กัมพูชาเข้มไม่ยอมให้เด็กข้ามมาเรียนในไทย

สุรินทร์ 25 มิ.ย. – ไทยเปิดด่านตามหลักมนุษยธรรม แต่กัมพูชายังเข้ม จุดช่องจอมไม่ยอมให้เด็กข้ามมาเรียนในไทย จุดผ่านแดนช่องจอม จ.สุรินทร์ หลังจากปิดด่าน ทำให้เกิดผลกระทบชาวกัมพูชากับนักเรียนกัมพูชาที่ต้องข้ามฝั่งมาเรียน โดยชาวกัมพูชาบางคนมารอตั้งแต่ตี 5 เพื่อจะข้ามฝั่งไปยังกัมพูชา ยืนยันว่าจะกลับมาทำงานที่ประเทศไทย อยากให้ทั้ง 2 ฝ่ายคุยกันได้ และกลับมาเป็นเช่นเดิม ขณะที่คนขับรถส่งเด็กนักเรียน เล่าว่าตั้งแต่มีเหตุการณ์ไม่สงบเกิดขึ้นระหว่าง 2 ประเทศ ทำให้ขึ้นมารับนักเรียนฝั่งกัมพูชาไปเรียนที่ฝั่งประเทศไทยไม่ได้ เป็นเวลา 2 อาทิตย์แล้ว มีทั้งนักเรียนอนุบาลและมัธยม ฝั่งไทยเปิดด่านตนมารอรับนักเรียนฝั่งกัมพูชา เพื่อมาเรียนที่ประเทศไทยทุกวัน แต่นักเรียนฝั่งกัมพูชาข้ามมาประเทศไทยไม่ได้ เนื่องจากฝั่งกัมพูชาไม่เปิดประตูให้ข้ามด่านมายังไทย แม้ฝั่งไทยจะอนุญาตให้อำนวยความสะดวกด้านมนุษยธรรม ให้นักเรียนสามารถข้ามแดนไป-กลับได้ เพื่อมาโรงเรียน แต่เช้าวันนี้ รถรับ-ส่ง นักเรียน ที่เข้าไปรับนักเรียนชาวกัมพูชาที่หน้าด่าน ต้องตีรถเปล่ากลับ เนื่องจากกัมพูชาไม่เปิดประตูให้นักเรียนกัมพูชาข้ามเข้ามาเรียนในไทย ล่าสุดประตูฝั่งกัมพูชาเปิดเวลา 10.00 น. โดยเจ้าหน้าที่จะให้ชาวกัมพูชาที่ป่วยกลับประเทศกัมพูชา หากเอกสารไม่ครบต้องไปประสานตำรวจตรวจคนเข้าเมืองดำเนินการส่งกลับ รวมผู้ป่วยและพ่อค้าแม่ค้าที่ตกค้างมากกว่า 500 คน ส่วนรถตกค้างประมาณ 50 คัน ส่วนใหญ่เป็นของผู้ค้าในตลาดชายแดนช่องจอม ทั้งนี้ ฝั่งกัมพูชาปิดประตูเวลา […]

