แอฟริกาใต้จับกษัตริย์ชนพื้นเมืองปลูกกัญชาใกล้ทำเนียบ

พริทอเรีย 13 ม.ค. – ตำรวจแอฟริกาใต้จับกุม ‘กษัตริย์กอยซาน’ (King Khoisan) ผู้นำชนเผ่ากอยซาน ซึ่งเป็นหนึ่งในกลุ่มชนพื้นเมืองเก่าแก่ที่สุดของแอฟริกาใต้ ฐานปลูกกัญชาใกล้ทำเนียบประธานาธิบดีแอฟริกาใต้ในกรุงพริทอเรีย บรรษัทแพร่ภาพกระจายเสียงอังกฤษ หรือบีบีซี รายงานว่า ตำรวจแอฟริกาใต้ได้จับกุมกษัตริย์กอยซาน และถอนต้นกัญชาหลายต้นที่ปลูกอยู่ใกล้ทำเนียบประธานาธิบดีของแอฟริกาใต้ แปลงปลูกกัญชาเหล่านี้เป็นของกลุ่มนักเคลื่อนไหวบางส่วนจากเผ่ากอยซานที่ปักหลักตั้งค่ายอยู่ในพื้นที่ดังกล่าวมาเป็นเวลากว่า 3 ปีแล้ว ส่วนกษัตริย์กอยซานได้พยายามยื้อแย่งต้นกัญชาที่ถูกถอนในขณะที่ตำรวจกำลังลากตัวเขาออกจากพื้นที่ พร้อมทั้งตะโกนว่า ตำรวจได้ประกาศสงครามแล้ว ชนเผ่ากอยซานอยู่ที่นี่อย่างสันติ และจะกลับมาทวงทุกอย่างคืน ในขณะเดียวกัน ตำรวจแอฟริกาใต้ระบุในแถลงการณ์ว่า กษัตริย์กอยซานและกลุ่มนักเคลื่อนไหวจำนวนหนึ่งของชนเผ่ากอยซานถูกจับกุมในข้อหาซื้อขายกัญชา ปลูกพืชในพื้นที่ที่ไม่ได้รับอนุญาต ปลูกกัญชา และไม่ยอมสวมหน้ากากอนามัยในที่สาธารณะตามคำสั่งของตำรวจ ขณะที่ราชินีซินเธีย (Queen Cynthia) ซึ่งเป็นชายาของคิง กอยซาน กล่าวด้วยน้ำเสียงไม่พอใจหลังเกิดเหตุการณ์ดังกล่าวว่า เธอรู้สึกโกรธมากที่ประธานาธิบดีไซริล รามาโฟซา ของแอฟริกาใต้ ไม่ต้องการที่จะเจรจากับชนเผ่ากอยซาน ชนพื้นเมืองกอยซานต้องการเป็นที่ยอมรับในสังคม ทั้งยังระบุว่า คนทั่วไปมักใช้กัญชาเพื่อเหตุผลทางการแพทย์ เช่น การรักษาโรคมะเร็งและโรคความดันโลหิตสูง ก่อนหน้านี้ ชนเผ่ากอยซานได้ตั้งค่ายอยู่ที่บริเวณลานหญ้านอกทำเนียบประธานาธิบดีแอฟริกาใต้ใกล้รูปปั้นอดีตประธานาธิบดีเนลสัน แมนเดลา ของแอฟริกาใต้ มาตั้งแต่ปี 2561 เพื่อเรียกร้องให้ทางการรับรองภาษาถิ่นของชนเผ่ากอยซาน.-สำนักข่าวไทย

