GBC ไทย-กัมพูชา เห็นพ้อง 13 ข้อตกลงหยุดยิง

มาเลเซีย 7 ส.ค. – การประชุม GBC ไทย-กัมพูชา สมัยวิสามัญ ทั้ง 2 ฝ่ายเห็นพ้องแนวทางปฏิบัติตามข้อตกลงหยุดยิง 13 ข้อระหว่างกัน การประชุมคณะกรรมการชายแดนทั่วไป (General Border Committee: GBC) ไทย – กัมพูชา สมัยวิสามัญ ใช้เวลากว่า 1 ชั่วโมง โดย 2 ฝ่ายเห็นพ้องแนวทางการปฏิบัติตามข้อตกลงหยุดยิง 13 ข้อระหว่างกัน ซึ่งเป็นแนวทางที่ทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้องของฝ่ายไทย ร่วมจัดทำกับฝ่ายเลขานุการของคณะกรรมการฯ ฝ่ายกัมพูชา จากนั้น พลเอกณัฐพล นาคพาณิชย์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงกลาโหม รักษาราชการแทนรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม และพลเอกเตีย เสรย-ฮา รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหมกัมพูชา ได้ร่วมลงนามบันทึกผลการประชุม ซึ่งมีรายละเอียดตามที่ทั้งสองฝ่ายหารือ และตกลงกันตลอด 3 วันที่ผ่านมา ด้วยความหวังให้สถานการณ์ชายแดนไทย – กัมพูชาคลี่คลาย นำมาซึ่งสันติภาพ และการอยู่ร่วมกันอย่างผาสุกของประชาชนทั้งสองประเทศ รวมถึงไทยสนับสนุนการใช้กลไกทวิภาคี ระหว่างกันในการพูดคุยอย่างมีประสิทธิภาพ The […]

footage showing moment of blast as a gas station convenience store in Sisaket was hit

สื่ออาหรับรายงานผลกระทบปัญหาชายแดนในอุบลฯ

อุบลราชธานี 7 ส.ค.- อัลจาซีรา ซึ่งเป็นสื่ออาหรับที่ให้บริการข่าวภาษาอังกฤษ ลงพื้นที่จังหวัดอุบลราชธานีของไทย สำรวจผลกระทบที่เกิดขึ้นกับประชาชนจากเหตุความขัดแย้งบริเวณชายแดนไทย-กัมพูชา ผู้สื่อข่าวของอัลจาซีรารายงานอ้างคำกล่าวของนายวสวรรธน์ พวงพรศรี สส. จังหวัดอุบลราชธานีและคณะเจ้าหน้าที่รัฐบาลที่ลงพื้นที่เมื่อวันที่ 5 สิงหาคมว่า สถานการณ์ยังไม่แน่นอนและสามารถเกิดเหตุการณ์ปะทุขึ้นได้ตลอดเวลา ขณะนี้กำลังทหารจำนวนมากทั้งของไทยและกัมพูชาประจำการอยู่ห่างกันราว 50 เมตร รอบด่านช่องอานม้า ในอำเภอน้ำยืน จังหวัดอุบลราชธานี อัลจาซีรารายงานว่า ความตึงเครียดยังคงดำเนินอยู่ในขณะที่คณะเจ้าหน้าที่ไทยและกัมพูชากำลังหารือกันที่มาเลเซียมาตั้งแต่วันที่ 4 สิงหาคม โดยจะมีผู้สังเกตการณ์จากมาเลเซีย สหรัฐและจีนเข้าร่วมในวันนี้ ซึ่งเป็นวันสุดท้ายของการหารือ เพื่อให้ข้อตกลงหยุดยิงมีผลบังคับใช้อย่างจริงจัง ตามที่ทั้ง 2 ฝ่ายตกลงหยุดยิงเมื่อวันที่ 28 กรกฎาคม หลังจากปะทะกันมา 5 วัน สถานการณ์ขณะนี้ทำให้คนไทยประมาณ 20,000 คนในจังหวัดอุบลราชธานีที่ถูกโจมตีเมื่อวันที่ 24 กรกฎาคมยังไม่สามารถกลับบ้านได้ และหวังให้ผลการเจรจาที่มาเลเซียนำมาซึ่งเสถียรภาพ ชาวบ้านเปิดเผยว่า เฝ้าระวังระดับสูงตั้งแต่ทหารของทั้ง 2 ฝ่ายปะทะกันเมื่อเดือนพฤษภาคมที่มีทหารกัมพูชาเสียชีวิต 1 นาย และความสัมพันธ์ทางการทูตระหว่าง 2 ประเทศเสื่อมถอยลง สตรีคนหนึ่งที่อาศัยวัดเป็นที่หลบภัยมานานกว่า 10 วันแล้วเล่าว่า กำลังให้อาหารเป็ดในวันที่มีจรวดยิงเข้ามา […]