จีนยังเป็นโอกาสและเป็นที่พึ่งพาได้ของไทยและอาเซียน

ปักกิ่ง 25 มิ.ย. – รัฐมนตรีว่าการกระทรวงวิเทศสัมพันธ์ สาธารณรัฐประชาชนจีน เผยจีนยังเป็นโอกาสและเป็นหุ้นส่วนที่พึ่งพาได้ของไทยและอาเซียน รวมทั้งย้ำจุดยืนที่ว่า นานาประเทศต้องเคารพในอธิปไตยและสิทธิของจีนในการที่จะพัฒนาตนเอง ในการพบหารือกันของคณะอดีตเอกอัครราชทูตไทยประจำกรุงปักกิ่ง กับ นายหลิว เจี้ยนเชา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงวิเทศสัมพันธ์ สาธารณรัฐประชาชนจีน ที่กรุงปักกิ่ง วันที่ 25 มิถุนายน 2568 นายหลิว เจี้ยนเชา ได้กล่าวถึงความสัมพันธ์และความร่วมมือกันอย่างใกล้ชิดระหว่างประเทศไทย กับสาธารณรัฐประชาชนจีน โดยเฉพาะในช่วงที่โลกเกิดวิกฤตปัญหา เช่น สถานการณ์โรคทางเดินหายใจเฉียบพลันรุนแรง หรือ ซาร์ส (SARS) ซึ่งทั้งไทยและจีนร่วมกันเป็นเจ้าภาพจัดการประชุมในระดับภูมิภาคได้ในเวลาอันรวดเร็ว เพื่อหาทางรับมือกับวิกฤตโรคระบาด รวมถึงการช่วยเหลือกันในสถานการณ์ฉุกเฉินอีกหลายวาระ เช่น โรคระบาดโควิด-19 และภัยพิบัติอื่น ๆ นายหลิวกล่าวว่านอกจากความร่วมมือในระดับภาครัฐแล้ว กระทรวงวิเทศสัมพันธ์ฯ ก็ประสงค์จะเพิ่มความร่วมมือกันหน่วยงานระดับคลังสมอง และพรรคการเมืองต่าง ๆ ของไทยเพื่อประโยชน์ต่อทั้งสองประเทศและในระดับภูมิภาค เมื่อกล่าวถึงสถานการณ์โลกปัจจุบัน ซึ่งต่างกำลังเผชิญกับความท้าทายจากปัจจัยต่างๆ ดังนั้น จีนและประเทศกำลังพัฒนาจึงควรร่วมมือกันมากขึ้น เพื่อทำให้เกิดความมั่นใจระหว่างกันได้ว่า จะธำรงรักษาความสัมพันธ์ให้ดำเนินไปตามครรลองเดิม ส่วนท่าทีและจุดยืนของจีนนัั้นยังคงไม่เปลี่ยนไปจากเดิม คือ ยึดมั่นในอธิปไตยและสิทธิในอาณาเขตแดน,​ยึดมั่นในการรักษาสันติภาพ ยึดมั่นในกรอบการเจรจาความร่วมมือทั้ง กรอบเขตการค้าเสรี หรือ […]

‘จ้าว เล่อจี้’ พบปะหารือ ‘วันนอร์’ ที่กรุงปักกิ่ง

ปักกิ่ง 25 มิ.ย. — จ้าว เล่อจี้ สมาชิกสภานิติบัญญัติระดับสูงสุดของจีน พบปะหารือกับนายวันมูหะมัดนอร์ มะทา ประธานรัฐสภา และประธานสภาผู้แทนราษฎรของไทย ณ กรุงปักกิ่งของจีนในวันอังคารที่ผ่านมา สำนักข่าวซินหัว รายงานว่า นายจ้าว ซึ่งเป็นประธานคณะกรรมการถาวรประจำสภาผู้แทนประชาชนแห่งชาติจีน หรือ เอ็นพีซี (NPC) เปิดเผยว่าจีนยินดีร่วมมือกับไทยเพื่อสานต่อมิตรภาพอันยาวนานระหว่างสองประเทศ เพิ่มพูนความร่วมมือที่เป็นประโยชน์ร่วมกัน และส่งเสริมการสร้างประชาคมจีน-ไทยที่มีอนาคตร่วมกัน โดยจีนชื่นชมไทยที่ยึดมั่นในหลักการจีนเดียว และสนับสนุนไทยในการเลือกเส้นทางการพัฒนาที่เหมาะสมกับเงื่อนไขของประเทศตนเอง นายจ้าวระบุว่าจีนยินดีที่จะประสานความร่วมมือหนึ่งแถบหนึ่งเส้นทางที่มีคุณภาพสูงเข้ากับ 5 อุตสาหกรรมสำคัญแห่งอนาคตของไทย พร้อมเร่งสร้างโครงการสำคัญอย่างโครงการรถไฟจีน-ไทย และขยายความร่วมมือในสาขาเกิดใหม่ อาทิ เทคโนโลยีขั้นสูง การพัฒนาที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม ปัญญาประดิษฐ์ หรือ เอไอ (AI) และเศรษฐกิจดิจิทัล นอกจากนี้ นายจ้าวยังเรียกร้องให้ทั้งสองฝ่ายส่งเสริมการแลกเปลี่ยนระหว่างประชาชน จัดกิจกรรมเฉลิมฉลองวาระครบรอบ 50 ปี การสถาปนาความสัมพันธ์ทางการทูตระหว่างจีนกับไทย ตลอดจนกระชับความร่วมมือในด้านเยาวชน การศึกษา สื่อ และการท่องเที่ยว พร้อมร่วมมือกันปราบปรามอาชญากรรมข้ามพรมแดน อาทิ การพนันออนไลน์และการฉ้อโกงทางโทรคมนาคม นายจ้าวเน้นย้ำว่าทั้งสองประเทศควรส่งเสริมการแลกเปลี่ยนระหว่างสภานิติบัญญัติของตน เพื่อสร้างสภาพแวดล้อมทางกฎหมายที่เอื้อต่อความร่วมมือในทางปฏิบัติ และควรเสริมสร้างการประสานงานในกลไกต่างๆ อาทิ […]

