อาเซียน

ฮานอย 14 ก.ค. – นายแอนโทนี บลิงเคน รัฐมนตรีกระทรวงต่างประเทศสหรัฐ ระบุว่า สหรัฐรู้สึกกังวลอย่างยิ่งต่อสถานการณ์ในเมียนมา และเรียกร้องให้สมาคมประชาชาติแห่งเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ หรืออาเซียน ดำเนินการเพื่อยุติความรุนแรงและฟื้นฟูระบอบประชาธิปไตยในเมียนมา ในระหว่างการประชุมทางไกลร่วมกับคณะรัฐมนตรีต่างประเทศของ 10 ประเทศสมาชิกอาเซียน นายเนด ไพรซ์ โฆษกกระทรวงต่างประเทศของสหรัฐระบุในแถลงการณ์ว่า นายบลิงเคนเรียกร้องให้อาเซียนเร่งดำเนินการตามหลักฉันทามติ 5 ประการในทันทีและแต่งตั้งทูตพิเศษเพื่อประสานงานแก้ปัญหาวิกฤตในเมียนมา ทั้งยังขอให้ปล่อยตัวผู้ที่ถูกคุมขังอย่างไม่ยุติธรรมทั้งหมดในเมียนมา และเร่งฟื้นฟูระบอบประชาธิปไตยในเมียนมาด้วย นอกจากนี้ นายบลิงเคนยังเน้นย้ำว่า สหรัฐปฏิเสธข้ออ้างสิทธิทางทะเลโดยมิชอบด้วยกฎหมายในทะเลจีนใต้ และระบุว่า สหรัฐขอยืนเคียงข้างกลุ่มผู้อ้างสิทธิในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ที่ต้องเผชิญกับการบีบบังคับจากจีน นายฮิชามมุดดิน ฮุสเซน รัฐมนตรีกระทรวงต่างประเทศของมาเลเซียกล่าวว่า เขาหวังว่าการประชุมในวันนี้จะเป็นสัญญาณบ่งบอกถึงพันธสัญญาที่สดใสจากความร่วมมือระดับพหุภาคีของสหรัฐในภูมิภาคนี้ ประเทศสมาชิกอาเซียนเข้าใจดีว่ารัฐบาลสหรัฐชุดก่อนไม่ได้ให้ความสำคัญกับระบบพหุภาคีมากนัก แต่เป็นเรื่องน่ายินดีที่รัฐบาลของประธานาธิบดีโจ ไบเดน กลับยอมรับความร่วมมือในระดับพหุภาคี ทั้งยังระบุเพิ่มเติมว่า หนทางดังกล่าวเป็นทางเดียวที่จะสร้างความมั่นคง สันติภาพ ความมั่งคั่ง และเสถียรภาพในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ขณะที่จีนระบุวันนี้ว่า จีนไม่เห็นด้วยอย่างมากกับจุดยืนที่ผิดของสหรัฐจากกรณีที่นายบลิงเคนระบุว่า สหรัฐปฏิเสธข้ออ้างสิทธิทางทะเลโดยมิชอบด้วยกฎหมายในทะเลจีนใต้ ทั้งนี้ นายบลิงเคนได้เข้าร่วมการประชุมทางไกลผ่านระบบออนไลน์กับคณะรัฐมนตรีกระทรวงต่างประเทศของ 10 ประเทศสมาชิกอาเซียน ซึ่งถือเป็นครั้งแรกนับตั้งแต่ประธานาธิบดีไบเดนเข้ารับตำแหน่งผู้นำสหรัฐในเดือนมกราคม และมีขึ้นท่ามกลางความวิตกกังวลในกลุ่มนักการทูตและกลุ่มอื่น ๆ ว่า รัฐบาลสหรัฐไม่ได้ให้ความสำคัญมากพอกับภูมิภาคที่สำคัญต่อยุทธศาสตร์ระดับภูมิภาคของตนเพื่อตอบโต้จีนที่กำลังแผ่ขยายอำนาจมากขึ้น.-สำนักข่าวไทย