จีน-ญี่ปุ่นปฏิเสธข่าวบริจาคโดรนให้กัมพูชา-ไทย

กรุงเทพฯ 6 ส.ค. – จีนปฏิเสธข่าวที่ว่าได้บริจาคโดรนให้กัมพูชา เพื่อใช้ตามแนวชายแดน ในขณะเดียวกันญี่ปุ่นก็ปฏิเสธข่าวที่ว่ารัฐบาลญี่ปุ่นจะจัดหาอากาศยานต่อสู้ไร้คนขับ ให้กับประเทศไทย เฟซบุ๊กของสถานทูตจีนประจำประเทศไทยโพสต์ข้อความระบุว่า โฆษกสถานเอกอัครราชทูตจีนประจำประเทศไทย ตอบคำถามสื่อมวลชนที่ว่ามีรายงานข่าวจากบางสำนักอ้างว่าจีนได้บริจาคโดรนให้แก่กัมพูชา เพื่อสนับสนุนปฏิบัติการตามแนวชายแดน โดยระบุว่าจากการตรวจสอบแล้วขอยืนยันว่ารายงานข่าวดังกล่าวไม่เป็นความจริง ภาพที่ถูกนำไปใช้ในรายงานข่าวเหล่านั้นเป็นภาพที่ถ่ายในระหว่างงานสาธิตการบิน ซึ่งจัดโดย “บริษัท ไชนา เนชั่นแนล แอโร-เทคโนโลยี อิมพอร์ต แอนด์ เอ็กซ์พอร์ต คอร์ปอเรชั่น” (China National Aero-Technology Import & Export Corporation) หรือ “แคทิค” (CATIC) ในกัมพูชาเมื่อเดือนมกราคม 2024 และไม่มีความเกี่ยวข้องกับสถานการณ์ปัจจุบันแต่อย่างใด ฝ่ายจีนขอยืนยันอีกครั้งว่านับตั้งแต่ความขัดแย้งตามแนวชายแดนระหว่างไทยและกัมพูชาปะทุขึ้น จีน ในฐานะที่เป็นประเทศเพื่อนบ้านที่เป็นมิตร ได้พยายามอย่างเต็มที่เพื่อลดความตึงเครียดด้วยวิธีการของตนเอง จีนไม่ได้แสวงหาผลประโยชน์ใดๆ จากเรื่องนี้ และสนับสนุนให้อาเซียนในการอำนวยความสะดวกเพื่อหาทางออกทางการเมืองสำหรับสถานการณ์ระหว่างไทยและกัมพูชาผ่านแนวทางของอาเซียน จีนพร้อมที่จะสื่อสารอย่างใกล้ชิดกับประเทศในภูมิภาค ได้แก่ ไทย กัมพูชา และมาเลเซีย เพื่อมีบทบาทเชิงสร้างสรรค์ในการเสริมสร้างการหยุดยิงให้มีความมั่นคงและฟื้นฟูสันติภาพและเสถียรภาพโดยเร็วที่สุด ในขณะเดียวกันสถานเอกอัครราชทูตญี่ปุ่นประจำกรุงพนมเปญของกัมพูชา ออกแถลงการณ์เผยแพร่ทางเฟซบุ๊กของสถานเอกอัครราชทูตญี่ปุ่นประจำกัมพูชา ชี้แจงข่าวลือที่แพร่กระจายในขณะนี้ว่ารัฐบาลญี่ปุ่นมีแผนที่จะจัดหาโดรนรบให้กับประเทศไทย สถานทูตฯ ขอยืนยันว่าข้อมูลดังกล่าวไม่เป็นความจริง และขอชี้แจงอย่างชัดเจนว่าทางการญี่ปุ่นไม่เคยมีแผนที่จะมอบอุปกรณ์ประเภทนี้ให้แก่ไทย […]