อดีตทูตไทย-จีน เผยมุมมองความสัมพันธ์

ปักกิ่ง 24 มิ.ย. – 9 อดีตเอกอัครราชทูตไทยประจำกรุงปักกิ่ง ร่วมกับอดีตเอกอัครราชทูตจีนประจำประเทศไทย เผยมุมมองความสัมพันธ์ไทย-จีน จากอดีตถึงอนาคต ตั้งอยู่บนพื้นฐานของผลประโยชน์ร่วมกัน ทั้งในระดับทวิภาคี ระดับภูมิภาค และระดับโลก ในเวทีการเสวนาหัวข้อ “มิตรภาพไทย-จีน : ประสบการณ์และแรงบันดาลใจ” ซึ่งจัดโดยสถาบันการต่างประเทศ ของสาธารณรัฐประชาชนจีน ในวาระครบรอบ 50 ปีความสัมพันธ์ทางการทูตไทย-จีน ที่กรุงปักกิ่ง เป็นการแลกเปลี่ยนความเห็นกันระหว่างเอกอัครราชทูตจีนประจำประเทศไทย เจ้าหน้าที่ของกระทรวงการต่างประเทศ และนักวิชาการด้านการต่างประเทศของจีน กับคณะอดีตเอกอัครราชทูตไทยประจำ​กรุงปักกิ่ง ซึ่งประกอบด้วย นายเตช บุนนาค เลขาธิการสภากาชาดไทย และอดีตเอกอัครราชทูตไทยประจำกรุงปักกิ่ง พ.ศ. ​2529-2533 นายดอน ปรมัตถ์วินัย นายจุลพงศ์ โนนศรีชัย นายธีรกุล นิยม นายรัฐกิจ มานะทัต นายเปี่ยมศักดิ์ มิลินทจินดา นายวิบูลย์ คูสกุล นายพิริยะ เข็มพล และนายอรรถยุทธ์ ศรีสมุทร รวมทั้งนายฉัตรชัย วิริยเวชกุล เอกอัครราชทูตไทยประจำกรุงปักกิ่งคนปัจจุบัน อดีตเอกอัครราชทูตเตช บุนนาค […]

จีนยืนยันจะยกระดับความสัมพันธ์ไทย-จีนในทุกระดับ-ทุกมิติ ในโอกาส 50 ปีความสัมพันธ์ทางการทูต

ปักกิ่ง 23 มิ.ย. – ในโอกาสที่ พ.ศ.​2568 เป็นปีแห่งการเฉลิมฉลองวาระครบรอบ 50 ปีความสัมพันธ์ทางการทูตไทยและสาธารณรัฐประชาชนจีน คณะอดีตเอกอัครราชทูตไทยประจำกรุงปักกิ่ง เดินทางเยือนสาธารณรัฐประชาชนจีนอย่างเป็นทางการ เพื่อสานความสัมพันธ์ด้านการต่างประเทศระหว่างกันให้แน่นแฟ้นยิ่งขึ้น คณะอดีตเอกอัครราชทูตไทย ประจำกรุงปักกิ่ง จำนวน 9 คน นำโดยนายเตช บุนนาค เลขาธิการสภากาชาดไทย และอดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ ซึ่งเคยดำรงตำแหน่งเอกอัครราขทูตไทยประจำกรุงปักกิ่ง ระหว่างพ.ศ.​ 2529-2533 เดินทางเยือนจีนในวาระฉลองความสัมพันธ์ทางการทูตไทย-จีน ครบ 50 ปี จัดโดยกรมเอเชียตะวันออก กระทรวงการต่างปรเะทศ โดยได้เข้าพบหารือกับ นายซุน เว่ยตง รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการต่างประเทศ ของจีน เพื่อเสริมสร้างความสัมพันธ์ระหว่าง 2 ประเทศ ให้แน่นแฟ้นยิ่งขึ้น ประเด็นสำคัญของการหารือ คือ การยกระดับความสัมพันธ์ระหว่างกัน รวมทั้งส่งเสริมความร่วมมือที่จะนำไปสู่การเติบโตร่วมกัน นายซุน เว่ยตง รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการต่างประเทศของจีน กล่าวยกย่องคณะอดีตเอกอัครราชทูตไทย ประจำกรุงปักกิ่งว่า เป็นผู้มีคุณูปการต่อความสัมพันธ์ไทย-จีนอย่างยิ่ง โดยเฉพาะอดีตเอกอัครราชทูตเตช บุนนาค ผู้อยู่เบื้องหลังประวัติศาสตร์ก่อนการสถาปนาความสัมพันธ์ทางการทูตอย่างเป็นทางการ เมื่อ 50 ปีก่อน […]