นายวิเวียน บาลากริชนัน รัฐมนตรีต่างประเทศสิงคโปร์ กล่าววานนี้ว่า สมาคมประชาชาติเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ หรือ อาเซียน กำลังทำงานเพื่อเร่งให้มีการริเริ่มปฎิบัติตามฉันทามติ 5 ข้อ ที่ผู้นำอาเซียนตกลงร่วมกันในการแก้ปัญหาวิกฤติการณ์ทางการเมืองที่เกิดขึ้นในเมียนมา

รัสเซียสนับสนุนอย่างเต็มที่ต่อความพยายามทางการทูตของสมาคมประชาชาติเอเชียตะวันออกเฉียงใต้หรืออาเซียน ที่จะหาทางยุติวิกฤตเมียนมา และได้แสดงท่าทีเดียวกันนี้ต่อผู้นำกองทัพเมียนมาแล้ว

คณะเจ้าหน้าที่การทูตตัวแทนจากสมาคมประชาชาติเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ หรือ อาเซียน กล่าวเรียกร้องให้รัฐบาลทหารเมียนมา ปล่อยตัวนักโทษการเมืองและหารือเรื่องการนำข้อตกลงที่เห็นพ้องร่วมกันในการประชุมก่อนหน้านี้ไปใช้เพื่อยุติเหตุความวุ่นวายในเมียนมา

จาการ์ตา 2 มิ.ย. – อินโดนีเซียเรียกร้องให้สมาคมประชาชาติแห่งเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ หรืออาเซียน เสนอชื่อนักการทูตประจำเมียนมาในทันที หลังอาเซียนได้ตกลงเกี่ยวกับขั้นตอนต่าง ๆ เพื่อยุติสถานการณ์วุ่นวายจากเหตุรัฐประหารในเมียนมามาเป็นเวลากว่าเดือนแล้ว นางเร็ตโน มาร์ซูดี รัฐมนตรีกระทรวงต่างประเทศของอินโดนีเซียกล่าวว่า อาเซียนต้องแต่งตั้งทูตพิเศษในทันที และการสื่อสารกับประเทศสมาชิกทั้งหมดจะต้องดำเนินไปอย่างต่อเนื่อง ทั้งยังระบุว่า อาเซียนควรส่งเสริมการเจรจารอบด้านเพื่อแก้ปัญหาวิกฤตการเมืองและฟื้นฟูประชาธิปไตยในเมียนมาตามเจตจำนงของประชาชนชาวเมียนมา ขณะที่แหล่งข่าวด้านการทูตไม่เผยนามระบุว่า ประธานและเลขาธิการอาเซียน ซึ่งเป็นองค์กรที่มีสมาชิก 10 ประเทศเตรียมเดินทางไปยังกรุงจาการ์ตาของอินโดนีเซียในอีกไม่กี่วันข้างหน้า เพื่อติดตามผลของฉันทามติ 5 ข้อที่อาเซียนตกลงร่วมกันไว้ ได้แก่ การยุติความรุนแรงในเมียนมา กระบวนการเจรจาอย่างสร้างสรรค์ของทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้อง ทูตพิเศษของอาเซียนจะทำหน้าที่อำนวยความสะดวกในกระบวนการเจรจา การยอมรับความช่วยเหลือ และทูตพิเศษจะเดินทางไปเมียนมาเพื่อพบทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้อง อาเซียนเป็นผู้นำในการพยายามใช้การทูตเป็นหลักเพื่อแก้ปัญหาในเมียนมานับตั้งแต่เกิดเหตุรัฐประหารในวันที่ 1 กุมภาพันธ์ที่ทำให้เกิดสถานการณ์วุ่นวายจนทำให้กองกำลังรักษาความปลอดภัยของเมียนมาสังหารผู้เสียชีวิตหลายร้อยคน นอกจากนี้ ยังทำให้ชาวเมียนมาหลายพันคนถูกคุมขัง เกิดเหตุประท้วงรายวัน ประท้วงนัดหยุดงานทั่วประเทศ และความขัดแย้งในพื้นที่ชายแดน อย่างไรก็ดี ยังคงมีความคืบหน้าที่ไม่ชัดเจนนับตั้งแต่อาเซียนเผยในการประชุมที่กรุงจาการ์ตาเมื่อเดือนเมษายนว่า ได้บรรลุฉันทามติกับรัฐบาลทหารเมียนมา.-สำนักข่าวไทย

