“นพดล” เสนอ 5 แนวทางแก้ปัญหาไทย-กัมพูชา

พรรคเพื่อไทย 3 ส.ค. – “นพดล” เสนอ 5 แนวทางแก้ปัญหาไทย-กัมพูชา มองการทูตต้องรวดเร็ว ตอกย้ำความชอบธรรมของไทย นายนพดล ปัทมะ สส.บัญชีรายชื่อ พรรคเพื่อไทย และอดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ กล่าวถึงการหยุดยิงระหว่างไทยและกัมพูชา ตลอดจนแนวทางการนำสันติภาพกลับมาสู่ชายแดนว่า ภายหลังการหยุดยิง เป้าหมายและยุทธศาสตร์ที่จะดำเนินไปในการเจรจาเพื่อนำสันติสุขกลับมาบริเวณชายแดนนั้น ตนขอเสนอดังนี้ 1.ต้องเน้นการพูดที่กระชับรวดเร็ว Diplomacy of speed โดยเน้นการสื่อสารทางการทูต จุดยืนกฎหมายระหว่างประเทศและท่าทีของไทยให้รวดเร็วมากขึ้น และต้องรวดเร็วและแม่นยำกว่ากัมพูชา ซึ่งเรื่องนี้ข้าราชการกระทรวงการต่างประเทศมีศักยภาพที่จะทำได้2.ต้องเน้นยุทธศาสตร์สร้างความชอบธรรมให้ประเทศไทยในเวทีโลกอย่างเข้มข้น เเข็งขันต่อเนื่อง เพราะเราเป็นประเทศมหาอำนาจขนาดกลาง ต้องเน้นกฎหมายระหว่างประเทศและความชอบธรรมเป็นหลังพิง แต่ก่อนอาจมีคำกล่าวว่า Might is right ก็คือพลังอำนาจ คือความถูกต้อง แต่ปัจจุบันตนคิดว่า Right is might ความถูกต้องเป็นพลังอำนาจ3.ทางการทูตต้องตอกย้ำความชอบธรรมของไทยใน 5 ประเด็นอย่างต่อเนื่อง คือ ไทยมุ่งแก้ปัญหาโดยสันติวิธีด้วยการเจรจาทวิภาคีตามกรอบ MOU 2543 ไม่ประสงค์ที่จะให้มีการยกระดับไปเวทีนานาชาติ แต่กัมพูชาไม่ทำตามข้อผูกพัน, กัมพูชาเป็นฝ่ายวางกับระเบิดละเมิดอนุสัญญาออตตาวา, กัมพูชาเป็นฝ่ายเปิดฉากรุกรานไทย ฝ่าฝืนกฎบัตรสหประชาชาติ ไทยเพียงใช้สิทธิป้องกันตนเอง, กัมพูชายิงระเบิดใส่เป้าหมายทางพลเรือน […]