‘หวัง ฮู่หนิง’ พบปะหารือ ‘วันนอร์’ ในปักกิ่ง

ปักกิ่ง 23 มิ.ย. – หวัง ฮู่หนิง ประธานคณะกรรมการแห่งชาติประจำสภาที่ปรึกษาทางการเมืองแห่งประชาชนจีน (CPPCC) พบปะหารือกับนายวันมูหะมัดนอร์ มะทา ประธานรัฐสภา และประธานสภาผู้แทนราษฎรของไทย ณ กรุงปักกิ่ง ของจีน เมื่อวันอาทิตย์ที่ผ่านมา สำนักข่าวซินหัวรายงานว่า นายหวังกล่าวว่าประธานาธิบดีสี จิ้นผิง ของจีน และนางสาวแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรีไทย ได้บรรลุฉันทามติสำคัญในการส่งเสริมการสร้างประชาคมจีน-ไทยที่มีอนาคตร่วมกันเมื่อเดือนกุมภาพันธ์ ซึ่งช่วยบ่งชี้ทิศทางการพัฒนาความสัมพันธ์ทวิภาคีเพิ่มเติม จีนยินดีทำงานร่วมกับไทยเพื่อใช้วาระครบรอบ 50 ปี ความสัมพันธ์ทางการทูต เป็นโอกาสสืบสานมิตรภาพดั้งเดิม เสริมสร้างรากฐานทางการเมือง เศรษฐกิจ และสาธารณะของประชาคมจีน-ไทยที่มีอนาคตร่วมกัน และสร้างประโยชน์แก่ประชาชนสองประเทศมากยิ่งขึ้น สำหรับสภาที่ปรึกษาทางการเมืองแห่งประชาชนจีนพร้อมมีส่วนสนับสนุนการพัฒนาความสัมพันธ์ระหว่างสองประเทศ ทางด้านนายวันมูหะมัดนอร์ กล่าวว่า มิตรภาพระหว่างไทยกับจีนมีประวัติศาสตร์ยาวนาน และแนวคิดไทยและจีนเป็นครอบครัวเดียวกันได้หยั่งรากลึกในหัวใจของประชาชน โดยฝ่ายไทยสนับสนุนชุดแผนริเริ่มระดับโลกที่เสนอโดยสี จิ้นผิง และยินดีเสริมสร้างความร่วมมือด้านต่างๆ กับจีน รวมถึงการร่วมสร้างหนึ่งแถบหนึ่งเส้นทาง เศรษฐกิจและการค้า และการท่องเที่ยว รัฐสภาไทยยินดีจะเพิ่มพูนการแลกเปลี่ยนและความร่วมมือกับจีน เพื่อส่งเสริมการพัฒนาและความเจริญรุ่งเรืองร่วมกันของสองประเทศ.-813.-สำนักข่าวไทย

กัมพูชาประท้วงไทยกรณีแจ้งดำเนินคดี ‘ฮุน เซน’