สมาชิก 9 ประเทศจาก 10 ประเทศของสมาคมประชาชาติเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ หรือ อาเซียน เสนอให้ปรับถ้อยคำลดความรุนแรงลงในร่างมติของสมัชชาใหญ่องค์การสหประชาชาติเกี่ยวกับเมียนมา ซึ่งรวมถึงการห้ามขายหรือจัดส่งอาวุธให้กับเมียนมา เพื่อให้ได้รับเสียงสนับสนุนอย่างเป็นเอกฉันท์จากสมาชิกสหประชาชาติทั้ง 193 ประเทศ

สหประชาชาติ 4 พ.ค.- จีนเรียกร้องให้ใช้ความพยายามทางการทูตอย่างจริงจังมากขึ้นในการแก้ไขสถานการณ์ในเมียนมา โดยเตือนว่าความรุนแรงที่เพิ่มขึ้นอาจทำให้สถานการณ์โกลาหลจนกลายเป็นสงครามการเมือง นายจาง จุน เอกอัครราชทูตผู้แทนถาวรจีนประจำสหประชาชาติหรือยูเอ็นกล่าวถึงเมียนมาว่า เป็นเพื่อนบ้านที่เป็นมิตร จีนสนับสนุนอย่างยิ่งที่สมาคมประชาชาติเอเชียตะวันออกเฉียงใต้หรืออาเซียน และนางคริสติน ชราเนอร์ เบอร์เกเนอร์ ผู้แทนพิเศษยูเอ็นเรื่องเมียนมาใช้ความพยายามทางการทูต จีนหวังว่าจะเห็นผล และไม่สนับสนุนการใช้มาตรการคว่ำบาตร เพราะควรสร้างสภาพแวดล้อมที่เอื้อให้เมียนมากลับเข้าสู่ภาวะปกติ หาทางออกทางการเมืองผ่านการเจรจาระหว่างพรรคการเมืองที่เกี่ยวข้องภายใต้กรอบรัฐธรรมนูญและกฎหมาย เนื่องจากประเด็นหลักในเมียนมาสืบเนื่องจากความเห็นต่างเรื่องการเลือกตั้งทั่วไปเมื่อเดือนพฤศจิกายน จีนกำลังประสานกับทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้อง ขอให้งดเว้นการใช้ความรุนแรง เลี่ยงการบาดเจ็บล้มตาย และพยายามหาทางออกผ่านการเจรจา ต่อข้อถามว่าจีนกังวลหรือไม่ว่าเมียนมาอาจเข้าสู่ภาวะสงครามกลางเมือง เนื่องจากกองทัพเมียนมากำลังสู้รบกับกลุ่มชาติพันธุ์ในรัฐกะฉิ่นและรัฐกะเหรี่ยง ขณะเดียวกันต้องรับมือกับการประท้วงเรียกร้องประชาธิปไตย โดยมีข่าวว่าพลเรือนไปฝึกอาวุธในพื้นที่ของกลุ่มชาติพันธุ์ เอกอัครราชทูตผู้แทนถาวรจีนประจำยูเอ็นยอมรับว่ากังวล เพราะยิ่งมีความตึงเครียด ยิ่งเกิดการเผชิญหน้า ยิ่งนำไปสู่ความรุนแรง การบาดเจ็บล้มตาย เดินทางผิดทาง อาจทำให้สถานการณ์โกลาหล ถึงขั้นเกิดสงครามกลางเมือง นอกจากนี้จีนยังกังวลเรื่องผลกระทบด้านมนุษยธรรมด้วย เพราะผู้คนเดือดร้อนมากขึ้น.-สำนักข่าวไทย