Elephant in Surin Province with mahout

สื่อจีนรายงานผลกระทบท่องเที่ยวสุรินทร์

สุรินทร์ 3 ส.ค. – สื่อทางการจีนรายงานว่า การท่องเที่ยวในจังหวัดสุรินทร์ โดยเฉพาะอย่างยิ่งธุรกิจท่องเที่ยวเกี่ยวกับช้าง ยังคงได้รับผลกระทบจากความขัดแย้งและการปะทะกันตามแนวพรมแดนระหว่างไทยและกัมพูชา สถานีโทรทัศน์ซีจีทีเอ็น (CGTN) ของทางการจีนรายงานว่า ความขัดแย้งตามแนวชายแดนไทย-กัมพูชา ซึ่งแม้ว่าได้ยุติลงชั่วคราวจากข้อตกลงหยุดยิงที่มีผลตั้งแต่หลังเที่ยงคืนวันที่ 28 กรกฎาคม 2568 ยังคงส่งผลกระทบต่อเนื่องต่อจังหวัดสุรินทร์ของไทย ที่ซึ่งช้างซึ่งเป็นสัญลักษณ์ของจังหวัดและอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวท้องถิ่นกำลังแบกรับภาระหนัก   รายงานระบุว่า สัตว์ที่มีตัวใหญ่ยักษ์อย่างช้าง มีความอ่อนโยนอย่างมาก อีกทั้งยังไวต่อเสียงและแรงสั่นสะเทือน จึงได้รับผลกระทบอย่างมากจากเสียงปืนใหญ่และเสียงคำรามของยานพาหนะทางทหารที่เกิดขึ้นซ้ำแล้วซ้ำเล่า ควาญช้างในพื้นที่เล่าว่า ช้างเป็นเหมือนสมาชิกในครอบครัว อยู่กันมาตั้งแต่ช้างลืมตาดูโลก เมื่อใดก็ตามที่เกิดระเบิดขึ้นใกล้ ๆ ช้างจะตกใจมาก และจะร้องไห้ แสดงปฏิกิริยาเหมือนคน ซีจีทีเอ็นรายงานอ้างการเปิดเผยของเจ้าหน้าที่ด้านการท่องเที่ยวท้องถิ่นกล่าวว่า ช้างเป็นแม่เหล็กดึงดูดนักท่องเที่ยวให้มาเยือนจังหวัดสุรินทร์ ทำให้จังหวัดนี้เป็นที่รู้จักไปทั่วโลก ทุกงานทุกเทศกาลต่าง ๆ ในจังหวัดสุรินทร์ ล้วนมีช้างเป็นสัตว์อยู่ในงานด้วย นอกจากความสำคัญทางวัฒนธรรมแล้ว ช้างยังเป็นเสาหลักของเศรษฐกิจจังหวัดสุรินทร์ เพราะการท่องเที่ยวเชิงวัฒนธรรมที่เน้นไปที่ปางช้าง เส้นทางขี่ช้างเที่ยว และการแสดงต่าง ๆ ช่วยเกื้อหนุนชีวิตความเป็นอยู่ของชาวสุรินทร์หลายพันครอบครัว แต่เมื่อเกิดการปะทะตามพรมแดนที่อยู่ใกล้กับสุรินทร์ ทำให้นักท่องเที่ยวยกเลิกการเดินทาง เพราะเป็นห่วงเรื่องความปลอดภัย.-815(814).-สำนักข่าวไทย

สสจ.ศรีสะเกษ เผย รพ.สต. เสียหาย 3 แห่ง จากเหตุปะทะชายแดน

ศรีสะเกษ 1 ส.ค. – นายแพทย์สาธารณสุขจังหวัดศรีสะเกษ เผยโรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตำบล เสียหาย 3 แห่ง จากเหตุปะทะชายแดนไทย-กัมพูชา ชี้หากผู้บาดเจ็บฝั่งกัมพูชาขอมารักษาที่ไทย ต้องรอทหารยินยอม นพ.ทนง วีระแสงพงษ์ นายแพทย์สาธารณสุขจังหวัดศรีสะเกษ เปิดเผยถึงความเสียหายที่เกิดจากเหตุการณ์ปะทะกันระหว่างทหารไทยและกัมพูชา บริเวณแนวชายแดนเขาพระวิหาร อ.กันทรลักษ์ ว่าโรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตำบล ในพื้นที่ได้รับความเสียหาย 3 แห่ง ได้แก่ รพ.สต.บ้านโคก ต.ทุ่งใหญ่, รพ.สต.คำโปรย ต.ละลาย ซึ่งอยู่ภายใต้การดูแลของสำนักงานสาธารณสุขจังหวัด ส่วน รพ.สต.ชำเม็ง ต.เสาธงชัย อยู่ภายใต้การดูแลขององค์การบริหารส่วนจังหวัด (อบจ.) ทั้ง 3 แห่ง พบความเสียหายที่โครงสร้างอาคาร ได้แก่ ฝ้าเพดาน กระจก หลอดไฟ และส่วนของบ้านพักเจ้าหน้าที่บางส่วน โดยประเมินค่าความเสียหายเบื้องต้น รพ.สต.ชำเม็ง อยู่ที่ประมาณ 200,000 บาท, รพ.สต.คำโปรย อยู่ที่ประมาณ 500,000 บาท ส่วน รพ.สต.บ้านโคก ขณะนี้ยังอยู่ระหว่างการตรวจสอบเพิ่มเติม ขณะที่ด้านการประสานงานจากฝั่งกัมพูชา […]

