อินโดนีเซีย-มาเลเซียเล็งอาเซียนหารือสถานการณ์เมียนมา

จาการ์ตา 5 ก.พ. – ผู้นำอินโดนีเซียและมาเลเซียระบุว่า ทั้งสองประเทศกำลังหาโอกาสจัดการประชุมวาระพิเศษของประเทศในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้เพื่อหารือเกี่ยวกับสถานการณ์ในเมียนมา ซึ่งเกิดเหตุรัฐประหารยึดอำนาจจากรัฐบาลที่มาจากการเลือกตั้งเมื่อวันจันทร์ที่ผ่านมา ประธานาธิบดีโจโก วิโดโด ของอินโดนีเซีย หรือเป็นที่รู้จักกันในชื่อ โจโกวี กล่าวภายหลังจากพบปะหารือกับนายกรัฐมนตรีมูห์ยิดดิน ยัสซิน ของมาเลเซียว่า จะขอให้กระทรวงต่างประเทศของทั้งสองประเทศติดต่อขอคุยกับบรูไน ซึ่งขณะนี้เป็นประธานหมุนเวียนของสมาคมประชาชาติแห่งเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ หรือ อาเซียน เพื่อจัดการประชุมวาระพิเศษเพื่อหารือเกี่ยวกับสถานการณ์ที่เกิดขึ้นในเมียนมา ขณะที่ผู้นำมาเลเซียระบุว่า การก่อเหตุรัฐประหารของกองทัพเมียนมาทำให้กระบวนการประชาธิปไตยถอยหลังไปหนึ่งก้าว การจัดประชุมในลักษณะดังกล่าวถือเป็นเรื่องที่ไม่เกิดบ่อยนักและท้าทาย อย่างไรก็ดี อาเซียนมีนโยบายไม่แทรกแซงปัญหาภายในของประเทศสมาชิกและไม่แสดงท่าทีขัดแย้งกับการยึดอำนาจของกองทัพ แต่ระบุว่าจะคอยติดตามสถานการณ์ในเมียนมาอย่างใกล้ชิด ประธานาธิบดีโจโกวียังได้กล่าวถึงปัญหามาตรการกีดกันน้ำมันปาล์มที่อินโดนีเซียและมาเลเซียกำลังเผชิญอยู่ว่า ทั้งสองประเทศ ซึ่งเป็นผู้ผลิตน้ำมันปาล์มในอันดับต้น ๆ ของโลกมีความเหมาะสมที่จะทำงานร่วมกันเพื่อต่อสู้กับมาตรการกีดกันน้ำมันปาล์ม ขณะที่นายกรัฐมนตรีมูห์ยิดดินระบุว่า มาตรการระงับนำเข้าน้ำมันปาล์มในทวีปยุโรปเป็นการให้ข้อมูลที่คลาดเคลื่อนเกี่ยวกับอุตสาหกรรมนี้ นอกจากนี้ ผู้นำของทั้งสองประเทศยังกล่าวว่า จะหารือเกี่ยวกับข้อตกลงเพิ่มเติมในการเดินทางอย่างเป็นทางการและการเดินทางเพื่อธุรกิจระหว่างทั้งสองประเทศในช่วงที่มีการระบาดของโรคโควิด-19 และเน้นย้ำถึงความสำคัญของกฎหมายระหว่างประเทศในทะเลจีนใต้ ตลอดจนประเด็นเกี่ยวกับชาวโรฮิงญาที่อพยพเข้ามาอยู่ในอินโดนีเซียและมาเลเซีย.-สำนักข่าวไทย

นายกฯ ชี้จุดยืนไทยต่อสถานการณ์ในเมียนมาตรงกับอาเซียน

นายกฯ ชี้จุดยืนไทยต่อสถานการณ์ในเมียนมาตรงกับจุดยืนอาเซียน พร้อมร่วมประชาสัมพันธ์วันทหารผ่านศึก ขอช่วยชี้แจงภารกิจของทหาร

สุริยะหารือสภาธุรกิจสหรัฐฯ-อาเซียนดึงทุนธุรกิจดิจิทัลในไทย

สุริยะนำทีมผู้บริหารกระทรวงอุตสาหกรรมหารือคณะนักธุรกิจจากสภาธุรกิจสหรัฐอเมริกา-อาเซียน พร้อมร่วมมือกับรัฐบาลไทยลงทุนโครงสร้างพื้นฐาน เพื่อสร้างเศรษฐกิจดิจิทัล