ตั้งข้อหาวางเพลิงเหตุไฟไหม้รัฐสภาแอฟริกาใต้

เคปทาวน์ 3 ม.ค.- ตำรวจแอฟริกาใต้ตั้งข้อหาวางเพลิงกับชายคนหนึ่ง จากเหตุไฟไหม้เมื่อวันอาทิตย์ที่สร้างความเสียหายหนักให้แก่อาคารรัฐสภาในเมืองเคปทาวน์ ขณะที่นักดับเพลิงพยายามดับไฟที่ยังระอุอยู่เป็นบางส่วนในวันนี้ ไฟไหม้เกิดขึ้นที่กลุ่มอาคารรัฐสภาเมื่อเช้าวันอาทิตย์ตามเวลาท้องถิ่น อาคารบางส่วนอายุเก่าแก่มากกว่า 130 ปี หลังคาของอาคารซึ่งเป็นที่ตั้งของวุฒิสภาพังลงมา เป็นเหตุให้ไฟไหม้ลามไปทั้งชั้น จนถึงขณะนี้ยังไม่มีรายงานผู้บาดเจ็บ หน่วยตำรวจพิเศษแถลงวันนี้ว่า ควบคุมตัวชายต้องสงสัยวัย 49 ปี และจะนำตัวขึ้นศาลในวันอังคาร เขาจะถูกตั้งข้อหาบุกรุกเคหสถาน ข้อหาลักทรัพย์ และข้อหาวางเพลิง สันนิษฐานว่าเขาเข้าไปทางหน้าต่างอาคาร ทางการกำลังสอบสวนว่าเขาหลบหลีกมาตรการรักษาความปลอดภัยของรัฐสภาได้อย่างไร และอาจจะถูกตั้งข้อหาเพิ่มเติม เนื่องจากฝ่าฝืนการรักษาความปลอดภัย ด้านเจ้าหน้าที่เมืองเคปทาวน์แจ้งว่า นักดับเพลิงกำลังจัดการกับจุดความร้อนหลายจุด เช่น กองหนังสือ ชั้นวางหนังสือที่ยังคงมีความร้อนระอุอยู่บนชั้น 4 ของอาคารสภานิติบัญญัติแห่งชาติหรือสภาผู้แทนราษฎร ซึ่งตั้งอยู่ในส่วนที่เรียกว่านิววิง สภาพภายในอาคารเสียหายหนักจากไฟ น้ำดับเพลิง ความร้อน ควันไฟ และเป็นส่วนที่เสียหายหนักที่สุดจากไฟไหม้ครั้งนี้.-สำนักข่าวไทย

ไฟไหม้อาคารรัฐสภาแอฟริกาใต้

เคปทาวน์ 2 ม.ค.- เกิดไฟไหม้อาคารรัฐสภาในเมืองเคปทาวน์ของแอฟริกาใต้ ขณะนี้ยังไม่สามารถควบคุมไฟได้ โฆษกสำนักงานเหตุฉุกเฉินเมืองเคปทาวน์ซึ่งขอกำลังเสริมมาช่วยดับไฟแจ้งว่า หลังคาอาคารรัฐสภาและตัวอาคารกำลังไฟไหม้ นักดับเพลิงยังไม่สามารถควบคุมไฟได้ และมีรายงานว่าเกิดรอยร้าวตามกำแพงอาคาร ภาพที่เผยแพร่ในสื่อสังคมออนไลน์เห็นเปลวไฟขนาดใหญ่กำลังลามไปทั่วสิ่งที่ดูเหมือนเป็นหลังคาของอาคารหลังหนึ่ง และเห็นกลุ่มควันสีเทาและสีดำพวยพุ่งขึ้นสู่ท้องฟ้า อาคารรัฐสภาของแอฟริกาใต้ประกอบด้วย 3 ส่วน ส่วนที่ดั้งเดิมและเก่าแก่ที่สุดสร้างขึ้นแล้วเสร็จตั้งแต่ปี พ.ศ.2427 ส่วนที่ต่อเติมใหม่อีก 2 ส่วนสร้างขึ้นในช่วงคริสต์ทศวรรษหลังปี 1920 และ 1980 ตามลำดับ.-สำนักข่าวไทย