สหรัฐประกาศเก็บภาษีต่างตอบแทนไทย 19%

1 ส.ค. – ประธานาธิบดีสหรัฐ ประกาศเก็บภาษีต่างตอบแทนไทย 19% กัมพูชา 19% และมาเลเซีย 19% มีผลวันนี้ (1 ส.ค. 68) นายโดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐ ประกาศเก็บภาษีต่างตอบแทนไทย 19% กัมพูชา 19% มาเลเซีย 19% มีผลวันนี้ (1 ส.ค. 68) ขณะที่ก่อนหน้านี้ นายพิชัย ชุณหวชิร รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง กล่าวว่า ทีมไทยแลนด์ ได้ทำงานอย่างเต็มที่และรอบคอบในทุกมิติ มุ่งมั่นเสนอเงื่อนไขและข้อแลกเปลี่ยนของไทยสามารถยอมรับได้ โดยพยายามรักษาผลประโยชน์ของประเทศไว้ให้มากที่สุด โดยทุกประเด็นการเจรจาล้วนผ่านกระบวนการวิเคราะห์อย่างลึกซึ้ง และเป็นไปเพื่อประโยชน์สูงสุดของชาติ หากผลการเจรจาออกมาดีเกินคาด เราทุกคนคงจะดีใจไปด้วยกันแต่หากผลออกมาน้อยกว่าที่หวังไว้ ตนหวังว่าทุกท่านจะเข้าใจว่ารัฐบาลและทีมเจรจาได้พยายามอย่างถึงที่สุดแล้ว ตนในฐานะรองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง ขอขอบคุณสำหรับทุกกำลังใจ และหวังว่าเราจะก้าวผ่านความท้าทายนี้ด้วยความร่วมมือและพลังใจของพวกเราทุกคน.-สำนักข่าวไทย

Hybrid warfare (สงครามลูกผสม) ที่ “ไทยประมาทไม่ได้อีกต่อไป”

•เหตุผล? ที่ทำให้กัมพูชากล้าละเมิดข้อตกลงหยุดยิงกับไทย•ความสัมพันธ์ “กัมพูชา” กับ “จีน-สหรัฐฯ” ได้เปรียบกว่าไทย จริงหรือ ?•สงครามข้อมูลข่าวสาร ไทยแพ้? กัมพูชาชนะ? สถานการณ์ความขัดแย้งระหว่างไทย-กัมพูชา นับตั้งแต่วันที่กัมพูชาเปิดฉากยิงกระสุนนัดแรกเข้ามายังฝั่งไทย เช้าวันที่ 24 กรกฎาคม 2568 ก็เกิดการปะทะกัน สร้างความสูญเสียทั้งชีวิตพลเรือนไทย ทหารไทย บ้านเรือน โรงพยาบาล โรงเรียนไทยจำนวนมาก นำมาซึ่งการเจรจาหยุดยิงถึง 2 ครั้ง 2 ระดับ แต่ก็ยังมีเสียงปืนและระเบิดจากฝั่งกัมพูชาละเมิดข้อตกลงหยุดยิง ท่ามกลางการเข้ามาของ 2 ประเทศมหาอำนาจ “จีน – สหรัฐฯ” ที่มีส่วนร่วมคลี่คลายสถานการณ์ความขัดแย้งทั้งไทย-กัมพูชา ในฐานะมิตรประเทศ แต่ก็มีความเคลื่อนไหวทางการทหารที่สำคัญระหว่างสหรัฐกับกัมพูชา เพื่อรื้อฟื้นการซ้อมรบประจำปีที่ระงับไปหลายปี นับเป็นความท้าทายที่ไทยในฐานะพันธมิตรชาติหนึ่งของสหรัฐต้องจับสัญญาณเรื่องนี้ให้ถูกต้อง รองศาสตราจารย์ ดร.ดุลยภาค ปรีชารัชช อาจารย์ประจำสาขาวิชาเอเชีย ตะวันออกเฉียงใต้ศึกษา คณะศิลปศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ และนายกสมาคมภูมิภาคศึกษา ประเมินสถานการณ์ความขัดแย้งไทย-กัมพูชา ในบทสัมภาษณ์พิเศษกองบรรณาธิการข่าววิทยุ สำนักข่าวไทย ให้คำจำกัดความสถานการณ์เวลานี้ ว่า เป็น “ Hybrid […]

