กรุงเทพฯ 10 ส.ค. – รัฐบาลเร่งส่งผู้อพยพกลับบ้าน หลังสถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชาสงบ ด้านมหาดไทยเรียกประชุมผู้ว่าฯ เดินหน้า 5 มาตรการเร่งด่วน คืนสภาพความเป็นอยู่ที่ดี คืนรอยยิ้มให้คนไทย
นายชนินทร์ รุ่งธนะเกียรติ รองโฆษกพรรคเพื่อไทย กล่าวถึงการช่วยเหลือเยียวยาประชาชนในพื้นที่ชายแดน 7 จังหวัด ว่าหลังจากสถานการณ์การสู้รบในพื้นที่สงบลง รัฐบาลได้ดำเนินการตามแผนช่วยเหลือและฟื้นฟูที่ครอบคลุมและเป็นรูปธรรมในหลายด้าน
โดยรัฐบาลได้ประสานรัฐมนตรีของพรรคเพื่อไทย ลงพื้นที่เพื่อดูแลประชาชนที่ได้รับผลกระทบจากสถานการณ์การสู้รบชายแดน ทั้งด้านชีวิตความเป็นอยู่ การเคลื่อนย้ายกลับที่ตั้ง การรักษาความปลอดภัย และการฟื้นฟูสภาพพื้นที่ นอกจากนี้ สส.หลายคน โดยเฉพาะ สส.ในพื้นที่ของพรรคเพื่อไทย ขณะนี้อยู่ในพื้นที่เพื่อประสานงานร่วมกับหน่วยงานต่างๆ ที่เกี่ยวข้อง เพื่อให้ความช่วยเหลือพี่น้องประชาชนอย่างเต็มที่และเร่งด่วน
เมื่อวันที่ 9 ส.ค.ที่ผ่านมา นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย รักษาการแทนนายกรัฐมนตรี พร้อมด้วยมาริษ เสงี่ยมพงษ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ นางสาวจิราพร สินธุไพร รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี และนางสาวธีรรัตน์ สำเร็จวานิชย์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทย ได้เดินทางไปพบปะพี่น้องประชาชนที่ศูนย์พักพิงชั่วคราว อำนวยความสะดวกในการส่งพี่น้องประชาชนกลับบ้าน และเรียกประชุมผู้ว่าราชการ 4 จังหวัด คือ สุรินทร์ อุบลราชธานี ศรีสะเกษ และบุรีรัมย์ เพื่อติดตามและสั่งการการช่วยเหลือพี่น้องประชาชนที่ได้รับผลกระทบจากการสู้รบ โดยสั่งการใน 5 แนวทางสำคัญ ได้แก่
1.ข้อสั่งการเรื่องอำนวยความสะดวกในการกลับบ้าน ซึ่งได้มอบหมายให้กระทรวงคมนาคม ช่วยเสริมรถเดินทาง ให้กระทรวงสาธารณสุข ช่วยอำนวยความสะดวกรถพยาบาลสำหรับผู้ป่วยและผู้สูงอายุ และกรมป้องกันบรรเทาสาธารณภัย เตรียมอาหารแห้งและของใช้บางส่วนให้พี่น้องประชาชนกลับไปใช้ในช่วงต้น
2.ข้อสั่งการเรื่องสำรวจความเสียหายและการซ่อมแซม มีคำสั่งให้กรมส่งเสริมการปกครองส่วนท้องถิ่นเร่งตรวจสอบความเสียหาย เพื่อเบิกจ่ายเงินเยียวยา และให้ผู้ว่าราชการประสานทุกส่วนราชการที่ดำเนินการได้ เช่น ทหาร ช่าง อาชีวศึกษา และโยธาธิการ ช่วยเหลือซ่อมแซมบ้านเรือนประชาชน โดยใช้เงินทดรองจ่ายตามกรอบที่ดำเนินการได้โดยเร็ว
3.ข้อสั่งการเรื่องการลดภาระค่าครองชีพให้พี่น้องประชาชน โดยเตรียมขอมติ ครม. เพื่อให้การไฟฟ้าส่วนภูมิภาคและการประปาส่วนภูมิภาค เว้นการเรียกเก็บค่าใช้จ่ายกับประชาชนที่อยู่ในพื้นที่เสี่ยงภัยเป็นเวลา 2 เดือน ระหว่างช่วงเดือนกรกฎาคม-สิงหาคม 2568
4.ข้อสั่งการเรื่องการสำรวจประกอบอาชีพและสาธารณสุข ทั้งเรื่องสุขภาพกายและใจ โดยกระทรวงสาธารณสุข ครอบคลุมทั้งประชาชนที่มีการเสียขวัญจากสถานการณ์การสู้รบ และผู้ปฏิบัติงานทั้งทหาร ตำรวจ ตำรวจตระเวนชายแดน อาสาสมัคร และเจ้าหน้าที่ทุกคนในพื้นที่ที่มีความเสี่ยงภัยเช่นกัน
5.ข้อสั่งการเรื่องการตอบแทนเจ้าหน้าที่อาสาที่ปฏิบัติหน้าที่ช่วยเหลือ โดยเตรียมขอมติ ครม. เพื่อดำเนินการจ่ายค่าตอบแทนชุดรักษาความปลอดภัยหมู่บ้าน (ชรบ.) และเจ้าหน้าที่ต่างๆ ที่ได้รับแต่งตั้งให้ช่วยดำเนินการในภารกิจดูแลประชาชนระหว่างช่วงอพยพ ในกรอบวงเงินวันละ 120-240 บาท เพื่อเป็นขวัญกำลังใจให้กับผู้ปฏิบัติหน้าที่ในพื้นที่เสียงภัยตลอดเวลาที่ผ่านมา ว่ารัฐบาลเพื่อไทย และ สส.ในพื้นที่ของพรรคเพื่อไทยทุกท่านพร้อมประสานความช่วยเหลือให้พี่น้องประชาชนอย่างเต็มที่ เพื่อเร่งคืนสภาพความเป็นอยู่ที่ดี คืนวิถีชีวิต คืนรอยยิ้ม บนผืนแผ่นดินไทยนี้ให้ได้โดยเร็ว.-314-สำนักข่าวไทย