการเปิดกว้างของโอกาสเข้าถึงงานมากขึ้นยิ่งขึ้น
นอกจากนี้ยังมองว่าในยุคปัจจุบันอาจต้องมีการปรับเปลี่ยนแนวทางการทำงานที่ต่างไปจากเดิม โดยจะส่งเสริม สนับสนุน ความสามารถของเยาวชนมากขึ้น เยาวชนสนใจหรือถูกใจด้านไหน หน่วยงานที่เกี่ยวข้องต้องให้การสนับสนุนที่เหมาะสม จึงจะเกิดประโยชน์ทั้ง 2 ฝ่าย ที่สามารถเป็นกำลังสำคัญในการพัฒนาประเทศไปได้ ดร.เอนก กล่าวอีกว่า สำหรับการชุมนุมของนักศึกษาในช่วงที่ผ่านมาไม่น่ากังวล มองว่าเป็นธรรมชาติของพลังนักศึกษา
ซึ่งในอนาคตก็ต้องมีการปรับตัวเข้าหากันของทุกฝ่ายให้มีทางออกที่ดีที่สุด ซึ่งที่ผ่านมานายกรัฐมนตรี ไม่ได้มีคำสั่งใดพิเศษ เพียงแต่กำชับว่าให้คิดว่านักศึกษาเป็นพลังสำคัญในการพัฒนาประเทศ ใครคิดเห็นอย่างไรรัฐบาลพร้อมรับฟัง เพียงแต่อย่าจาบจ้วง ก้าวล่วง สถาบันที่ต้องระมัดระวังการให้ข้อมูลที่อาจไม่ครบถ้วนถูกต้อง และเป็นเรื่องละเอียดอ่อน ซึ่งต้องใช้สติและระมัดระวังในการสื่อสารมากขึ้น .-สำนักข่าวไทย