Hybrid warfare (สงครามลูกผสม) ที่ “ไทยประมาทไม่ได้อีกต่อไป”

•เหตุผล? ที่ทำให้กัมพูชากล้าละเมิดข้อตกลงหยุดยิงกับไทย
•ความสัมพันธ์ “กัมพูชา” กับ “จีน-สหรัฐฯ” ได้เปรียบกว่าไทย จริงหรือ ?
•สงครามข้อมูลข่าวสาร ไทยแพ้? กัมพูชาชนะ?


สถานการณ์ความขัดแย้งระหว่างไทย-กัมพูชา นับตั้งแต่วันที่กัมพูชาเปิดฉากยิงกระสุนนัดแรกเข้ามายังฝั่งไทย เช้าวันที่ 24 กรกฎาคม 2568 ก็เกิดการปะทะกัน สร้างความสูญเสียทั้งชีวิตพลเรือนไทย ทหารไทย บ้านเรือน โรงพยาบาล โรงเรียนไทยจำนวนมาก นำมาซึ่งการเจรจาหยุดยิงถึง 2 ครั้ง 2 ระดับ แต่ก็ยังมีเสียงปืนและระเบิดจากฝั่งกัมพูชาละเมิดข้อตกลงหยุดยิง


ท่ามกลางการเข้ามาของ 2 ประเทศมหาอำนาจ “จีน – สหรัฐฯ” ที่มีส่วนร่วมคลี่คลายสถานการณ์ความขัดแย้งทั้งไทย-กัมพูชา ในฐานะมิตรประเทศ แต่ก็มีความเคลื่อนไหวทางการทหารที่สำคัญระหว่างสหรัฐกับกัมพูชา เพื่อรื้อฟื้นการซ้อมรบประจำปีที่ระงับไปหลายปี นับเป็นความท้าทายที่ไทยในฐานะพันธมิตรชาติหนึ่งของสหรัฐต้องจับสัญญาณเรื่องนี้ให้ถูกต้อง


รองศาสตราจารย์ ดร.ดุลยภาค ปรีชารัชช อาจารย์ประจำสาขาวิชาเอเชีย ตะวันออกเฉียงใต้ศึกษา คณะศิลปศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ และนายกสมาคมภูมิภาคศึกษา ประเมินสถานการณ์ความขัดแย้งไทย-กัมพูชา ในบทสัมภาษณ์พิเศษกองบรรณาธิการข่าววิทยุ สำนักข่าวไทย ให้คำจำกัดความสถานการณ์เวลานี้ ว่า เป็น “ Hybrid warfare” (สงครามลูกผสม) ที่ ไทยประมาทไม่ได้อีกต่อไป

ความสัมพันธ์ จีน – สหรัฐฯ กับ “กัมพูชา”
อ.ดุลยภาค มองว่า ประเทศมหาอำนาจ จีนกับสหรัฐฯ แข่งขันถ่วงดุลอำนาจ โดยเฉพาะในพื้นที่ตะวันออกเฉียงใต้ ที่มีไทยตั้งอยู่ด้วย ซึ่งการร่วมมือทางการทหารของกัมพูชา-สหรัฐฯ ก็ทำให้จีนไม่สบายใจ เพราะนโยบายเดิมของ “ฮุนเซน” เน้นที่ความสัมพันธ์กับฝั่งจีนมาก โดยเฉพาะการลงทุน แต่ปัจจุบันนโยบายของ “ฮุนมาเนต” เริ่มมีความสมดุล โอนเอียงมามีความสัมพันธ์กับสหรัฐฯด้วย เนื่องจากฮุนมาเนต เรียนจบจากวิทยาลัยการทหารสหรัฐ (เวสต์พอยต์) เท่ากับมีคอนเน็คชั่นกับสหรัฐฯพอสมควร ซึ่งการมีกิจกรรมทางการทหารกับสหรัฐ ย่อมทำให้จีนไม่สบายใจ และจับตาดูท่าทีกัมพูชาเป็นพิเศษ