สื่อสหรัฐรายงานสหรัฐบรรลุข้อตกลงไทย-กัมพูชา

วอชิงตัน 31 ก.ค. – สื่อของสหรัฐรายงานว่า สหรัฐได้บรรลุข้อตกลงการค้ากับไทยและกัมพูชาแล้ว หลังจากที่ไทย-กัมพูชา ทำข้อตกลงหยุดยิงไปเมื่อสองวันก่อน สื่อของสหรัฐรายงานว่า นายโฮเวิร์ด ลุตนิค รัฐมนตรีพาณิชย์ของสหรัฐ เปิดเผยกับฟ็อกซ์นิวส์ เมื่อคืนนี้ว่าสหรัฐได้บรรลุข้อตกลงการค้ากับไทยและกัมพูชาแล้ว หลังจากที่ไทยและกัมพูชาทำข้อตกลงหยุดยิงกันไปเมื่อสองวันก่อน แต่ยังไม่มีการให้รายละเอียดใดๆ ขณะที่ทางทำเนียบขาว และกระทรวงพาณิชย์ของสหรัฐ ยังไม่ได้แสดงความเห็นหรือให้รายละเอียดเกี่ยวกับเรื่องนี้ ก่อนหน้านี้ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ของสหรัฐ ออกมาเรียกร้องให้ไทยและกัมพูชาหยุดยิงทันทีโดยขู่ทั้งสองประเทศว่าสหรัฐจะไม่เจรจาข้อตกลงการค้าด้วยหากยังไม่มีการหยุดยิง และหลังจากที่ไทยกับกัมพูชาบรรลุข้อตกลงหยุดยิงในการเจรจาที่มาเลเซีย เมื่อวันที่ 28 กรกฎาคม นายทรัมป์ได้พูดคุยทางโทรศัพท์กับผู้นำทั้งสองประเทศ และได้สั่งการให้คณะเจรจาการค้าของสหรัฐเริ่มการเจรจากับไทยและกัมพูชาได้ การเปิดเผยข้อมูลของรัฐมนตรีพาณิชย์สหรัฐมีขึ้นก่อนที่จะถึงเส้นตายใช้มาตรกำแพงภาษีของภาษีของสหรัฐในวันที่ 1 สิงหาคม ซึ่งก่อนหน้านี้เพียงไม่กี่ชั่วโมง สหรัฐเพิ่งประกาศว่าได้บรรลุข้อตกลงการค้ากับเกาหลีใต้แล้ว โดยทรัมป์จะเก็บภาษีนำเข้าสินค้าจากเกาหลีใต้ 15% และบอกด้วยว่าจะเก็บภาษีสินค้าจากอินเดีย 25% นอกจากนี้ยังขู่จะเพิ่มโทษหากอินเดียซื้อพลังงานจากรัสเซีย.-816.-สำนักข่าวไทย

