ร่าง พ.ร.บ.ประชามติ

พรรคกล้าธรรม 18 ก.ค.- “สะถิระ” ชี้ ร่าง พ.ร.บ.ประชามติ ผ่านสภาฯ ทำให้ ปชช.มีสิทธิ์ตัดสินอนาคตประเทศ แต่ต้องไม่มีกระบวนการบิดเบือนเสียง เพราะ รธน.ต้องมาจากเสียงบริสุทธิ์ของคนไทย นายสะถิระ เผือกประพันธุ์ สส.ชลบุรี พรรคกล้าธรรม(กธ.)กล่าวว่า รู้สึกยินดีที่ร่างพระราชบัญญัติว่าด้วยการออกเสียงประชามติ ฉบับที่ … พ.ศ. … ได้รับความเห็นชอบจากที่ประชุมสภาฯ และได้ดำเนินการกลับไปยังรัฐบาลแล้ว การผ่านร่างกฎหมายฉบับนี้ถือเป็นการเน้นย้ำความสำคัญของกระบวนการประชามติ ซึ่งเป็นกลไกสำคัญที่สะท้อนถึงอำนาจอธิปไตยของประชาชนอย่างแท้จริง นายสะถิระ กล่าวต่อว่า ที่ผ่านมาประเทศไทยมีรัฐธรรมนูญทั้งหมด 20 ฉบับ โดยในจำนวนนั้นมีเพียง 8 ฉบับที่กำหนดให้มีการออกเสียงประชามติ แต่กลับมีการจัดประชามติจริงเพียง 2 ครั้งเท่านั้น ได้แก่ การออกเสียงประชามติรัฐธรรมนูญฉบับปี 2549 และรัฐธรรมนูญฉบับชั่วคราวปี 2557 ซึ่งสะท้อนให้เห็นถึงข้อจำกัดของกลไกการมีส่วนร่วมของประชาชนในการตัดสินใจเรื่องสำคัญของประเทศ “แม้ประชาชนจะออกมาใช้สิทธิ์มากน้อยเพียงใด แต่สุดท้ายผลของประชามติคือ สิ่งที่ต้องยอมรับร่วมกัน เพราะเป็นกระบวนการที่ทุกฝ่ายเห็นพ้องให้ใช้เป็นมาตรฐานในการตัดสินใจในเรื่องที่มีความสำคัญสูงสุด เช่น การร่างหรือแก้ไขรัฐธรรมนูญ” นายสะถิระ กล่าว นายสะถิระ กล่าวต่อว่า ตนยังมีความกังวลโดยเฉพาะเรื่องความโปร่งใส และความยุติธรรมของการจัดประชามติ […]

รัฐสภา 16 ก.ค.-สภายืนยันตามหลักการเดิม “ร่าง พ.ร.บ.ประชามติ” พร้อมส่งให้รัฐบาลดำเนินการ “จาตุรนต์” ชี้เป็นการปลดล็อกกติกาการออกเสียงประชามติให้เป็นเสียงข้างมากชั้นเดียว เพื่อเดินหน้าสู่การแก้ไขรัฐธรรมนูญต่อไป ขณะที่โฆษกภูมิใจไทย มองกฎหมายฉบับนี้ยังก้ำกึ่ง นายจาตุรนต์ ฉายแสง สส.บัญชีรายชื่อพรรคเพื่อไทย กล่าวในฐานะผู้เสนอยกร่างพระราชบัญญัติว่าด้วยการออกเสียงประชามติ ซึ่งถูกยับยั้งไว้ตามมาตรา 37(3) ของรัฐธรรมนูญ ก่อนอื่นต้องขอขอบคุณคณะกรรมการประสานงานพรรคร่วมรัฐบาล และประธาน ที่มีการเลื่อนระเบียบวาระ เพื่อให้ได้พิจารณาเรื่องนี้โดยเร็ว เนื่องจากมีการยื่นเรื่องไปยังศาลรัฐธรรมนูญ ให้พิจารณาเกี่ยวกับการทำประชามติร่างรัฐธรรมนูญ ว่าจะต้องมีการทำประชามติจำนวนกี่ครั้ง เมื่อใดบ้าง ซึ่งก็มีข่าวว่า ศาลรัฐธรรมนูญคงจะใช้เวลาอีกไม่นาน จึงมีข้อยุติออกมา และหากมีข้อยุติว่าจะต้องทำ 3 ครั้ง จะหมายความว่า จะต้องทำก่อนที่จะมีการพิจารณาร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญ ถ้าเรายังไม่มีพระราชบัญญัติว่าด้วยการออกเสียงประชามติฉบับใหม่ทันเวลา ก็จะต้องทำประชามติตามกฎหมายที่มีอยู่ ซึ่งสร้างกันดีว่า กฎหมายที่มีอยู่นั้น จะเป็นอุปสรรคต่อการแก้ไขรัฐธรรมนูญ เพราะมีกติการะบบเสียงข้างมากสองชั้น อย่างไรก็ตาม การแก้ไขรัฐธรรมนูญให้เป็นประชาธิปไตยมากขึ้น เป็นนโยบายที่แทบทุกพรรคการเมืองใช้หาเสียง ซึ่งได้มีการเสนอญัตติเพื่อแก้ไขพระราชบัญญัติว่าด้วยการออกเสียงประชามติจากทั้งคณะรัฐมนตรี พรรคเพื่อไทย พรรคภูมิใจไทย และพรรคประชาชน เพื่อแก้ไขสาระสำคัญเปลี่ยนการทำประชามติเป็นเสียงข้างมากชั้นเดียว แม้ว่าเรื่องนี้ไม่ได้ทำให้การทำประชามติผ่านไปเดินง่ายหรือพิเศษอะไร แต่เป็นกติกาที่จะสร้างความชอบธรรมมากยิ่งขึ้น แต่เมื่อศาลรัฐธรรมนูญไม่ได้มีการกำหนดว่าการทำประชามติต้องใช้เสียงข้างมากกี่ชั้น ทำให้ต้องย้อนไปดูรัฐธรรมนูญตัวแม่ หรือฉบับปัจจุบันว่า ตอนทำประชามติใช้กติกาอย่างไร ซึ่งหากมีการทำประชามติอีกก็ไม่ควรใช้หลักเกณฑ์ที่ต่างกัน […]