พนมเปญ, 23 มิ.ย. – กัมพูชายื่นเรื่องร้องเรียนทางการไทย หลังไทยแจ้งดำเนินคดีกับนายฮุน เซน นอกจากนี้ยังมีคำเตือนพลเมืองให้หลีกเลี่ยงการเดินทางมาประเทศไทยด้วย กระทรวงการต่างประเทศกัมพูชาได้ส่งบันทึกทางการทูตที่มีถ้อยคำแข็งกร้าวถึงสถานทูตไทยในกรุงพนมเปญเพื่อประท้วงกรณีที่นายสมคิด เชื้อคง รองเลขาธิการนายกรัฐมนตรี ฝ่ายการเมือง เข้าแจ้งความดำเนินคดีกับกองบัญชาการตำรวจสืบสวนสอบสวนอาชญากรรมทางเทคโนโลยี ให้เอาผิดกับนายฮุน เซน ประธานวุฒิสภากัมพูชาและอดีตนายกรัฐมนตรี กรณีปล่อยคลิปเสียงสนทนากับนางสาวแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี โดยระบุว่าการปล่อยคลิปเสียงเป็นภัยต่อความมั่นคง และสร้างความแตกแยกในหมู่คนไทย กระทรวงการต่างประเทศกัมพูชาระบุว่า ต้องการเน้นย้ำว่าบันทึกการสนทนาระหว่างผู้นำประเทศถือเป็นมาตรฐานและเป็นที่ยอมรับในระดับนานาชาติ โดยมีจุดประสงค์เพื่อสร้างหลักประกันด้านความถูกต้องแม่นยำและโปร่งใส และว่าการแจ้งดำเนินคดีของนายสมคิดเป็นการกระทำที่มีแรงจูงใจทางการเมืองซึ่งจะทำให้เกิดความเข้าใจผิดระหว่างไทยกับกัมพูชา และยังทำลายหลักการความเสมอภาคของอธิปไตย ตลอดจนความเคารพซึ่งกันและกันตามที่บัญญัติไว้ในกฎบัตรสหประชาชาติ พร้อมกันนี้กัมพูชาขอเรียกร้องให้รัฐบาลไทยใช้มาตรที่เหมาะสมเพื่อแก้ไขและป้องกันการกระทำใดๆ ที่จะส่งผลกระทบต่อความสัมพันธ์ฉันมิตรอันยาวนานระหว่างไทยกับกัมพูชา อีกด้านหนึ่ง กระทรวงการต่างประเทศกัมพูชาได้ออกคำเตือนพลเมืองของตนให้หลีกเลี่ยงการเดินทางเข้ามาในประเทศไทย เว้นแต่จะมีความจำเป็นจริงๆ เท่านั้น และขอให้ชาวกัมพูชาที่อยู่ในไทยติดตามข่าวสารจากทางการอย่างใกล้ชิด และให้หลีกเลี่ยงการเข้าไปในพื้นที่เสี่ยงอันตราย เช่น พื้นที่ทีการชุมนุมทุกชนิดเพื่อความปลอดภัย ส่วนกระทรวงเหมืองแร่และพลังงานของกัมพูชาก็ออกมายืนยันว่า กัมพูชามีขีดความสามารถในการจัดหาเชื้อเพลิงและก๊าซธรรมชาติได้เพียงพอต่อความต้องการภายในประเทศอย่างแน่นอน หลังจากที่นายฮุน มาเน็ต นายกรัฐมนตรี ประกาศห้ามนำเข้าน้ำมันและก๊าซจากไทยทั้งหมด ซึ่งมีผลตั้งแต่เวลาเที่ยงคืนที่ผ่านมา.-816.-สำนักข่าวไทย