ทูตไทยตอบโต้กัมพูชา หลังยกกรณีปัญหาชายแดนที่ยูเอ็น

นิวยอร์ก 31 ก.ค. – เอกอัครราชทูตผู้แทนถาวรไทยประจำองค์การสหประชาชาติ โต้ผู้แทนกัมพูชา ซึ่งหยิบประเด็นชายแดนไทย-กัมพูชา ขึ้นพูดผิดกาลเทศะ ผิดวาระ ในที่ประชุมสหประชาชาติ วาระสำคัญของการประชุมระดับสูงระหว่างประเทศในเวทีสหประชาชาติ ที่นครนิวยอร์ก ประเทศสหรัฐ เมื่อวานนี้ คือการผลักดันเพื่อระงับข้อพิพาทปัญหาปาเลสไตน์โดยสันติวิธี แต่ปรากฏว่านาย เจีย แก้ว เอกอัครราชทูตกัมพูชาประจำสหประชาชาติ กลับพูดในประเด็นที่ไม่เกี่ยวข้องกับวาระการประชุม โดยพาดพิงถึงไทยเกี่ยวกับสถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชา นายเชิดชาย ใช้ไววิทย์ เอกอัครราชทูต ผู้แทนถาวรไทยประจำสหประชาชาติ จึงกล่าวตอบโต้โดยชี้แจงข้อมูลความจริงในประเด็นที่กัมพูชาละเมิดข้อตกลงหยุดยิง โดยระบุว่า เป็นที่น่าเสียดายที่มีคณะผู้แทนหยิบยกประเด็นที่ไม่เกี่ยวข้องขึ้นมาในที่ประชุม ซึ่งเป็นเวทีที่หลายฝ่ายรอคอย และมีวัตถุประสงค์เพื่อส่งเสริมการสนับสนุนจากประชาคมระหว่างประเทศต่อการแก้ไขปัญหาความขัดแย้งระหว่างอิสราเอลและปาเลสไตน์อย่างเป็นธรรม ถาวร และครอบคลุม ผ่านแนวทางสันติวิธีโดยการดำเนินการตามแนวทางสองรัฐ นายเชิดชาย กล่าวในที่ประชุมว่า ประเทศไทยไม่ได้มีเจตนาจะนำเรื่องทวิภาคีเข้าสู่เวทีสำคัญดังกล่าว แต่ต้องขอชี้แจงข้อเท็จจริงเพื่อป้องกันความเข้าใจผิด โดยย้ำว่าเมื่อวันที่ 28 กรกฎาคม 2568 ไทยและกัมพูชา ได้บรรลุข้อตกลงหยุดยิง โดยได้รับความร่วมมือเป็นอย่างดีจากนายกรัฐมนตรีมาเลเซีย ในฐานะประธานอาเซียน แต่หลังจากที่ข้อตกลงหยุดยิงมีผลบังคับใช้ในวันที่ 29 กรกฎาคม อีกฝ่ายกลับใช้อาวุธข้ามพรมแดน และบุกรุกเข้ามาในดินแดนของไทยอีกครั้ง ซึ่งถือเป็นการละเมิดข้อตกลงอย่างร้ายแรง ประเทศไทยจึงขอเรียกร้องให้ประเทศเพื่อนบ้านปฏิบัติตามข้อตกลงหยุดยิงอย่างเคร่งครัด และยืนยันความมุ่งมั่นของไทยที่จะใช้กลไกทวิภาคีที่มีอยู่ในการแก้ไขปัญหา หลีกเลี่ยงการเผยแพร่ข้อมูลที่เป็นเท็จหรือทำให้เข้าใจผิด และให้มีส่วนร่วมด้วยเจตนาดี.-810.-813.-สำนักข่าวไทย