สิงคโปร์ว่าเหตุปะทะไทย-กัมพูชาเป็นความถดถอยของอาเซียน

สิงคโปร์ 6 ส.ค. – นายวิเวียน บาลากริชนัน รัฐมนตรีต่างประเทศสิงคโปร์ กล่าวว่า เหตุปะทะด้วยระหว่างประเทศไทยกับกัมพูชาที่เกิดขึ้นล่าสุด ไม่เพียงแต่เป็นความถดถอยสำหรับสันติภาพในภูมิภาคเท่านั้น แต่ยังรวมถึงความน่าเชื่อถือของอาเซียนด้วย ปัญหาเรื่องดินแดนที่เกิดขึ้นได้จุดประเด็นคำถามเกี่ยวกับความสามารถของอาเซียนในการป้องกันและการจัดการกับวิกฤติการณ์และนายบาลากริชนันกล่าวว่า แม้ปัญหาเรื่องดินแดนดังกล่าวจะไม่ใช่เรื่องแปลกในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ แต่เขาก็เน้นย้ำว่าความรุนแรงเป็นสิ่งที่สามารถหลีกเลี่ยงได้ นายบาลากริชนันกล่าวว่า เมื่อมีความรุนแรงเกิดขึ้น เป็นการสะท้อนถึงความล้มเหลวของความเป็นผู้นำ เขายังเตือนไม่ให้ปล่อยให้เรื่องต่างๆ เลวร้ายลงจนกลายเป็นเหตุวิกฤติร้ายแรง เนื่องจากภูมิภาคนี้กำลังเผชิญกับความตึงเครียดทางภูมิรัฐศาสตร์ที่เพิ่มขึ้นและภูมิทัศน์ทางเศรษฐกิจโลกที่แตกแยกมากขึ้นเรื่อยๆ นายบาลากริชนัน กล่าวเรื่องนี้ในเวทีการประชุมอาเซียนและเอเชียครั้งที่ 17 ซึ่งจัดโดยสถาบันกิจการระหว่างประเทศแห่งสิงคโปร์ในวันที่ 5 สิงหาคม โดยเขาอธิบายว่าความขัดแย้งระหว่างกัมพูชาและไทยเป็นความเสียหายร้ายแรงสำหรับกลุ่มอาเซียน รัฐมนตรีต่างประเทศสิงคโปร์กล่าวต่อผู้ฟังซึ่งประกอบด้วยนักการทูต นักวิชาการ และผู้นำทางธุรกิจประมาณ 300 คนที่โรงแรมพาร์ครอยัล บีชโร้ดว่า “ไม่จำเป็นต้องพูดให้ดูดีกว่าความเป็นจริง นี่คือความถดถอย ความถดถอยครั้งใหญ่ ไม่ใช่แค่เพื่อสันติภาพและเสถียรภาพเท่านั้น แต่เพื่อความน่าเชื่อถือในอาเซียนด้วย” เขากล่าวว่า ประเทศในภูมิภาคนี้อยู่กับข้อพิพาทด้านดินแดนที่ยังไม่ได้รับการแก้ไขมานาน ซึ่ง นายบาลากริชนันกล่าวย้ำว่าการมีอยู่ของข้อพิพาทเหล่านี้ไม่ได้หมายความว่าจะต้องนำไปสู่ความรุนแรงเสมอไป แค่มีพื้นที่ที่ยังไม่ได้กำหนดขอบเขตหรือกำลังมีข้อพิพาท ไม่ได้หมายความว่าจะต้องนำไปสู่ความรุนแรง และความจริงที่ว่าความรุนแรงเกิดขึ้นเป็นความล้มเหลวทางการทูต และอาจมีความซับซ้อนเมื่อความเป็นผู้นำมีความอ่อนแอ นายบาลากริชนันกล่าวว่า ทางแก้คือให้ประเทศต่างๆ ดูแลสังคมของตนเองก่อน ซึ่งเป็นประเด็นที่เขามักจะเน้นย้ำโดยกล่าวว่านโยบายต่างประเทศเริ่มต้นจากภายในประเทศ เขาตั้งข้อสังเกตว่าการต่อต้านโลกาภิวัตน์และการค้า รวมถึงการใช้อัตราภาษีและห่วงโซ่อุปทานเป็นเครื่องมือ มักมีต้นกำเนิดมาจากความไม่มั่นคงภายในและการขาดความเชื่อมั่นว่าระบบที่มีอยู่ เขาระบุว่า หากแนวรบภายในประเทศไม่สงบ […]