ญี่ปุ่นเตรียมมอบยุทโธปกรณ์ให้ไทยและอีก 7 ชาติ

โตเกียว 21 มิ.ย. – แหล่งข่าวจากรัฐบาลญี่ปุ่นเปิดเผยในวันศุกร์ว่า ญี่ปุ่นมีแผนที่จะจัดหายุทโธปกรณ์ด้านการป้องกันประเทศให้กับประเทศไทย ตองกา และอีก 6 ประเทศ ในปีงบประมาณปัจจุบัน ภายใต้โครงการความช่วยเหลือด้านความมั่นคง ซึ่งเป็นความพยายามที่จะสร้างความมั่นใจในความปลอดภัยของเส้นทางเดินเรือในภูมิภาคอินโด-แปซิฟิก ที่จีนกำลังพัฒนาท่าทีทางทหารของตนเอง สำนักข่าวเกียวโด รายงานอ้างแหล่งข่าวที่ระบุว่า  ทั้ง 8 ประเทศ ซึ่งประกอบไปด้วยติมอร์-เลสเต, อินโดนีเซีย, มาเลเซีย, ปาปัวนิวกินี, ฟิลิปปินส์ และศรีลังกา คาดว่าจะได้เป็นผู้รับความช่วยเหลือภายใต้กรอบ “ความช่วยเหลือด้านความมั่นคงอย่างเป็นทางการ” ของญี่ปุ่น ซึ่งถูกออกแบบมาสำหรับประเทศพันธมิตรที่มีแนวคิดเดียวกัน โดยจะเริ่มในปีงบประมาณ 2025 ตั้งแต่เดือนเมษายนเป็นต้นไป แหล่งข่าวระบุว่า รัฐบาลญี่ปุ่นกำลังพิจารณาที่จะจัดหาโดรนที่ผลิตในญี่ปุ่นให้กับประเทศเหล่านี้ เพื่อช่วยในภารกิจบรรเทาสาธารณภัยและการเฝ้าระวังทางทะเล ญี่ปุ่นได้ริเริ่มโครงการ “ความช่วยเหลือด้านความมั่นคงอย่างเป็นทางการ” หรือ โอเอสเอขึ้นในเดือนเมษายน 2023 เพื่อช่วยเหลือประเทศกำลังพัฒนาในการ เสริมสร้างศักยภาพด้านการป้องกันประเทศ ของตนเอง โครงการนี้เกิดขึ้นท่ามกลางความกังวลด้านความมั่นคงที่เพิ่มขึ้นในภูมิภาค เช่น การแสดงแสนยานุภาพที่เพิ่มขึ้นของกองทัพจีนในทะเลและทางอากาศ ซึ่งเป็นปัจจัยสำคัญที่ทำให้ญี่ปุ่นต้องปรับเปลี่ยนนโยบายด้านความมั่นคงและบทบาทในเวทีระหว่างประเทศ.-813.-สำนักข่าวไทย

กัมพูชาปฏิเสธข้อกล่าวหาของไทยเรื่องสแกมเมอร์

พนมเปญ 21 มิ.ย. – โฆษกกระทรวงมหาดไทยกัมพูชากล่าวว่าปฏิเสธข้อกล่าวหาของประเทศไทย ที่ระบุว่า กัมพูชาเป็นศูนย์กลางของอาชญากรรมทางไซเบอร์ เผยรัฐบาลพนมเปญกำลังทำงานร่วมกับทุกประเทศในการป้องกันและปราบปรามอาชญากรรมข้ามชาติ เว็บไซต์ข่าวขแมร์ไทม์ส รายงานวานนี้ว่า กระทรวงมหาดไทยกัมพูชา ได้ปฏิเสธข้อกล่าวหาของรัฐมนตรีว่าการกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม ของไทย ที่ระบุว่า กัมพูชาเป็นแหล่งหลบซ่อนของกลุ่มอาชญากรทางไซเบอร์ที่ใหญ่ที่สุดในโลก และได้รับการสนับสนุนจากชนชั้นปกครองของกัมพูชา นายทัช โสกฮัก โฆษกกระทรวงมหาดไทย กล่าวว่า กัมพูชาไม่ใช่ศูนย์กลางของอาชญากรออนไลน์ หรืออาชญากรรมทางไซเบอร์ ตามที่รัฐมนตรีของไทยกล่าวอ้าง พร้อมทั้งบอกว่า กัมพูชากำลังทำงานร่วมกับทุกประเทศทั่วโลก เพื่อป้องกันและปราบปรามอาชญากรรมข้ามชาติทุกประเภท โดยเฉพาะการค้ามนุษย์ การฟอกเงิน และอาชญากรรมระหว่างประเทศอื่น ๆ ขแมร์ ไทมส์ (Khmer Times) รายงานตอบโต้ สืบเนื่องจากสำนักงานว่าด้วยยาเสพติดและอาชญากรรมแห่งสหประชาชาติ หรือ ยูเอ็นโอดีซี (UNODC) เคยเผยแพร่รายงานชี้ว่า ศูนย์สแกมเมอร์โลกอยู่ในกัมพูชา และรัฐมนตรีกระทรวงดิจิทัล ของไทยได้นำข้อมูลนี้พร้อมกับข้อมูลอื่น ๆ มากล่าวถึงเมื่อสองวันก่อน.-810.-สำนักข่าวไทย