ไทย – กัมพูชา ในสายตาจีนและสหรัฐฯ


กัมพูชาเป็นประเทศเล็กกว่าไทย แต่แม้พลังอำนาจน้อยกว่า แต่กัมพูชารู้จักแสดงพลังอำนาจเท่าที่เขามีให้อยู่ในเวทีโลก เป็นประเทศที่พยายามอัพเกรด ให้ตัวเองเป็นสปอร์ตไลท์ในสายตานานาชาติไทย นี่คือจุดที่ไทยอย่าประมาท

ในแง่ภูมิรัฐศาสตร์ ประเทศไทยยังมีความสำคัญอยู่ หากจีนทุ่มเทความสัมพันธ์ให้กัมพูชา แล้วไทยเอนเอียงไปหาสหรัฐฯ ก็ไม่ดีกับจีน จีนก็ต้องรักษาความสัมพันธ์กับไทยไว้ หรือหากกัมพูชาไปหาสหรัฐฯมากขึ้น ก็อาจทำให้จีนเข้ามามีความสัมพันธ์กับไทยมากขึ้น

ในขณะที่ยุทธศาสตร์ของจีน คือ “ลงทุน 1 แถบ 1 เส้นทาง” คือการลงทุนในไทย กัมพูชา ลาว ที่อื่นๆในแถบนี้ ซึ่งจีนมีการลงทุนในกัมพูชา ที่มีท่าเรือเลียม และสีหนุวิลล์ ส่วนสหรัฐฯใช้ยุธศาสตร์อินโด-แปซิฟิก ซึ่งไทยถือว่าได้เปรียบมาก เพราะทำเลดีกว่า เราเป็นจุดศูนย์รวมอินโด-แปซิฟิก มีทะเล 2 ด้านทั้งอันดามัน ที่เป็นส่วนหนึ่งของมหาสมุทรอินเดีย และ อ่าวไทย ที่เป็นส่วนหนึ่งของมหาสมุทรแปซิฟิก และ สหรัฐฯเคยมาตั้งฐานทัพที่ไทย ดังนั้นความสัมพันธ์ไทย-สหรัฐแน่นกว่า สหรัฐ-กัมพูชา

การละเมิดข้อหยุดยิง ส่งผลอะไรต่อกัมพูชา

มองว่าการละเมิดข้อตกลงหยุดยิง ทั้งที่มีจีน-สหรัฐฯเป็นผู้ร่วมประสานงานด้วย ทำให้กัมพูชาเสียเครดิต ประเทศมหาอำนาจไว้ใจกัมพูชาน้อยลง และอาจกดกัมพูชามากขึ้น แต่สิ่งที่ทำให้กัมพูชา กล้าละเมิดข้อตกลงหยุดยิง มาจากหลักการดำเนินนโยบายต่างประเทศ ของฮุนเซน เป็นหลักปฏิบัตินิยม คือทำทุกอย่างเพื่อบรรลุเป้าหมาย ไม่ว่าจะด้วยวิธีการแบบใด แม้จะละเมิดศีลธรรมก็ตาม ซึ่งการกระทำนี้มีงานวิชาการรองรับ / ท่าทีของกัมพูชา ที่ “พลิ้วไหว ผสมบิดพลิ้ว” จึงไม่แปลกใจที่มีการละเมิดการหยุดยิง เพราะต้องทำให้ได้รับชัยชนะ เป้าหมายครั้งนี้คือต้องการพื้นที่คืนจากทหารไทย ซึ่งเป็นพื้นที่ที่ทำให้กัมพูชาได้เปรียบ จึงต้องมีการละเมิดข้อตกลงหยุดยิงเพื่อให้ได้มา

ยอมละเมิด ไม่สนใจสายตาชาวโลก?
เพราะกัมพูชาสนใจคนในประเทศเขาสำคัญที่สุด แต่ในต่างประเทศ เขาเน้นสื่อสาร ให้ไทยเป็นผู้รุกราน แม้จะสนใจภาพลักษณ์ในต่างประเทศ แต่ก็พร้อมบิดเบือนข้อมูลข่าวสาร หรือโฆษณาชวนเชื่อ

ไทยควรทำอย่างไร ในสนามสงครามข้อมูล?