คนกัมพูชาหันไปใช้สินค้าในประเทศแทนสินค้าไทย

พนมเปญ 6 ส.ค. – ผู้บริโภคชาวกัมพูชา เปลี่ยนไปใช้บริการสินค้าท้องถิ่นมากขึ้น เพื่อเป็นทางเลือกแทนสินค้าไทย หลังเกิดการปะทะทางทหารบริเวณพรมแดนระหว่างกัมพูชากับไทย ผู้บริโภคชาวกัมพูชา กำลังหันมาใช้ผลิตภัณฑ์ท้องถิ่นและมองหาทางเลือกอื่นแทนสินค้าไทย นับตั้งแต่เกิดการปะทะระหว่างกองทัพทั้งสองประเทศตามแนวชายแดนที่เป็นข้อพิพาท เมื่อ 24 ก.ค. ที่ผ่านมา โดยในกรุงพนมเปญ ร้านกาแฟท้องถิ่นคึกคักไปด้วยลูกค้า ต่างจากร้านกาแฟไทยชื่อดังซึ่งเคยเป็นที่นิยมของชาวกัมพูชาในเมืองหลวง แต่ตอนนี้แทบไม่มีลูกค้าเข้าใช้บริการ ในช่วงหลายปีมานี้ สินค้าแบรนด์ไทยขยายตัวอย่างรวดเร็วในกัมพูชา โดยมีสถานีบริการน้ำมันกว่า 180 แห่ง, ร้านกาแฟกว่า 250 แห่ง ร้านสะดวกซื้อและร้านอาหารกว่า 100 แห่งที่บริษัทไทยเป็นเจ้าของ ทั้งหมดนี้ล้วนพบว่าจำนวนผู้บริโภคลดลงอย่างมากในช่วงที่ผ่านมา ผู้บริโภคชาวกัมพูชาหลายคนบอกว่า พวกเขาเริ่มหันมาอุดหนุนสินค้าและผลิตภัณฑ์ที่ผลิตในประเทศมากขึ้น จากปัญหาความขัดแย้งบริเวณชายแดนระหว่างกัมพูชาและไทย หลายคนบอกว่าตอนนี้ไม่อยากอุดหนุนสินค้าไทย อยากใช้ของกัมพูชามากกว่า และหวังว่าสินค้ากัมพูชาจะเป็นที่รู้จักอย่างกว้างขวางมากขึ้น ส่วนผู้ค้าปลีกและผู้นำเข้าสินค้าในท้องถิ่นบอกว่า พวกเขารู้สึกได้ถึงการเปลี่ยนแปลงของผู้บริโภคเช่นกัน พนักงานซูเปอร์มาร์เก็ตรายหนึ่งบอกว่า เมื่อก่อนลูกค้ามองหาสินค้าไทย แต่ตอนนี้พวกเขาเริ่มมองหาสินค้ากัมพูชาและสนับสนุนสินค้ากัมพูชามากขึ้น ร้านค้าและซูเปอร์มาร์เก็ตหลายแห่งบอกว่า จะปรับเปลี่ยนการจำหน่ายสินค้าเพื่อสนับสนุนสินค้าแบรนด์ท้องถิ่นให้มากขึ้น หลังจากการประชุมนัดพิเศษที่มีนายกรัฐมนตรีอันวาร์ อิบราฮิม ผู้นำมาเลเซียเป็นเจ้าภาพจัดขึ้นเมื่อ 28 ก.ค. ที่ผ่านมา กัมพูชาและไทยตกลงที่จะหยุดยิงทันทีโดยไม่มีเงื่อนไขมีผลบังคับใช้ในเวลาหลังเที่ยงคืนวันดังกล่าว ยุติการปะทะกันนาน 5 วัน.-815.-สำนักข่าวไทย