อาเซียนและอีก 5 ชาติลงนามอาร์เซ็ปแล้ว

ฮานอย 15 พ.ย.- สมาคมประชาชาติเอเชียตะวันออกเฉียงใต้หรืออาเซียน จีน ญี่ปุ่น เกาหลีใต้ ออสเตรเลีย และนิวซีแลนด์ ลงนามความตกลงหุ้นส่วนทางเศรษฐกิจระดับภูมิภาคหรืออาร์เซ็ป (RCEP) แล้วในวันนี้ เป็นเขตการค้าเสรีใหญ่ที่สุดในโลกที่ไม่มีสหรัฐเข้าร่วม ผู้นำ 15 ประเทศเป็นประธานในพิธีลงนามอาร์เซ็ป นอกรอบการประชุมสุดยอดอาเซียนครั้งที่ 37 ที่จัดแบบประชุมทางไกล เพราะโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 หรือโควิด-19 โดยมีเวียดนามเป็นเจ้าภาพ ผู้นำแต่ละประเทศยืนอยู่ด้านหลังรัฐมนตรีการค้าของตนเองที่ผลัดกันลงนามทีละประเทศแล้วชูต่อหน้ากล้อง นายกรัฐมนตรีเหงียน ซวน ฟุกของเวียดนาม กล่าวว่า ประเทศผู้ลงนามจะให้สัตยาบันโดยเร็วเพื่อให้มีผลบังคับใช้ และช่วยฟื้นเศรษฐกิจหลังการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 อาร์เซ็ปครองสัดส่วนเศรษฐกิจโลกร้อยละ 30 สัดส่วนประชากรร้อยละ 30 และเข้าถึงผู้บริโภคมากถึง 2,200 ล้านคน กระทรวงการคลังจีนแถลงว่า อาร์เซ็ปจะขจัดภาษีบางอย่างภายในกลุ่ม มีทั้งมีผลทันทีและมีผลภายใน 10 ปี และเป็นครั้งแรกที่จีนและญี่ปุ่นบรรลุความสำเร็จครั้งประวัติศาสตร์เพราะมีการลดภาษีระหว่างกัน รอยเตอร์ตั้งข้อสังเกตว่า อาร์เซ็ปถือเป็นเขตการค้าเสรีแรกที่สามประเทศใหญ่ในเอเชียอย่างจีน ญี่ปุ่น และเกาหลีใต้ ลงนามร่วมกัน ขณะนี้ยังไม่มีรายละเอียดของประเภทสินค้าและรายชื่อประเทศที่จะลดภาษีทันที ส่วนสหรัฐที่ผลักดันข้อตกลงนี้ในสมัยรัฐบาลบารัค โอบามา ถูกรัฐบาลโดนัลด์ ทรัมป์ ถอนออกในปี 2560 […]

ออสเตรเลียหวังลงนามอาร์เซ็ปจะช่วยสัมพันธ์จีน

เมลเบิร์น 15 พ.ย.- นายไซมอน เบอร์มิงแฮม รัฐมนตรีการค้าออสเตรเลียเผยว่า ออสเตรเลียหวังว่าความตกลงหุ้นส่วนทางเศรษฐกิจระดับภูมิภาคหรืออาร์เซ็ป (RCEP) ที่ 15 ชาติในเอเชีย-แปซิฟิกจะลงนามในวันนี้จะช่วยให้ความสัมพันธ์ที่ตึงเครียดกับจีนดีขึ้น นายเบอร์มิงแฮมให้สัมภาษณ์หนังสือพิมพ์ดิเอจในออสเตรเลียก่อนที่สมาคมประชาชาติเอเชียตะวันออกเฉียงใต้หรืออาเซียนจะปิดฉากการประชุมสุดยอดครั้งที่ 37 แบบทางไกลกับอีก 5 ชาติในวันนี้ โดยมีเวียดนามเป็นเจ้าภาพว่า เวทีอาเซียนจะช่วยให้ความสัมพันธ์ออสเตรเลียกับจีนเปลี่ยนไปในทางสร้างสรรค์ได้ สถานการณ์ขณะนี้ขึ้นกับฝั่งจีนเป็นหลักว่า พร้อมจะเจรจาหรือไม่ อาเซียน จีน ญี่ปุ่น เกาหลีใต้ ออสเตรเลีย และนิวซีแลนด์ รวมเป็น 15 ชาติจะลงนามอาร์เซ็ปปิดท้ายการประชุมสุดยอดอาเซียนในวันนี้ หลังจากเปิดประชุมมาตั้งแต่วันที่ 12 พฤศจิกายน จะเป็นเขตการค้าเสรีใหญ่ที่สุดในโลกเพราะมีผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศหรือจีดีพี (GDP) รวมกันราวร้อยละ 30 ของจีดีพีโลก ขณะที่ความสัมพันธ์ออสเตรเลียกับจีนที่เป็นคู่ค้าใหญ่ที่สุดตึงเครียดนับจากออสเตรเลียเรียกร้องให้สอบสวนนานาชาติเรื่องต้นตอของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 หรือโควิด-19 ที่พบครั้งแรกในเมืองอู่ฮั่นของจีนเมื่อปลายปีก่อน ข้อพิพาทนี้กระทบต่ออุตสาหกรรมและการส่งออกของออสเตรเลียไปจีนทั้งสินค้าเกษตร ไม้สัก และทรัพยากรธรรมชาติมูลค่ามหาศาล.-สำนักข่าวไทย

