7 ส.ค. – ข้อตกลงที่ไทย-กัมพูชา ลงนามกันวันนี้ (7 ส.ค.68) มีส่วนที่ยังต้องรอความชัดเจน คือบทบาทของต่างชาติในการสังเกตการณ์หยุดยิง โดยเฉพาะมหาอำนาจที่อาจมีนัยแอบแฝงและส่งผลกระทบตามมา
จากข้อตกลงที่บรรลุมาส่วนใหญ่เป็นแนวทางหยุดยิงของสองฝ่าย ส่วนในระดับนานาชาติจุดที่น่าจับตาคือกลไกตรวจสอบ ซึ่งเป็นแนวปฏิบัติกำจัดข้อพิพาทอยู่แล้ว แต่ขณะนี้ยังมีความคลุมเครือถึงบทบาทของสหรัฐ ที่ได้ตกลงไว้กับกัมพูชา ว่าจะมีขอบเขตขนาดไหน
ข้อตกลงนี้บรรจุกลไกตรวจสอบการหยุดยิงที่เป็นหลักปฏิบัติสากลเพื่อให้บรรลุเป้าหมาย โดยที่มาเลเซีย ประธานอาเซียน เป็นผู้เสนอจัดตั้งคณะสังเกตการณ์อาเซียน มารับผิดชอบดูแล ตามข้อตกลงหยุดยิงที่มีเนื้อหา 13 ข้อ ได้กำหนดกลไกตรวจสอบการหยุดยิงไว้ในส่วนที่ 2 ในข้อที่ 10 จัดตั้งคณะผู้สังเกตการณ์จากประเทศสมาชิกอาเซียนนำโดยมาเลเซีย ข้อ 11 ให้คณะผู้สังเกตการณ์การหยุดยิงที่ดำเนินการโดย RBC และข้อ 13 ในระหว่างการจัดตั้งคณะผู้สังเกตการณ์ จะใช้กลไกคณะผู้สังเกตการณ์ชั่วคราว ทำหน้าที่แทนเป็นการชั่วคราว
หากยึดตามที่มาเลเซีย ตาม พล.อ.ดาโต๊ะ โมฮัมหมัด นิซัม จาฟฟาร์ ผู้บัญชาการทหารสูงสุดมาเลเซีย เปิดเผยไว้ คณะสังเกตการณ์จะประกอบด้วยนายทหารจากสมาชิกอาเซียน ด้วยจุดประสงค์ให้สังเกตการณ์และตรวจสอบยืนยันการปฏิบัติตามข้อตกลงหยุดยิง ทำหน้าที่เป็นช่องทางในการสื่อสาร และช่วยลดความตึงเครียดในพื้นที่
เขากล่าวถึงข้อกำหนดเงื่อนไข หรือ TOR ของคณะผู้สังเกตการณ์ไว้ว่าประกอบด้วยเจ้าหน้าที่ทหารอย่างน้อย 33 คน จากประเทศสมาชิกอาเซียน ซึ่งจะต้องได้รับความเห็นชอบร่วมกันของไทยและกัมพูชา คณะนี้จะประจำการอยู่ในที่ตั้งฝั่งไทย 2 จุด และอีก 2 จุด ในกัมพูชา แต่ละจุดจะมีเจ้าหน้าที่ประจำการจุดละ 7 คน แล้วยังให้จัดตั้งศูนย์สังเกตการณ์หลักที่มีเจ้าหน้าที่ประจำ 5 คน