จีนเดินหน้าหนุนพลิกฟื้นสัมพันธ์ ‘ไทย-กัมพูชา’

ปักกิ่ง 6 ส.ค. – นายกัว เจียคุน โฆษกกระทรวงการต่างประเทศของจีน กล่าววันอังคารว่าจีนจะยังคงสนับสนุนอาเซียนในการส่งเสริมการเจรจาเพื่อสันติภาพ พร้อมดำเนินบทบาทเชิงสร้างสรรค์ในแบบของตนเองเพื่อการพลิกฟื้นความสัมพันธ์กัมพูชา-ไทย สำนักข่าวซินหัวรายงานว่า มีการจัดการประชุมคณะกรรมการชายแดนทั่วไป หรือ จีบีซี (GBC) ระหว่างกัมพูชากับไทยที่มาเลเซียในวันที่ 4-7 ส.ค. โดยจีนได้รับเชิญให้เข้าร่วมการประชุมวิสามัญของการประชุมคณะกรรมการดังกล่าวในวันที่ 7 ส.ค. นี้ นายกัวกล่าวว่าไม่มีการต่อสู้ตามแนวชายแดนกัมพูชา-ไทย นับตั้งแต่การหารืออย่างไม่เป็นทางการระหว่างจีน กัมพูชา กับไทยเมื่อวันที่ 30 ก.ค. โดยสถานการณ์ในพื้นที่มีแนวโน้มคลี่คลาย ขณะกัมพูชาและไทยดำเนินการหยุดยิงอย่างค่อยเป็นค่อยไป กัมพูชาและไทยจัดการประชุมคณะกรรมการชายแดนทั่วไปภายใต้การประสานงานเชิงรุกของมาเลเซีย ซึ่งเป็นประธานหมุนเวียนของอาเซียน เพื่อการสื่อสารหลายระดับผ่านช่องทางต่างๆ เกี่ยวกับการพัฒนากลไกเฝ้าติดตามการหยุดยิง ซึ่งเกื้อหนุนการยุติการสู้รบอย่างมีประสิทธิภาพและยั่งยืน โดยจีนชื่นชมและยินดีกับสิ่งนี้ จีนยังคงรักษาการสื่อสารใกล้ชิดกับกัมพูชาและไทย รวมถึงมาเลเซียและประเทศอื่นๆ ในภูมิภาค เพื่อส่งเสริมการหยุดยิง การสื่อสาร และการเจรจา ตลอดจนช่วยลดทอนความรุนแรงของสถานการณ์ตามเจตจำนงของกัมพูชาและไทย จีนจะยังคงสนับสนุนอาเซียนในการส่งเสริมการเจรจาเพื่อสันติภาพ รักษาจุดยืนอันเป็นธรรมและยุติธรรม และดำเนินบทบาทเชิงสร้างสรรค์ในแบบของตนเอง เพื่อการพลิกฟื้นความสัมพันธ์กัมพูชา-ไทย.-813.-สำนักข่าวไทย