ยูเอ็นเรียกร้องให้ไทย-กัมพูชาเคารพข้อตกลงหยุดยิง

เจนีวา 31 ก.ค. – โวลเกอร์ เติร์ก ข้าหลวงใหญ่สิทธิมนุษยชนแห่งสหประชาชาติ เรียกร้องให้ประเทศไทยและกัมพูชา ปกป้องพลเรือนจากอันตรายเพิ่มเติม ด้วยการเคารพและปฏิบัติตามข้อตกลงหยุดยิงที่ได้ตกลงกันเมื่อวันจันทร์อย่างเต็มที่ พร้อมเน้นย้ำถึงความจำเป็นในการดำเนินการอย่างรวดเร็ว เพื่อสร้างความเชื่อมั่นและสันติภาพ นายเติร์ก กล่าวในแถลงการณ์จากนครเจนีวาของสวิตเซอร์แลนด์ เมื่อวานนี้ว่า ในช่วงเวลาที่ความขัดแย้งและวิกฤตการณ์ทั่วโลกเพิ่มขึ้น เขายินดีต่อข้อตกลงหยุดยิงระหว่างไทยและกัมพูชาด้วยความจริงใจ โดยเฉพาะอย่างยิ่งกับการมีส่วนร่วมที่สำคัญของมาเลเซีย ในฐานะประธานอาเซียน ข้อตกลงที่สำคัญนี้จะต้องได้รับการเคารพอย่างเต็มที่ด้วยเจตนาที่ดีจากทั้งสองฝ่าย ในขณะที่ความพยายามทางการทูตยังคงดำเนินต่อไป เพื่อแก้ไขต้นตอของความขัดแย้ง ข้าหลวงใหญ่ฯ กล่าวด้วยว่า เป็นสิ่งสำคัญที่ทั้งสองฝ่ายจะยังคงพยายามฟื้นฟูความมั่นคงบริเวณชายแดน และให้แน่ใจว่าผู้ที่ได้รับผลกระทบจากความรุนแรงและการพลัดถิ่นจะได้รับการเยียวยาตามกฎหมายและมาตรฐานสิทธิมนุษยชนและกฎหมายมนุษยธรรมระหว่างประเทศ โดยมีรายงานว่ามีผู้พลัดถิ่นกว่า 180,000 คน ในฝั่งไทย และอีก 168,946 คน ในฝั่งกัมพูชา นายเติร์ก กล่าวว่า ในสถานการณ์ตึงเครียดเช่นนี้ เป็นสิ่งสำคัญที่ทางการไทยและกัมพูชา จะต้องดำเนินมาตรการเพื่อสร้างความเชื่อมั่นขึ้นใหม่ ต่อต้านวาทกรรมที่เป็นอันตรายและปลุกปั่น และจัดการกับข้อมูลที่ไม่ถูกต้องตามกฎหมายสิทธิมนุษยชนระหว่างประเทศ เขาระบุด้วยว่า เป็นความรับผิดชอบของรัฐบาลทั้งสองที่จะต้องดูแลความปลอดภัยและการคุ้มครองพลเมืองของอีกฝ่ายที่อยู่ในอาณาเขตของตน.-813.-สำนักข่าวไทย