อาร์กบิชอปต่อต้านเหยียดผิวในแอฟริกาใต้ถึงแก่กรรมแล้ว

โจฮันเนสเบิร์ก 26 ธ.ค.- อาร์กบิชอปเดสมอนด์ ตูตู ผู้รณรงค์ต่อต้านการแบ่งแยกสีผิวในแอฟริกาใต้ และได้รับรางวัลโนเบลสาขาสันติภาพในปี 2527 ถึงแก่กรรมแล้วในวันนี้ด้วยวัย 90 ปี แพทย์หญิงผู้ประสานงานสำนักงานอาร์กบิชอปเดสมอนด์ ตูตู แถลงในนามครอบครัวตูตูว่า อาร์กบิชอปถึงแก่กรรมอย่างสงบด้วยวัย 90 ปีที่ศูนย์ดูแลในเมืองเคปทาวน์เช้าวันนี้ แต่ไม่ได้เปิดเผยรายละเอียดสาเหตุการถึงแก่กรรม ขณะที่ประธานาธิบดีซีริล รามาโฟซาของแอฟริกาใต้แถลงว่า การจากไปของอาร์กบิชอปกิตติคุณเดสมอนด์ ตูตู เป็นการสูญเสียอีกครั้งหนึ่งของประเทศที่ต้องกล่าวลาชาวแอฟริกาใต้รุ่นก่อน ผู้ส่งต่อประเทศที่ได้รับการปลดแอกแล้วให้แก่คนรุ่นหลัง อาร์กบิชอปตูตูขึ้นชื่อเรื่องเป็นคนพูดตรง เขาใช้ช่วงเวลาที่เป็นบิชอปผิวดำคนแรกแห่งโจฮันเนสเบิร์ก และอาร์กบิชอปแห่งเคปทาวน์รณรงค์ต่อต้านการแบ่งแยกสีผิวทั้งในแอฟริกาใต้และทั่วโลก รวมทั้งเรียกร้องสิทธิของกลุ่มที่มีความหลากหลายทางเพศ เขาตรวจพบมะเร็งต่อมลูกหมากช่วงปลายคริสต์ทศวรรษหลังปี 1990 และเข้าโรงพยาบาลหลายครั้งในช่วงหลายปีมานี้เพื่อรับการรักษามะเร็ง.-สำนักข่าวไทย

แอฟริกาใต้เพิ่มเตียง หลังโอไมครอนทำระบาดระลอก 4

โจฮันเนสเบิร์ก 6 ธ.ค.- ประธานาธิบดีซีริล รามาโฟซาของแอฟริกาใต้เผยว่า กำลังเพิ่มเตียงตามโรงพยาบาลเพื่อรับผู้ติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 หรือโควิด-19 เนื่องจากเชื้อไวรัสสายพันธุ์โอไมครอนทำให้โควิดในแอฟริกาใต้ระบาดเป็นระลอกที่ 4 แล้ว แอฟริกาใต้พบเชื้อไวรัสสายพันธุ์โอไมครอนเป็นแห่งแรกของโลกเมื่อเดือนพฤศจิกายน ขณะที่ยอดติดเชื้อรายวันเมื่อสัปดาห์ที่แล้วเพิ่มขึ้นพรวดพราด จาก 2,300 คนในวันจันทร์ เป็นมากกว่า 16,000 คนในวันศุกร์ ประธานาธิบดีรามาโฟซาระบุในหนังสือข่าวประจำสัปดาห์ว่า ดูเหมือนว่าเชื้อไวรัสสายพันธุ์โอไมครอนจะเป็นสายพันธุ์หลักของผู้ติดเชื้อรายใหม่ใน 9 จังหวัด ขอให้ประชาชนเร่งรับการฉีดวัคซีนที่รัฐบาลมีอย่างเพียงพอ เพราะเป็นสิ่งสำคัญที่จะช่วยให้เศรษฐกิจฟื้นตัว ยิ่งมีคนฉีดวัคซีนมากขึ้น ก็จะยิ่งมีเศรษฐกิจที่เปิดได้มากขึ้น รัฐบาลจะประชุมสภาบัญชาการโคโรนาไวรัสแห่งชาติในเร็ว ๆ นี้ เพื่อทบทวนสถานการณ์การระบาด และตัดสินใจว่าจะดำเนินมาตรการเพิ่มเติมหรือไม่เพื่อให้ประชาชนปลอดภัย ผู้นำแอฟริกาใต้ระบุด้วยว่า กำลังเฝ้าจับตาอัตราการติดเชื้อและการเข้าโรงพยาบาลจากการติดเชื้อสายพันธุ์โอไมครอน ในระหว่างที่นักวิทยาศาสตร์ในประเทศและทั่วโลกกำลังเร่งหาข้อสรุปว่า เชื้อสายพันธุ์นี้แพร่ง่ายขึ้น ทำให้ป่วยหนักขึ้น และต้านทานต่อวัคซีนที่อยู่ในปัจจุบันหรือไม่ แอฟริกามียอดติดเชื้อโควิดะสมมากกว่า 3 ล้านคน และเสียชีวิตเกือบ 90,000 คน.-สำนักข่าวไทย