ชาวกัมพูชาหลายพันคนเดินขบวนหนุนรัฐบาล

พนมเปญ 18 มิ.ย. – ชาวกัมพูชาหลายพันคนเข้าร่วมการเดินขบวนที่จัดโดยรัฐบาลในกรุงพนมเปญ วันนี้ เพื่อแสดงการสนับสนุนรัฐบาลในกรณีพิพาทชายแดนกับประเทศไทยที่ยังคงดำเนินอยู่ในขณะนี้ ผู้ร่วมเดินขบวนตะโกนคำขวัญ โบกธงชาติกัมพูชา และชูป้ายภาพของนายกรัฐมนตรีฮุน มาเนต และอดีตนายกรัฐมนตรีฮุน เซน บิดาของเขา ที่ยังมีอิทธิพลสูงในประเทศ มีพระสงฆ์และนักเรียนเข้าร่วมการชุมนุม ซึ่งนำโดยรองนายกรัฐมนตรีฮุน มานี น้องชายของนายกรัฐมนตรี กระทรวงกลาโหมของกัมพูชา ออกแถลงการณ์ในวันนี้ ระบุว่า ประเทศไทยได้ละเมิดอธิปไตยของกัมพูชาอีกครั้ง โดยอ้างว่าประเทศไทยเพิ่มกิจกรรมในพื้นที่ รวมถึงการบินโดรน การขุดสนามเพลาะ และการตรึงกำลังทหารตามแนวชายแดน ในขณะที่ประเทศไทยได้ปฏิเสธข้อกล่าวหาดังกล่าว โฆษกกระทรวงต่างประเทศของไทย กล่าวว่า สนามเพลาะเหล่านี้ตั้งอยู่ในเขตอธิปไตยของไทยอย่างชัดเจน ดังนั้น ประเทศไทยจึงขอปฏิเสธข้อกล่าวหาใด ๆ ที่ว่ารัฐบาลได้ละเมิดบันทึกความเข้าใจปี 2543 พร้อมกับยืนยันว่า ประเทศไทยไม่ได้เพิ่มกิจกรรมในพื้นที่ตามแนวชายแดนแต่อย่างใด.-813.-สำนักข่าวไทย

กัมพูชาตัดไฟจากไทย หันใช้ไฟเวียดนาม-ชาวบ้านปอยเปตบ่นอุบ

18 มิ.ย. – กัมพูชาตัดสายกระแสไฟฟ้าจากไทย หันไปต่อไฟฟ้าจากเวียดนามใช้แทน ชาวบ้านปอยเปตบ่นไฟติดๆ ดับๆ ทำให้ไม่สามารถใช้เครื่องใช้ไฟฟ้าได้ตามปกติ บริเวณด่านปอยเปต ฝั่งประเทศกัมพูชา วานนี้ ภายหลังเจ้าหน้าที่กัมพูชาเปิดด่านฝั่งปอยเปต ตั้งแต่เวลา 09.00 น. และมีเจ้าหน้าที่การไฟฟ้าของฝั่งกัมพูชามาตัดสายส่งกระแสไฟฟ้าจากไทย จากนั้นต่อกระแสไฟฟ้าที่สั่งซื้อมาจากเวียดนาม เข้าสายส่งเพื่อจ่ายกระแสไฟเข้าระบบในฝั่งปอยเปตทดแทน ทำให้ฝั่งปอยเปตเกิดไฟฟ้าดับชั่วคราวประมาณ 20 นาที ทั้งนี้ มีชาวกัมพูชาในเมืองปอยเปต โพสต์ผ่านทางโซเชียลมีเดียว่า หลังจากทางการเปลี่ยนการใช้กระแสไฟฟ้าจากประเทศเวียดนาม ทำให้กระแสไฟไม่สม่ำเสมอ ส่งผลให้บางพื้นที่ในเมืองปอยเปต มีไฟฟ้าติดๆ ดับๆ แต่บางพื้นที่ไฟฟ้าตกอย่างหนัก จนไม่สามารถใช้เครื่องใช้ไฟฟ้าได้ตามปกติ ทำให้ประชาชนได้รับความเดือดร้อน แฉ! จังหวัดเกาะกงไฟไม่ดับ เพราะใช้ไฟไทยส่วนที่ จ.ตราด นายโสภณ ยนจอหอ ผู้จัดการการไฟฟ้าส่วนภูมิภาคจังหวัดตราด เปิดเผยว่า การไฟฟ้าส่วนภูมิภาคได้ทำสัญญาขายไฟฟ้าให้ประเทศกัมพูชา โดยกระทรวงเหมืองแร่และพลังงาน เป็นผู้บริหารจัดการ ซึ่งจังหวัดเกาะกง ที่มีพื้นที่ติดกับอำเภอคลองใหญ่ จังหวัดตราด ได้ทำสัญญาซื้อ-ขายครั้งแรกเมื่อเดือนกันยายน 2540 ระยะเวลา 10 ปี จำนวน 6 เมกะวัตต์ เมื่อครบสัญญา […]