คณะผู้สังเกตการณ์ลงพื้นที่ฝั่งกัมพูชา

พนมเปญ 30 ก.ค. – วันนี้คณะผู้สังเกตการณ์นานาชาติซึ่งนำโดยมาเลเซียเดินทางลงพื้นที่เพื่อตรวจสอบสถานการณ์ในฝั่งกัมพูชา หลังจากมีการหยุดยิงไปเมื่อคืนวันที่ 28 กรกฎาคมที่ผ่านมา สื่อของกัมพูชารายงานว่าในวันนี้พลเอกผู้บัญชาการกองทัพมาเลเซียเป็นหัวหน้าคณะผู้สังเกตการณ์นานาชาติเดินทางลงพื้นที่ในเขตอันเซสซึ่งเป็นพื้นที่สู้รบในจังหวัดพระวิหารของกัมพูชาเพื่อติดตามและกำกับดูแลการปฏิบัติตามข้อตกลงหยุดยิงระหว่างไทยกับกัมพูชา หลังจากข้อตกลงหยุดยิงเริ่มมีผลไปเมื่อเวลาเที่ยงคืนวันที่ 28 กรกฎาคมที่ผ่านมา ภารกิจการติดตามผลนี้เป็นความคิดริ่เริ่มของมาเลเซียซึ่งขณะนี้มีตำแหน่งเป็นประธานหมุนเวียนของอาเซียน เพื่อสร้างหลักประกันว่าประเทศคู่กรณีจะปฏิบัติตามข้อตกลงหยุดยิงอย่างครบถ้วน คณะผู้สังเกตการณ์ดังกล่าวจัดตั้งขึ้นตามข้อตกลงระหว่างไทยกับกัมพูชา ถือเป็นส่วนหนึ่งของกลไลการติดตามการหยุดยิงเพื่อยืนยันการปฏิบัติตามข้อตกลงและสร้างความไว้วางใจซึ่งกันและกัน สื่อของกัมพูชาให้ข้อมูลว่าคณะผู้สังเกตการณ์นี้ประกอบผู้ช่วยทูตจากชาติมหาอำนาจและประเทศมาชิกอาเซียน ตลอดจนนักการทูต รวมทั้งสิ้น 13 ประเทศได้แก่สหรัฐ จีน ญี่ปุ่น รัสเซีย เกาหลีใต้ และออสเตรเลีย ส่วนประเทศในอาเซียนมีทั้ง มาเลเซีย อินโดนีเซีย ฟิลิปปินส์ สิงคโปร์ สปป.ลาว เวียดนาม และเมียนมา พลเอกหญิงมาลี โสเจียตา ปลัดกระทรวงกลาโหมกัมพูชาและโฆษกกระทรวงยืนยันว่า คณะผู้สังเกตการณ์นานาชาติที่นำโดยมาเลเซียมี 2 คณะ โดยคณะหนึ่งประจำการอยู่ในกัมพูชา และอีกคณะหนึ่งประจำการในไทย โดยแต่ละคณะมีผู้ช่วยทูตทหารระดับสูงของมาเลเซียที่ประการจำการอยู่ในแต่ละประเทศเป็นหัวหน้าคณะผู้บัญชาการกองทัพมาเลเซียเดินทางมาถึงกัมพูชาตั้งแต่เมื่อวานนี้ และในช่วงเย็นวันเดียวกันได้ลงพื้นที่ตรวจสอบในฝั่งกัมพูชา โดยได้พบปะกับผู้บัญชาการทหารระดับสูงของไทยและกัมพูชา ซึ่งรวมถึงแม่ทัพภาคที่ 1 และภาคที่ 2 ของไทย และผู้บัญชาการทหารภาค 4 และภาค 5 ของกัมพูชา […]

กัมพูชา-ไทยยืนยันทำตามข้อตกลงหยุดยิงในที่ประชุมไตรภาคีกับจีน

ปักกิ่ง 30 ก.ค. — เว็บไซต์กระทรวงการต่างประเทศของจีนรายงานว่ากัมพูชาและไทยยืนยันความมุ่งมั่นว่าจะปฏิบัติตามข้อตกลงหยุดยิงในการประชุมไตรภาคีอย่างไม่เป็นทางการ ซึ่งจีน กัมพูชา และไทยจัดขึ้น ณ นครเซี่ยงไฮ้ ในวันพุธ (30 ก.ค.) โดยมีซุน เว่ยตง รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงฯ พร้อมคณะผู้แทนจากกัมพูชาและไทยเข้าร่วม สำนักข่าวซินหัว รายงานว่ากัมพูชาและไทยยืนยันกับจีนว่าจะปฏิบัติตามข้อตกลงหยุดยิง พร้อมแสดงความขอบคุณบทบาทเชิงบวกของจีนในการคลี่คลายสถานการณ์ โดยการประชุมครั้งนี้ดำเนินไปด้วยบรรยากาศที่จริงใจตรงไปตรงมา เป็นมิตร และสามัคคีปรองดอง จีนดำเนินบทบาทเชิงสร้างสรรค์อย่างต่อเนื่องในการสนับสนุนกัมพูชาและไทยแก้ไขข้อพิพาทชายแดนอย่างสันติ และการประชุมครั้งนี้ถือเป็นความพยายามทางการทูตล่าสุดของจีนในเรื่องดังกล่าว.-813.-สำนักข่าวไทย

สุรินทร์ตรึงกำลังแนวชายแดน ชาวบ้านขอกลับเข้ามาดูบ้าน

สุรินทร์ 30 ก.ค. – ชายแดนไทย-กัมพูชา ด้าน อ.พนมดงรัก จ.สุรินทร์ ทหารยังตรึงกำลังประจันหน้ากันอยู่ ส่วนภาพรวมจุดที่อยู่ห่างจุดปะทะ เจ้าหน้าที่ยังเน้นเฝ้าระวังและเข้มงวดในการกลับเข้าพื้นที่ เพราะมีชาวบ้านบางส่วนอยากกลับเข้าบ้านแล้ว แต่ทางการยังห่วงเรื่องความปลอดภัย.-สำนักข่าวไทย