มาเลเซียพบผู้ป่วยโควิดโอไมครอนรายแรกแล้ว

กัวลาลัมเปอร์ 3 ธ.ค. – มาเลเซียพบผู้ป่วยติดเชื้อโควิดสายพันธุ์โอไมครอนรายแรกเป็นนักเรียนต่างชาติที่เดินทางมาจากแอฟริกาใต้เมื่อสองสัปดาห์ก่อน และออกจากสถานที่กักตัวเพื่อดูอาการเมื่อวันที่ 29 พฤศจิกายนหลังกักตัวครบ 10 วัน นายไครี จามาลุดดิน รัฐมนตรีกระทรวงสาธารณสุขมาเลเซีย เผยวันนี้ว่า เจ้าหน้าที่มาเลเซียได้ทำการตรวจหาเชื้อโควิดซ้ำอีกครั้งในกลุ่มผู้ป่วยติดเชื้อช่วงก่อนหน้านี้ หลังองค์การอนามัยโลกประกาศให้เชื้อโควิดสายพันธุ์โอไมครอนเป็นสายพันธุ์ที่น่าวิตกกังวลเมื่อวันที่ 24 พฤศจิกายน นายจามาลุดดินระบุว่า ผู้ป่วยติดเชื้อโควิดสายพันธุ์โอไมครอนรายแรกของมาเลเซียเป็นนักเรียนหญิงวัย 19 ปีที่เดินทางมาจากแอฟริกาใต้ เป็นผู้ป่วยติดเชื้อโควิดที่ไม่แสดงอาการ และได้รับการฉีดวัคซีนโควิดครบสองโดส โดยมีผลตรวจหาเชื้อโควิดเป็นบวกเมื่อเดินทางถึงมาเลเซียในวันที่ 19 พฤศจิกายนหลังแวะเปลี่ยนเครื่องที่สิงคโปร์ จากนั้น นักเรียนคนดังกล่าวได้เข้าสู่มาตรการกักตัวเป็นเวลา 10 วัน และครบกำหนดเมื่อวันที่ 29 พฤศจิกายน นายจามาลุดดินยังระบุว่า มีผู้โดยสารอีก 5 คนที่นั่งรถคันเดียวกับนักเรียนหญิงก่อนที่เธอจะเข้าสู่มาตรการกักตัว แต่ทั้งห้าคนมีผลตรวจหาเชื้อโควิดเป็นลบ อย่างไรก็ดี มาเลเซียได้ขอให้นักเรียนคนดังกล่าวและผู้มีประวัติสัมผัสใกล้ชิดอีก 8 คนไปเข้ารับการตรวจหาเชื้อโควิดอีกครั้ง หลังทางการพบว่าเธอติดเชื้อโควิดสายพันธุ์โอไมครอน นายจามาลุดดินยังกล่าวด้วยว่า ทางการจะรีบประกาศใช้มาตรการเพิ่มเติมทันทีในวันนี้ ซึ่งรวมถึงการตรวจหาเชื้อโควิดในกลุ่มผู้เดินทางชาวสิงคโปร์ที่ฉีดวัคซีนโควิดครบโดสและได้รับอนุญาตให้เดินทางเข้ามาเลเซียโดยไม่ต้องกักตัว หลังจากที่สิงคโปร์เผยเมื่อวันพฤหัสบดีว่า พบผู้ป่วยติดเชื้อโควิดสายพันธุ์โอไมครอน 2 คนที่เดินทางมาจากต่างประเทศ.-สำนักข่าวไทย