แผนที่ไทย-กัมพูชา ทาบกันไม่ได้ เสี่ยงคลาดเคลื่อนหลายกิโลเมตร

17 มิ.ย. – ผู้เชี่ยวชาญด้านการสำรวจรังวัดและการทำแผนที่ ยืนยันแผนที่ของไทยและกัมพูชา ไม่สามารถนำมาทาบเทียบกันได้โดยตรง อาจก่อให้เกิดความคลาดเคลื่อนของพิกัดจากกันหลายร้อยเมตรถึงหลายกิโลเมตร ส่งผลกระทบโดยตรงต่อการกำหนดเส้นเขตแดนระหว่างประเทศ แผนที่ของไทยที่ใช้ในการกำหนดเขตแดนทั่วไป เป็นแผนที่มาตราส่วน 1:50,000 ซึ่งหมายความว่า 1 เซนติเมตรบนแผนที่เท่ากับ 500 เมตร ให้ข้อมูลภูมิประเทศอย่างละเอียด เช่น แนวสันเขา ลำธาร และทางเดินธรรมชาติ จึงเหมาะสำหรับการอ้างอิงเพื่อวางแนวเขตแดนที่แม่นยำ โดยแผนที่ชุดนี้พัฒนาโดยใช้เทคโนโลยีและระบบแผนที่จากสหรัฐอเมริกา ในขณะที่กัมพูชา ยังอ้างอิงจากแผนที่เก่าที่ผลิตโดยฝรั่งเศส ในช่วงยุคล่าอาณานิคม ซึ่งมีมาตราส่วน 1:200,000 หรือ 1 เซนติเมตรเท่ากับ 2 กิโลเมตร รายละเอียดภูมิประเทศน้อยกว่า ครอบคลุมพื้นที่กว้าง เหมาะกับการวางแผนระดับภูมิภาคมากกว่าการกำหนดพรมแดนโดยละเอียด นอกจากมาตราส่วนแล้ว แผนที่ทั้งสองประเทศยังใช้ระบบฉายภาพ (Projection System) ต่างกันโดยสิ้นเชิง ระบบที่ไทยใช้จะรักษาความแม่นยำของรูปร่างและทิศทางได้ดี เหมาะกับการใช้งานเชิงเทคนิคในพื้นที่จริง ขณะที่แผนที่กัมพูชาใช้ รักษาความถูกต้องของพื้นที่ แต่บิดเบือนรูปร่างและทิศทาง โดยเฉพาะเมื่ออยู่นอกแนวศูนย์สูตรหรือเมอริเดียนกลาง ความแตกต่างทั้งด้านมาตราส่วน ระบบฉายภาพ และที่มาของเทคโนโลยีแผนที่ ทำให้ไม่สามารถนำแผนที่สองชุดนี้มาทาบหรือเทียบพิกัดกันได้โดยตรง หากไม่ผ่านกระบวนการแปลงและปรับแก้ด้วยเทคนิคทางวิศวกรรมอย่างละเอียด ความคลาดเคลื่อนที่เกิดขึ้นอาจสูงถึงหลายกิโลเมตรในบางพื้นที่ ซึ่งเป็นอุปสรรคต่อการใช้แผนที่เป็นหลักฐานในการเจรจาข้อพิพาทเขตแดน หรือการตีความเส้นเขตแดนร่วมกัน […]

1 2 3 4 63
...