อิสราเอล-ไทย แลกเปลี่ยนความรู้เรื่องความปลอดภัยไซเบอร์

กรุงเทพฯ 5 ส.ค. – สถานเอกอัครราชทูตอิสราเอลประจำประเทศไทย และสำนักงานคณะกรรมการการรักษาความมั่นคงปลอดภัยไซเบอร์แห่งชาติ (สกมช.) ร่วมกันจัดการประชุมเชิงปฏิบัติการด้านความมั่นคงปลอดภัยทางไซเบอร์ระหว่างประเทศไทยและอิสราเอล เป็นครั้งแรก การประชุมเชิงปฏิบัติการนี้จัดขึ้นระหว่างวันที่ 5-7 สิงหาคม 2568 ที่กรุงเทพฯ โดยมีตัวแทนหน่วยงานทั้งจากภาครัฐและภาคเอกชน เข้าร่วมมากกว่า 100 คน รวมถึงคณะผู้เชี่ยวชาญด้านไซเบอร์ชั้นนำจากอิสราเอลด้วย นับเป็นครั้งแรกในประเทศไทยที่มีการนำผู้เชี่ยวชาญด้านไซเบอร์จากอิสราเอล มาพบกับเจ้าหน้าที่ภาครัฐระดับสูง ผู้บริหารด้านความมั่นคงปลอดภัยทางไซเบอร์ และผู้เชี่ยวชาญด้านเทคนิคของไทย เพื่อฝึกอบรมและเรียนรู้ให้ได้วิธีการและประสบการณ์ที่ดีที่สุดในการรับมือกับความท้าทายนี้ร่วมกัน การประชุมเชิงปฏิบัติการครั้งนี้จัดขึ้นภายใต้กรอบบันทึกความเข้าใจระหว่างสำนักงานความมั่นคงไซเบอร์แห่งชาติของอิสราเอล และ สกมช. เมื่อปี 2565 โดยมีเป้าหมายเพื่อส่งเสริมความร่วมมือด้านความมั่นคงปลอดภัยทางไซเบอร์ เป็นอีกก้าวสำคัญของความสัมพันธ์ระดับทวิภาคีที่มุ่งสร้างความแข็งแกร่งให้แก่โครงสร้างพื้นฐานด้านดิจิทัลของทั้งสองประเทศ ผ่านการแลกเปลี่ยนองค์ความรู้และความร่วมมืออย่างใกล้ชิด นางออร์นา ซากิฟ เอกอัครราชทูตอิสราเอลประจำประเทศไทย กล่าวเปิดการประชุมว่า การที่อิสราเอลต้องรับมือกับการโจมตีไซเบอร์ต่อโครงสร้างพื้นฐานสำคัญวันละหลายร้อยครั้ง ทำให้อิสราเอลต้องพัฒนาโซลูชั่นเรื่องไซเบอร์ที่ได้ชื่อว่าทันสมัยที่สุดในโลก ปัจจุบันอิสราเอลมีบริษัทด้านความปลอดภัยไซเบอร์มากกว่า 500 แห่ง และครึ่งหนึ่งของบริษัทด้านความปลอดภัยไซเบอร์ในระดับยูนิคอร์นของโลกล้วนมีจุดกำเนิดในอิสราเอล บริษัทเหล่านี้มีมูลค่ารวมกันราว 61 ล้านดอลลาร์สหรัฐ (ราว 1,974 ล้านบาท) เอกอัครราชทูตอิสราเอลประจำประเทศไทย กล่าวด้วยว่า ความปลอดภัยไซเบอร์เป็นเรื่องที่ท้าทายสำหรับหลายรัฐบาลและหน่วยงานภาคเอกชน เนื่องจากมีผู้ไม่หวังดีจำนวนมากที่ต้องการทำร้ายประชาชนผู้บริสุทธิ์ รัฐบาลและประเทศจึงจำเป็นต้องก้าวนำหน้าผู้ไม่หวังดีอยู่เสมอ.-814.สำนักข่าวไทย