เผยคนติดโอไมครอนที่ซิดนีย์แวะต่อเครื่องบินที่สิงคโปร์

สิงคโปร์ 30 พ.ย.- กระทรวงสาธารณสุขสิงคโปร์แจ้งว่า ผู้เดินทาง 2 คนที่มีผลตรวจหาเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 สายพันธุ์โอไมครอนเป็นบวกที่นครซิดนีย์ของออสเตรเลีย แวะต่อเครื่องบินที่สิงคโปร์ระหว่างเดินทางมาจากนครโจฮันเนสเบิร์กของแอฟริกาใต้ กระทรวงสาธารณสุขสิงคโปร์แถลงว่า ผู้เดินทาง 2 คนนี้ออกจากนครโจฮันเนสเบิร์กเมื่อวันที่ 27 พฤศจิกายน ด้วยเที่ยวบินของสายการบินสิงคโปร์แอร์ไลน์ มาถึงท่าอากาศยานชางงีของสิงคโปร์ในวันเดียวกันเพื่อต่อเครื่องบิน และมีผลตรวจหาเชื้อโควิดก่อนออกเดินทางเป็นลบ ผู้โดยสารต่อเครื่องบินส่วนใหญ่อยู่ในพื้นที่ต่อเครื่องบิน และในจำนวนผู้โดยสาร 7 คนที่ลงจากเครื่องบินลำนั้น ขณะนี้กักตัวอยู่ที่บ้าน 6 คน และถูกกักโรค 1 คนเพราะใกล้ชิดกับผู้ติดเชื้อ เจ้าหน้าที่กำลังติดตามหาพนักงานท่าอากาศยานที่อาจใกล้ชิดกับผู้ติดเชื้อ ผู้เดินทาง 2 รายนี้เดินทางถึงนครซิดนีย์เมื่อวันเสาร์ ผลการตรวจหาเชื้อยืนยันว่าติดเชื้อสายพันธุ์โอไมครอนเมื่อวันอาทิตย์ นับเป็น 2 รายแรกของออสเตรเลีย ทั้งคู่ฉีดวัคซีนครบโดสแล้ว และขณะนี้ถูกกักโรคอยู่.-สำนักข่าวไทย  