ยอมรับว่าค่อนข้างลำบาก เพราะในโลกการสื่อสาร ใครออกหมัดถี่กว่ากัน ออกหมัดหนักกว่ากัน คนนั้นชนะ ซึ่งกัมพูชาออกถี่กว่า แม้จะพูดไม่จริงก็ตาม จึงจำเป็นที่ประเทศไทยต้องเพิ่มความถี่ ในการตอบโต้ อย่าวิ่งตามกัมพูชาอย่างเดียว เราต้องเปิดเรื่องในสิ่งที่กัมพูชาผิดจริงๆ ให้กัมพูชาเป็นฝ่ายออกมาแก้ต่างบ้าง จะได้มีอำนาจการต่อรองสูงขึ้น ขณะเดียวกันไทยต้องอย่าชนะแค่ยุทธวิธีทางการทหารอย่างเดียว ต้องสู้ทางยุทธศาสตร์มิติข้อมูลข่าวสารด้วย และต้องเพิ่มพลังในมิติการเคลมวัฒนธรรม และกฎหมายระหว่างประเทศ

“เพราะ นี่คือ Warfare (สงคราม)แบบไฮบริด เป็นสงครามลูกผสม ซึ่งกัมพูชาเปิดแนวรบแบบนี้มาซักระยะแล้ว แต่ไทยเพิ่งจะได้เห็นจุดที่ชนะอย่างชัดเจน ดังนั้นไทยยังมีอะไรที่ต้องทำอีกมาก”

มองว่า สิ่งที่กระทรวงการต่างประเทศ ของไทยทำนั้นถูกต้องแล้ว ในการยื่นพยานหลักฐานให้ประชาคมโลก แต่เรื่องแบบนี้ อีกนานกว่าจะรวบรวมหลักฐานแล้วตัดสินว่ากัมพูชาผิด แต่สิ่งที่ทำแล้วได้ผลเร็วที่สุดคือ ทำแบบเดียวกับที่กัมพูชาทำ คือการออกข้อมูลให้เร็วมากขึ้น ถี่มากขึ้น

30 กรกฎาคม 2568 .-สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

รวบแล้ว! โจรบุกเดี่ยวชิงทอง 163 บาท กลางห้างย่านบางบ่อ

สมุทรปราการ 20 ส.ค. – หนีไม่รอด รวบโจรสวมชุดไรเดอร์ บุกเดี่ยวชิงทองกลางห้างดัง จ.สมุทรปราการ กวาดทอง 163 บาท พบของกลางบางส่วนซุกตู้ลำโพงในบ้าน จากกรณีคนร้ายแต่งตัวคล้ายไรเดอร์ สวมหมวกกันน็อกเต็มใบ สะพายกระเป๋าข้าง บุกเข้าไปในร้านทอง พร้อมใช้อาวุธปืนข่มขู่พนักงาน ก่อนกระโดดข้ามตู้หน้าร้าน กวาดสร้อยคอและสร้อยข้อมือทองคำ น้ำหนักรวม 163 บาท เป็นทองคำรูปพรรณประเภทสร้อยข้อมือ หนัก 5 บาท ประมาณ 5 เส้น น้ำหนัก 25 บาท, น้ำหนัก 3 บาท ประมาณ 30 เส้น น้ำหนักรวม 90 บาท, หนัก 2 บาท ประมาณ 24 เส้น น้ำหนักรวม 48 บาท (รวมสร้อยข้อมือ 79 เส้น) ก่อนวิ่งขึ้นรถ จยย.ที่จอดอยู่ด้านหน้า […]