เจ้าหน้าที่กลาโหมฝ่ายไทย-กัมพูชาเริ่มหารือที่มาเลเซีย

กัวลาลัมเปอร์ 5 ส.ค. – เจ้าหน้าที่กลาโหมฝ่ายไทยและกัมพูชาเริ่มเจรจาเบื้องต้นที่ประเทศมาเลเซียเมื่อวานนี้ ก่อนการประชุมระดับรัฐมนตรีกลาโหมในวันพฤหัสบดี ขณะที่ข้อตกลงหยุดยิงระหว่างทั้งสองฝ่ายยังเปราะบาง การเจรจาเบื้องต้นระหว่างเจ้าหน้าที่กลาโหมของไทยและกัมพูชา เริ่มต้นขึ้นเมื่อวานนี้ ที่กรุงกัวลาลัมเปอร์ ประเทศมาเลเซีย ก่อนการประชุมระดับรัฐมนตรีในวันพฤหัสบดี ขณะที่ข้อตกลงหยุดยิงที่เปราะบาง ยังคงดำเนินต่อไปเป็นเวลาหนึ่งสัปดาห์ หลังจากทั้งสองประเทศบรรลุข้อตกลงหยุดยิง ที่มีขึ้นหลังมีการปะทะกันตามแนวพรมแดนระหว่างกัมพูชาและไทยนาน 5 วัน ในที่ประชุมที่มาเลเซียเป็นเจ้าภาพเมื่อวันจันทร์สัปดาห์ที่แล้ว โดยมีสหรัฐฯ และจีนเข้าร่วมสังเกตการณ์ด้วย การประชุมระดับเลขาธิการ ซึ่งกองทัพมาเลเซียเป็นเจ้าภาพจัดขึ้นที่โรงแรมวิสมา เปอร์วีรา มีตัวแทนจากทั้งสองประเทศเข้าร่วม 54 คน เพื่อวางรากฐานสำหรับเสถียรภาพที่ยั่งยืน หลังเกิดการปะทะทางทหารบริเวณแนวพรมแดนครั้งเลวร้ายที่สุดระหว่างสองประเทศเพื่อนบ้านในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ในรอบกว่าทศวรรษ รวมถึงการยิงปืนใหญ่และใช้เครื่องบินรบนานหลายวัน มีผู้เสียชีวิตอย่างน้อย 43 ราย ชาวบ้านทั้งสองฝ่ายอพยพรวมกันมากกว่า 300,000 คน โมฮัด นิซัม จัฟฟาร์ ผู้บัญชาการกองทัพบกมาเลเซีย เผยว่า ขณะนี้ ทั้งไทยและมาเลเซียอยู่ในขั้นตอนสุดท้ายของการหารือเกี่ยวกับขอบเขตอำนาจหน้าที่ หรือ ทีโออาร์ (TOR) ที่เสนอไว้ และการจัดตั้งกองกำลังติดตามผู้ช่วยทูตฝ่ายกลาโหมชั่วคราว ซึ่งจะนำไปสู่การจัดตั้งคณะผู้ตรวจสอบอาเซียนอย่างเป็นทางการ นอกจากนี้ ยังมีการหารือเรื่องการปรับปรุงรูปแบบการสนับสนุนที่อาจต้องการจากมหาอำนาจ พร้อมเสริมว่า มาเลเซีย สหรัฐฯ และจีนจะเข้าร่วมการประชุมคณะกรรมการชายแดนทั่วไป […]

จับตาการประชุม GBC ไทย-กัมพูชา พรุ่งนี้ (4 ส.ค.)

กรุงเทพฯ 3 ส.ค. – พรุ่งนี้ (4 ส.ค.) จะมีการประชุมคณะกรรมการชายแดนทั่วไป หรือ GBC ระหว่างไทยกับกัมพูชา ซึ่งมีการเปลี่ยนแปลงสถานที่ จากเดิมจะประชุมที่กัมพูชา แต่ทางการไทยขอให้เปลี่ยนสถานที่เป็นมาเลเซีย ทางกัมพูชาก็ขอให้มีผู้ร่วมสังเกตการณ์ คือ จีน และสหรัฐ ซึ่งทางการไทยตอบรับ การประชุมวันพรุ่งนี้จะนำไปสู่การแก้ปัญหาระหว่างไทยกับกัมพูชาได้อย่างไร ฟังการวิเคราะห์จาก รศ.ดร.ปณิธาน วัฒนายากร อดีตรองเลขาธิการนายกรัฐมนตรี และผู้เชี่ยวชาญด้านความมั่นคง .-สำนักข่าวไทย

สดุดี-บำรุงขวัญวีรบุรุษของแผ่นดิน

3 ส.ค. – วันพรุ่งนี้ (4 ส.ค.) กระบวนการเจรจาระหว่างไทยและกัมพูชา จะเกิดขึ้นอีกครั้งที่มาเลเซีย หลายฝ่ายคาดหวังจะบรรลุข้อตกลงเพิ่มเติม เพื่อต่อยอดหลังการหยุดยิง วันนี้จะพาไปติดตามภาพรวมขวัญกำลังใจทหารไทยต่อสถานการณ์ที่เกิดขึ้น.-สำนักข่าวไทย