ผู้นำแอฟริกาใต้ตำหนินานาชาติใช้คำสั่งระงับเดินทาง

พริทอเรีย 29 พ.ย. – ประธานาธิบดีซีริล รามาโฟซา ของแอฟริกาใต้ กล่าวตำหนินานาชาติที่ใช้คำสั่งระงับการเดินทางจากแอฟริกาใต้และประเทศใกล้เคียง เพราะยังไม่มีหลักฐานที่หนักแน่นพอเกี่ยวกับเชื้อโควิดสายพันธุ์โอไมครอน หลังพบเชื้อดังกล่าวเป็นครั้งแรกในแอฟริกาใต้ ประธานาธิบดีรามาโฟซากล่าวคำปราศรัยเมื่อวันอาทิตย์ตามเวลาท้องถิ่นว่า ขณะนี้ยังไม่มีหลักฐานทางวิทยาศาสตร์ที่หนักแน่นพอต่อการใช้คำสั่งระงับการเดินทาง และทำให้แอฟริกาใต้ตกเป็นผู้เคราะห์ร้ายจากการถูกเลือกปฏิบัติอย่างไม่เป็นธรรม เขายังแย้งว่าคำสั่งดังกล่าวจะไม่ได้ผลในการป้องกันการระบาดของเชื้อโควิดสายพันธุ์โอไมครอน แต่จะสร้างความเสียหายต่อเศรษฐกิจของประเทศที่ได้รับผลกระทบ และทำให้ประเทศเหล่านั้นไม่อาจรับมือหรือฟื้นตัวจากการระบาดของโรคโควิด-19 ได้ ประธานาธิบดีรามาโฟซายังเรียกร้องให้ประเทศต่าง ๆ ที่ใช้คำสั่งระงับการเดินทางจากแอฟริกาใต้รีบยกเลิกคำสั่งดังกล่าวโดยด่วนก่อนที่แอฟริกาใต้จะได้รับผลกระทบทางเศรษฐกิจไปมากกว่านี้ เขายังระบุเพิ่มเติมว่า การอุบัติขึ้นของเชื้อโควิดสายพันธุ์โอไมครอนเป็นสัญญาณเตือนทั่วโลกให้เห็นถึงปัญหาความไม่เท่าเทียมด้านวัคซีนป้องกันโรคโควิด พร้อมทั้งเตือนว่าการเกิดเชื้อโควิดกลายพันธุ์เป็นสิ่งที่ไม่สามารถหลีกเลี่ยงได้ จนกว่าทุกคนจะได้รับการฉีดวัคซีน ประธานาธิบดีรามาโฟซายังได้เรียกร้องให้ประชาชนเข้ารับการฉีดวัคซีนให้มากขึ้น โดยระบุว่า แอฟริกาใต้ไม่ได้ประสบปัญหาขาดแคลนวัคซีนโควิด และการฉีดวัคซีนเป็นหนทางที่ดีที่สุดในการรับมือกับโรคโควิด-19 ก่อนหน้านี้ หลายประเทศทั่วโลก เช่น อังกฤษ สหรัฐ และสหภาพยุโรป ได้ประกาศใช้คำสั่งระงับการเดินทางจากแอฟริกาใต้และประเทศใกล้เคียง หลังแอฟริกาใต้เปิดเผยว่าพบเชื้อโควิดสายพันธุ์โอไมครอนเป็นครั้งแรกเมื่อสัปดาห์ก่อน ขณะที่องค์การอนามัยโลกจัดให้เชื้อดังกล่าวอยู่ในกลุ่มสายพันธุ์ที่น่าวิตกกังวล นอกจากนี้ เชื้อโควิดสายพันธุ์โอไมครอนยังได้แพร่กระจายไปยังหลายประเทศทั่วโลก เช่น อังกฤษ เยอรมนี ออสเตรเลีย และอิสราเอล. -สำนักข่าวไทย