หลักฐานชัด! ทหารกัมพูชาลอบวางทุ่น PMN-2 ภูมะเขือ

19 ส.ค.- กองทัพเรือพบหลักฐานสำคัญ ยืนยันทหารกัมพูชาลักลอบใช้ทุ่นระเบิด PMN-2 บริเวณภูมะเขือ เมื่อวันที่ 19 สิงหาคม 2568 ชุดเก็บกู้กวาดล้างที่ 1 หน่วยปฏิบัติการทุ่นระเบิดเพื่อมนุษยธรรมกองทัพเรือ (นปท.ทร.) ซึ่งสนับสนุนการปฏิบัติงานเก็บกู้และกวาดล้างทุ่นระเบิดในพื้นที่ภูมะเขือ จังหวัดศรีสะเกษ ร้อย ร.132 พัน.13 (ฐานเหนือเมฆ) ตรวจพบโทรศัพท์มือถือของทหารกัมพูชาที่ทิ้งไว้ในพื้นที่ดังกล่าว เจ้าหน้าที่ได้ทำการตรวจสอบภายในเครื่อง พบคลิปวิดีโอและภาพถ่ายที่แสดงให้เห็นชัดเจนว่า ทหารกัมพูชากำลังถือทุ่นระเบิดชนิด PMN-2 พร้อมทั้งมีการบันทึกเสียงเป็นภาษาเขมร คาดว่าเป็นการสาธิตวิธีการใช้งาน ก่อนนำไปลักลอบฝังในพื้นที่ชายแดนไทย หลักฐานจากโทรศัพท์ยังระบุวันเวลาที่ถ่ายภาพและวิดีโอไว้อย่างชัดเจน จึงนับเป็นพยานหลักฐานสำคัญที่ยืนยันพฤติกรรมการละเมิดข้อตกลง และการใช้ทุ่นระเบิด ซึ่งขัดต่ออนุสัญญาระหว่างประเทศอย่างร้ายแรง ทั้งนี้ เจ้าหน้าที่ นปท.ทร. ได้แสดงถึงความรอบคอบและไหวพริบในการตรวจสอบหลักฐานทันที ก่อนส่งมอบให้หน่วยกองทัพบกในพื้นที่ เพื่อดำเนินการตามขั้นตอนต่อไป. – สำนักข่าวไทย

“ทศพล” รุดมอบมาลัย “ภูมิธรรม” หลัง ครม.ชงนั่งผู้ว่าฯ เชียงใหม่

กองบินตำรวจ 20 ส.ค.-“ภูมิธรรม” เตรียมแถลงจับยาเสพติดลอตใหญ่ “ทศพล” รุดมอบมาลัย หลัง ครม.ชงนั่งผู้ว่าฯ เชียงใหม่ ผู้สื่อข่าวรายงานว่าเวลา 8.00 น. ที่กองบินตำรวจ นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย รักษาราชการแทนนายกรัฐมนตรี เดินทางมาขึ้นเครื่อง เพื่อไปแถลงข่าวจับกุมผู้ต้องหาคดียาเสพติดล็อตใหญ่ ที่จังหวัดเชียงใหม่ โดยมีนายอรรษิษฐ์ สัมพันธรัตน์ ปลัดกระทรวงมหาดไทย พลตํารวจโท ภาณุรัตน์ หลักบุญ เลขาธิการคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามยาเสพติด นายนิรัตน์ พงษ์สิทธิถาวร อธิบดีกรมการปกครอง นายชนินทร์ รุ่งธนเกียรติ เลขานุการ รมว.มหาดไทย ร่วมเดินทางด้วย ทั้งนี้เมื่อนายภูมิธรรมเดินทางมาถึง นายทศพล เผื่อนอุดม ผู้ตรวจราชการ กระทรวงมหาดไทย ที่ ครม. มีมติเมื่อ 19 ส.ค. แต่งตั้งให้ไปดำรงตำแหน่งผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงใหม่ ได้นำพวงมาลัยมามอบให้นายภูมิธรรมและปลัดกระทรวงมหาดไทย และร่วมเดินทางกับคณะด้วย โดยมีสีหน้ายิ้มแย้ม อย่างไรก็ตามก่อนเดินทางเลขาธิการ ป.ป.ส. ได้รายงานสถานการณ์ยาเสพติดให้นายภูมิธรรมรับทราบ.-319.-สำนักข่าวไทย