การจัดตั้งคณะผู้สังเกตการณ์เพื่อติดตามตรวจสอบการหยุดยิงเช่นนี้ นับเป็นบทบาทที่ดีของอาเซียนในการกำจัดข้อพิพาทระหว่างประเทศสมาชิก ในระดับโลกนั้นการสังเกตการณ์การหยุดยิงเป็นส่วนหนึ่งของภารกิจรักษาสันติภาพของสหประชาชาติ ซึ่งที่ผ่านมาได้จัดตั้งกลไกแบบต่างๆ เพื่อติดตามตรวจสอบ รายงานผล บางครั้งอาจมีการสืบสวนกรณีการละเมิดหยุดยิง ไปจนถึงสนับสนุนช่วยเหลือ กระบวนการทางการเมืองเพื่อสันติภาพที่ยั่งยืน เช่น กองกำลังชั่วคราวสหประชาชาติในเลบานอน หรือ UNIFIL ที่มีบทบาทสำคัญในการรักษาสันติภาพในเลบานอน หรือภารกิจติดตามตรวจสอบสหประชาชาติในโคลอมเบีย ที่สังเกตการณ์หยุดยิงระหว่างรัฐบาลกับกองทัพปลดปล่อยแห่งชาติ หรือ ELN
ในขณะนี้ที่ยังอยู่ระหว่างกระบวนการจัดตั้งคณะสังเกตการณ์หยุดยิงไทย-กัมพูชา ได้เกิดข้อสงสัยถึงบทบาทของสหรัฐ โดย 1 วันก่อนที่จะลงนามข้อตกลงจีบีซีกับไทยนั้น พลเอก เตีย เซยฮา รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีกลาโหมกัมพูชา ได้เข้าพบ พลเรือเอก ซามูเอล พาพาโร ผู้บัญชาการกองบัญชาการอินโดแปซิฟิกของสหรัฐ ซึ่งในการหารือนั้น รัฐบาลกัมพูชาเปิดเผยว่าสหรัฐได้ยืนยันที่จะให้ความช่วยเหลือด้านการส่งกำลังบำรุงและทางเทคนิคเพื่อเร่งรัดจัดตั้งคณะผู้สังเกตการณ์ กระทรวงกลาโหมกัมพูชา ประกาศด้วยว่าสหรัฐให้ความสำคัญกับการวางแผนและการจัดหาอุปกรณ์ ไม่ว่าจะเป็นระบบการประจำการ เทคโนโลยีเฝ้าระวังทางอากาศจากอวกาศ และเทคโนโลยีล้ำสมัยอื่นๆ
การขยับของสหรัฐ มหาอำนาจในความขัดแย้งไทย-กัมพูชา ครั้งนี้ย่อมทำให้นักสังเกตการณ์การเมืองทั้งโลกจับตาเขม็งต่อเนื่องจากที่คณะนายทหารของกัมพูชาได้เดินทางไปเยือนฐานทัพสหรัฐที่ฮาวาย ในวันที่ 24 กรกฎาคม วันที่กัมพูชาเริ่มต้นโจมตีไทย ตกลงกันที่จะขยายความร่วมมือทางการทหาร รื้อฟื้นการซ้อมรบร่วมภายใต้ชื่ อังกอร์เซ็นทินัล
มาจนถึงการตกลงกันเพื่อสังเกตการณ์หยุดยิงระหว่างไทย ถึงแม้ว่ายังต้องรอคำยืนยันที่ชัดเจนจากกองบัญชาการอินโดแปซิฟิกก่อน แต่ย่อมมีคำถามตามมาว่าเมื่อมหาอำนาจเข้ามามีส่วนร่วมอาจแปลความตีความได้ว่าเป็นการขยายอิทธิพลหรือไม่ ขอบเขตในการเข้าร่วมของสหรัฐ การช่วยเหลือทางเทคนิค ส่งกำลังบำรุง และ เทคโนโลยีทางการทหาร จะเท่ากับเป็นการช่วยเหลือสร้างเสริมศักยภาพทางการทหารกับฝ่ายใดหรือไม่ รวมไปถึงเข้าข่ายครอบงำแทรกแซงที่จะทำให้เกิดการเผชิญหน้าทางการทหารในภูมิภาคที่ตึงเครียดขึ้นด้วยหรือไม่.-สำนักข่าวไทย