อนามัยโลกว่ายังไม่ชัดโควิดโอไมครอนทำให้ป่วยหนักขึ้น

เจนีวา 29 พ.ย. –  องค์การอนามัยโลกเผยเมื่อวันอาทิตย์ตามเวลาท้องถิ่นว่า ยังไม่ทราบแน่ชัดว่าเชื้อโควิดสายพันธุ์โอไมครอนสามารถแพร่กระจายได้รวดเร็วขึ้น หรือทำให้เกิดอาการป่วยรุนแรงมากขึ้น เมื่อเทียบกับเชื้อโควิดสายพันธุ์อื่น ๆ องค์การอนามัยโลกระบุในแถลงการณ์ว่า ข้อมูลในเบื้องต้นชี้ว่า อัตราผู้ป่วยติดเชื้อโควิดกำลังเพิ่มสูงขึ้นในแอฟริกาใต้ แต่อาจเป็นตัวเลขผู้ป่วยติดเชื้อโควิดโดยรวม และไม่ได้เป็นยอดผู้ป่วยติดเชื้อโควิดสายพันธุ์โอไมครอนเพียงอย่างเดียว อย่างไรก็ดี องค์การอนามัยโลกเน้นย้ำว่า มีหลักฐานเบื้องต้นระบุว่า ผู้ที่เคยติดเชื้อโควิดสายพันธุ์อื่น ๆ และหายป่วยอาจมีความเสี่ยงสูงขึ้นต่อการติดเชื้อโควิดสายพันธุ์โอไมครอน องค์การอนามัยโลกกำลังทำงานร่วมกับผู้เชี่ยวชาญเฉพาะด้านเพื่อทำความเข้าใจเกี่ยวกับผลกระทบของเชื้อโควิดสายพันธุ์โอไมครอนต่อมาตรการรับมือโรคโควิด-19 ซึ่งรวมถึงการศึกษาประสิทธิภาพของวัคซีนป้องกันโรคโควิดด้วย ขณะนี้ องค์การอนามัยโลกยังไม่พบข้อมูลที่ชี้ว่าเชื้อโควิดสายพันธุ์โอไมครอนจะก่อให้เกิดอาการป่วยที่แตกต่างจากเชื้อโควิดสายพันธุ์อื่น รายงานเบื้องต้นที่เป็นผลการศึกษาในมหาวิทยาลัยต่างระบุว่า ผู้ป่วยติดเชื้อโควิดสายพันธุ์โอไมครอนที่มีอายุน้อยมีแนวโน้มที่จะมีอาการป่วยน้อยกว่าผู้ป่วยที่มีอายุมาก แต่การทำความเข้าใจเกี่ยวกับระดับความรุนแรงของอาการป่วยจะต้องใช้เวลาอีกหลายวันไปจนถึงหลายสัปดาห์. -สำนักข่าวไทย

เนเธอร์แลนด์พบผู้เดินทางมาจากแอฟริกาใต้ติดโควิด 61 ราย

เจ้าหน้าที่ด้านสาธารณสุขของเนเธอร์แลนด์ พบผู้ที่เดินทางจากแอฟริกาใต้มายังกรุงอัมสเตอร์ดัม 2 เที่ยวบินในวันศุกร์ตามเวลาท้องถิ่น จำนวน 61 คน มีผลตรวจโควิด-19 เป็นบวก และวันนี้เจ้าหน้าที่กำลังทดสอบต่อไปเพื่อดูว่ามีการติดเชื้อสายพันธุ์โอไมครอน หรือไม่

แอฟริกาใต้โวยนานาชาติใช้มาตรการรุนแรง

รมต.สาธารณสุขแอฟริกาใต้ โวยนานาชาติห้ามนักเดินทางจากแอฟริกาเข้าประเทศ เป็นการใช้มาตรการรุนแรงเกินไป ชี้ยังไม่มีหลักฐานชี้ชัดว่า เชื้อโควิดกลายพันธุ์ตัวใหม่แพร่ระบาดเร็วและรุนแรงกว่าตัวเก่า

อนามัยโลกจ่อประชุมด่วนสกัดโควิดกลายพันธุ์ในแอฟริกาใต้

องค์การอนามัยโลกเปิดประชุมคณะผู้เชี่ยวชาญนัดเฉพาะกิจที่เมืองเจนีวาของสวิตเซอร์แลนด์ในเวลา 11.00 น. ของวันนี้ หรือตรงกับเวลา 17.00 น. ตามเวลาประเทศไทย เพื่อประเมินเกี่ยวกับสถานการณ์ระบาดของเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 หรือโควิด-19 กลายพันธุ์ใหม่ที่พบในแอฟริกาใต้ ท่ามกลางความวิตกกังวลที่เพิ่มขึ้นทั่วโลก

1 2 3 4 5 6 12
...