อินโดนีเซียพร้อมช่วยยุติขัดแย้งไทย-กัมพูชา

จาการ์ตา 30 ก.ค. – ประธานาธิบดีอินโดนีเซียแถลงให้การสนับสนุนมาเลเซียอย่างเต็มที่ในการรักษาเสถียรภาพในภูมิภาค ลดระดับความขัดแย้งระหว่างกัมพูชาและไทย พร้อมให้ความช่วยเหลือทุกที่และทุกเวลา ประธานาธิบดีปราโบโว ซูเบียนโต ผู้นำอินโดนีเซีย และนายกรัฐมนตรี อันวาร์ อิบราฮิม ของมาเลเซีย จัดการประชุมปรึกษาหารือประจำปีครั้งแรกนับตั้งแต่เข้ารับตำแหน่ง ซึ่งถือเป็นการเริ่มต้นการเจรจาระดับสูงระหว่างผู้นำทั้งสองประเทศครั้งแรกนับตั้งแต่ปี 2560 ทำเนียบประธานาธิบดีในกรุงจาการ์ตา ระบุภายหลังการหารือว่า อินโดนีเซียกำลังสื่อสารอย่างแข็งขันกับมาเลเซียเพื่อสนับสนุนการลดระดับความขัดแย้งระหว่างไทยกับกัมพูชา หนึ่งวันหลังจากที่ผู้นำมาเลเซีย ในฐานะประธานสมาคมประชาชาติแห่งเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ หรืออาเซียน ได้ช่วยเจรจาข้อตกลงหยุดยิงระหว่างไทยและกัมพูชา ซึ่งเป็นประเทศสมาชิก การประชุมปรึกษาหารือประจำปีระหว่างผู้นำอินโดนีเซียและมาเลเซีย ซึ่งไม่ได้จัดตั้งแต่ปี 2560 เนื่องจากการระบาดของโควิด-19 และการเปลี่ยนแปลงทางการเมืองในทั้งสองประเทศ ทำหน้าที่เป็นกลไกทวิภาคีระดับสูงสุดระหว่างทั้งสองประเทศ มีจุดมุ่งหมายเพื่อเสริมสร้างความร่วมมือเชิงยุทธศาสตร์และรอบด้าน ปราโบโว เริ่มต้นการประชุมด้วยการแสดงความยินดีกับอันวาร์ในความเป็นผู้นำ ความสำเร็จในการไกล่เกลี่ยข้อขัดแย้งในภูมิภาค และอำนวยความสะดวกให้กับข้อตกลงหยุดยิง เขาพร้อมสนับสนุนบทบาทของมาเลเซียในฐานะประธานอาเซียนในการรักษาเสถียรภาพในภูมิภาคอย่างเต็มที่ ส่วนอินโดนีเซียพร้อมให้ความช่วยเหลือทุกที่และทุกเวลา เพื่อให้อาเซียนแก้ไขข้อขัดแย้งโดยสันติวิธีเสมอ ผ่านกระบวนการปรึกษาหารือ การพินิจพิเคราะห์ และเจรจา ส่วนอันวาร์กล่าวกับปราโบโวว่า ความร่วมมือระหว่างประเทศสมาชิกอาเซียนมีความสำคัญต่อการรักษาความมั่นคงในภูมิภาค และในขณะนี้ ประเทศสมาชิกอาเซียน โดยเฉพาะอย่างยิ่งมาเลเซีย อินโดนีเซีย สิงคโปร์ บรูไน และฟิลิปปินส์ จะเป็นผู้รับผิดชอบในการติดตามกระบวนการสันติภาพนี้ ประเทไทยและกัมพูชาปะทะกันอย่างหนักตั้งแต่วันพฤหัสบดีที่แล้ว คร่าชีวิตผู้คนไปแล้วมากกว่า 30 […]

1 2 3 4 5 6 71
...