มท.ชง ครม.แต่งตั้งโยกย้ายบิ๊กลอต 25 ตำแหน่ง

กทม.19ส.ค.-มท.ชง ครม.แต่งตั้งโยกย้ายบิ๊กลอต 25 ตำแหน่ง ผู้ว่าฯ หนองบัวลำพู ผงาดขึ้นอธิบดี พช. โยก “สยาม” นั่งพ่อเมืองปากน้ำ ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ในการประชุมคณะรัฐมนตรี วันนี้ กระทรวงมหาดไทย เตรียมเสนอแต่งตั้งโยกย้ายข้าราชการตำแหน่งบริหารระดับสูงให้ ครม.พิจารณาเห็นชอบรวม 25 ตำแหน่ง อาทิ นายสยาม ศิริมงคล อธิบดีกรมการพัฒนาชุมชน เป็นผู้ว่าฯ สมุทรปราการ นายจุมพฎ วรรณฉัตรสิริ ผู้ว่าฯ บึงกาฬ เป็นรองปลัดกระทรวงมหาดไทย นายชูชีพ พงษ์ไชย ผู้ว่าฯ ตาก เป็นรองปลัดกระทรวงมหาดไทย นายสุรศักดิ์ อักษรกุล ผู้ว่าฯ หนองบัวลำภู เป็นอธิบดีกรมการพัฒนาชุมชน นายนริศ นิรามัยวงศ์ ผู้ว่าฯ สมุทรสาคร เป็นผู้ว่าฯ ชลบุรี นายทศพล เผื่อนอุดม ผู้ตรวจราชการกระทรวงมหาดไทย เป็นผู้ว่าฯ เชียงใหม่ ว่าที่พันตรี อดิศักดิ์ น้อยสุวรรณ ผู้ว่าฯ […]

ข่าวแนะนำ

ประชุม RBC ระดับเลขาฯ ไม่ยกเลิก หลังมีข่าวส่อแววล่ม

สระแก้ว 21 ส.ค.- ไม่ล่ม! การประชุม RBC ระดับเลขานุการ ยังไม่ยกเลิก กระบวนการหารือยังคงดำเนินต่อไป แม้ก่อนหน้านี้มีกระแสข่าวส่อล่ม เนื่องจากฝ่ายกัมพูชายังไม่เดินทางมาเข้าร่วม ภายหลังการประชุม คณะกรรมการร่วมชายแดนในพื้นที่กองทัพภาคที่ 2 ถูกเลื่อนออกไปเป็นวันที่ 27 สิงหาคม 2568 หลายฝ่ายจับตาไปที่การประชุมของกองทัพภาคที่ 1 ซึ่งจะมีขึ้นในวันพรุ่งนี้ (22 ส.ค.) แต่ปรากฏว่าวันนี้ เมื่อถึงเวลาประชุม RBC ระดับเลขานุการ ทางฝ่ายกัมพูชายังไม่ได้เดินทางมา บรรยากาศที่สโมสรนายทหาร มณฑลทหารบกที่ 19 จ.สระแก้ว การประชุมคณะกรรมการชายแดนส่วนภูมิภาคไทย – กัมพูชา (RBC) สมัยวิสามัญ ซึ่งตามกำหนดในเวลา 14.00 น. จะมีการประชุม กองทัพภาคที่ 1 นำโดย พลตรี สุรวิชญ์ แดงจันทร์ เสนาธิการกองทัพภาคที่ 1 เป็นประธานคณะทำงาน ฝ่ายไทย ขณะกัมพูชา นำโดย พลโท ซอ […]

ล่า 18 วัน รวบแล้วมือยิง “กำนันเล้น”

ตรัง 21 ส.ค.- เหตุการณ์คนร้ายใช้อาวุธสงครามเอ็ม 16 ยิงถล่มกำนันตำบลนาวง อ.ห้วยยอด จ.ตรัง เสียชีวิตคารถ เมื่อวันที่ 3 ส.ค.ที่ผ่านมา ล่าสุดวันนี้ตำรวจรวบตัวคนร้ายได้แล้ว หลังหนีกบดานนานถึง 18 วัน พร้อมเตรียมสอบสวนหามูลเหตุจูงใจ ติดตามจากรายงาน -สำนักข่าวไทย

เสริมเขี้ยวเล็บ! ทัพเรือรับมอบปืนใหญ่ ระยะยิง 40 กม.