พระราชทานเพลิงศพ 7 ผู้วายชนม์ เหตุปะทะไทย-กัมพูชา

3 ส.ค. – พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ พระราชทานพระบรมราชานุเคราะห์ ในการพระราชทานเพลิงศพผู้วายชนม์ 7 ราย จากสถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชา วันนี้ ครอบครัวและญาติทำพิธีฌาปนกิจผู้เสียชีวิต 7 ราย จากเหตุกัมพูชายิงใส่พื้นที่พลเรือนของไทยใน อ.กันทรลักษ์ จ.ศรีสะเกษ ท่ามกลางบรรยากาศโศกเศร้า เจ้าหน้าที่ปฏิบัติงานพิธี เชิญกล่องเพลิงพระราชทาน ผ้าไตรพระราชทาน และช่อดอกไม้จันทน์พระราชทาน มายังศาลาพุทธคุณ วัดมหาพุทธาราม พระอารามหลวง ต.เมืองเหนือ อ.เมือง จ.ศรีสะเกษ เพื่อประกอบพิธีพระราชทานเพลิงศพผู้เสียชีวิตจากสถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชา จากนั้นมีการอ่านหมายรับสั่ง พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าโปรดกระหม่อมพระราชทานพระบรมราชานุเคราะห์ ในการพระราชทานเพลิงศพผู้วายชนม์ 7 ราย ได้แก่ นางสาวรุ่งรัศ, เด็กหญิงทักษพร, เด็กชายพงศภัค, เด็กชายกิตติศักดิ์, นางสาวสาวิตรี, นางอรุณรัตน์ และนายสมศรี โดยมี 5 ราย เสียชีวิตจากเหตุกัมพูชายิงจรวด BM-21 ใส่ร้านสะดวกซื้อ ภายในปั๊มน้ำมัน อ.กันทรลักษ์ เมื่อวันที่ 24 กรกฎาคมที่ผ่านมา ส่วนอีก […]

โฆษกรัฐบาลยันไทยมีมาตรการควบคุมการใช้โดรนเข้มงวด

ทำเนียบฯ 3 ส.ค. – โฆษกรัฐบาลอัด “พล.ท.มาลี” เบี่ยงเบนกล่าวหา ยันไทยมีมาตรการควบคุมการใช้โดรนเข้มงวด โดยเฉพาะพื้นที่ชายแดน ด้านกองทัพแจ้ง 20 จังหวัด หากพบการบินโดรนจัดการเต็มที่ เมื่อเวลา 12.00 น. นายจิรายุ ห่วงทรัพย์ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี และคณะกรรมการศูนย์เฉพาะกิจบริหารสถานการณ์บริเวณชายแดนไทย-กัมพูชา (ศบ.ทก.) กล่าวว่า รัฐบาลไทยขอเตือนกองกำลังของกัมพูชาที่ใช้อากาศยานไร้คนขับ หรือโดรน บินเข้ามาในอาณาเขตอธิปไตยของประเทศไทย จะดำเนินการทำลายทันทีเมื่อรุกล้ำอธิปไตย รัฐบาลไทยโดยกองทัพบก และฝ่ายความมั่นคง ได้ยกระดับมาตรการแอนตี้โดรนอย่างเป็นรูปธรรม ล่าสุดเมื่อวันที่ 2 ส.ค.ที่ผ่านมา พล.ท.บุญสิน พาดกลาง แม่ทัพภาคที่ 2 ได้ประชุมร่วมกับผู้ว่าราชการจังหวัดในภาคตะวันออกเฉียงเหนือทั้ง 20 จังหวัด ผ่านระบบ VTC เพื่อกำชับมาตรการป้องกันและควบคุมการใช้โดรนในทุกพื้นที่ โดยเฉพาะบริเวณศาลากลางจังหวัด คลังอาวุธ สถานีขนส่ง สถานีตำรวจ สนามกีฬา และสนามบินโดยได้สั่งการให้ทุกจังหวัดบูรณาการการทำงานร่วมกับเจ้าหน้าที่ตำรวจ ภาคเอกชน และประชาชน ในการดำเนินการแอนตี้โดรน และจัดตั้งชุดลาดตระเวนเพื่อตรวจสอบบุคคลต้องสงสัย รวมถึงดำเนินคดีอย่างเด็ดขาดตามกฎหมาย หากพบพฤติการณ์ที่เข้าข่ายก่อการร้ายหรือเป็นสายลับ ซึ่งมีโทษร้ายแรงถึงขั้นประหารชีวิต […]

1 2 3 4 5 71
...