ชลบุรี 21 ส.ค.- กองทัพเรือเสริมเขี้ยวเล็บ! รับมอบปืนใหญ่ 155 มิลลิเมตร แบบอัตตาจร ระยะยิง 40 กม. เพิ่มขีดความสามารถในการป้องกันและรักษาอำนาจอธิปไตยของประเทศ วันนี้ 21 ส.ค.68 ที่หน้ากองบัญชาการ หน่วยบัญชาการนาวิกโยธิน ค่ายกรมหลวงชุมพร กองทัพเรือ อ.สัตหีบ จ.ชลบุรี พลเรือเอก ณัฏฐพล เดี่ยววานิช ผู้บัญชาการกองเรือยุทธการ (ผู้แทนผู้บัญชาการทหารเรือ) รับมอบปืนใหญ่ ขนาด 155 มิลลิเมตร แบบอัตราจรล้อยาง จากศูนย์อำนวยการสร้างอาวุธ ศูนย์อุตสหกรรมป้องกันประเทศและพลังงานทหาร จำนวน 6 กระบอก โดยมี พลเรือโท ธาดาวุธ ทัดพิทักษ์กุล รองเสนาธิการทหารเรือและประธานกรรมการบริหารโครงการจัดหาปืนใหญ่ฯ นายทหารชั้นผู้ใหญ่ ตลอดจนข้าราชการ กำลังพล เข้าร่วมในพิธี  การดำเนินโครงการจัดหาปืนใหญ่ ขนาด 155 มิลลิเมตร แบบอัตตาจร ล้อยาง (ATMG) นับเป็นการดำเนินการเพื่อสนับสนุนการเสริมสร้างกำลังรบหลักของ ทร. เพื่อให้ […]

แผ่นดินไหวนอกชายฝั่งเมียนมา เกิดจากรอยเลื่อนสะกาย ย้ำ กทม.ไม่กระทบโครงสร้าง

กรุงเทพฯ 21 ส.ค. – กรมทรัพยากรธรณี เผยเหตุแผ่นดินไหว ขนาด 5.4 ความลึก 10 กม. เกิดจากการเคลื่อนตัวแนวระนาบของรอยเลื่อนสะกาย บริเวณนอกชายฝั่งตอนใต้ของเมียนมา ห่างจากกรุงเทพฯ ประมาณ 500 กม. ด้านสมาคมวิศวกรโครงสร้างฯ เตือนอย่าตื่นตระหนก คนกรุงบนตึกสูงรู้สึกสั่น แต่ไม่กระทบโครงสร้าง กรมทรัพยากรธรณีชี้แจงกรณีแผ่นดินไหวขนาด 5.4 ความลึก 10 กิโลเมตร เมื่อเวลา 09.58 น. ตามเวลาประเทศไทย บริเวณนอกชายฝั่งตอนใต้ของสาธารณรัฐแห่งสหภาพเมียนมา ซึ่งห่างจากกรุงเทพมหานครประมาณ 500 กิโลเมตร การตรวจสอบพบว่าแผ่นดินไหวครั้งนี้ เกิดจากการเคลื่อนตัวของ “รอยเลื่อนสะกาย” แนวระนาบเหลื่อมขวา (right-lateral strike-slip fault) ซึ่งมีอัตราการเคลื่อนที่เฉลี่ยปีละ 2 เซนติเมตร รอยเลื่อนนี้เคยสร้างแผ่นดินไหวใหญ่หลายครั้ง อาทิ ปี 2473 ขนาด 7.3 มีผู้เสียชีวิตกว่า 500 คน และเมื่อ 28 […]