“ซูงะ” ให้คำมั่นเพิ่มขีดความสามารถอาเซียนสกัดโควิด

นายกรัฐมนตรีโยชิฮิเดะ ซูงะ ของญี่ปุ่นให้สัญญาว่า จะช่วยเหลือประเทศสมาชิกสมาคมประชาชาติเอเชียตะวันออกเฉียงใต้หรืออาเซียนในการพัฒนาขีดความสามารถ เพื่อรับมือกับการระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 หรือโควิด-19

นายกฯ ประชุมสุดยอดอาเซียน ครั้งที่ 37

นายกฯ ร่วมพิธีเปิดการประชุมสุดยอดอาเซียน ครั้งที่ 37 ผ่านระบบคอนเฟอเรนซ์ เตรียมผลักดันความร่วมมือและฟื้นฟูเศรษฐกิจของภูมิภาคหลังสถานการณ์โควิด-19 จับตาดึงอินเดีย ลงนาม RCEP ได้หรือไม่

เวียดนามยืนยันซัมมิตอาเซียนจะลงนามอาร์เซ็ป

เวียดนามในฐานะเจ้าภาพการประชุมสุดยอดสมาคมประชาชาติเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ (อาเซียน) ผ่านระบบประชุมทางไกลยืนยันว่า จะมีการลงนามความตกลงหุ้นส่วนทางเศรษฐกิจระดับภูมิภาคหรืออาร์เซ็ป(RCEP) ในการประชุมครั้งนี้

รัฐบาลวอนทุกฝ่ายร่วมมือเดินหน้าฟื้นเศรษฐกิจ ท่ามกลางการชุมนุม

รัฐบาลวอนทุกฝ่ายร่วมมือเดินหน้าฟื้นเศรษฐกิจ ท่ามกลางการชุมนุม ชี้เศรษฐกิจไทย เริ่มฟื้น ไม่เป็นอันดับต่ำสุดในอาเซียน

จีน-กัมพูชาลงนามเอฟทีเอ

พนมเปญ 12 ต.ค.- จีนและกัมพูชาลงนามข้อตกลงเขตการค้าเสรีหรือเอฟทีเอ (FTA) แล้วในวันนี้ หลังจากใช้เวลาเจรจาไม่ถึงหนึ่งปี เพื่อลดภาษีและเพิ่มการเข้าถึงตลาดระหว่างกัน ครอบคลุมทั้งเรื่องการค้า การท่องเที่ยว และสินค้าเกษตรกรรม พิธีลงนามมีการถ่ายทอดสดออนไลน์ มีนายหวัง อี้ มนตรีแห่งรัฐและรัฐมนตรีต่างประเทศของจีน และนายกรัฐมนตรีฮุน เซนของกัมพูชาเป็นประธานในพิธี นายปาน สรศักดิ์ รัฐมนตรีพาณิชย์กัมพูชากล่าวในพิธีว่า การลงนามข้อตกลงวันนี้เป็นเครื่องแสดงถึงความสัมพันธ์ที่แข็งแกร่งกว่าที่เคยของสองประเทศ และเป็นอีกหนึ่งช่วงเวลาประวัติศาสตร์ในความสัมพันธ์ของกัมพูชาและจีน ข้อตกลงนี้ที่เขาหวังว่าจะมีผลบังคับใช้ในต้นปีหน้าจะยิ่งเพิ่มพูนความเป็นหุ้นส่วนทางเศรษฐกิจที่รุ่งเรืองผ่านการเข้าถึงตลาดมากขึ้น การเปิดเสรีให้แก่สินค้า บริการและการลงทุน รอยเตอร์ตั้งข้อสังเกตว่า ยังไม่มีการเปิดเผยรายละเอียดข้อตกลง และยังไม่ชัดเจนว่าจะทำงานร่วมกับเอฟทีเอจีน-อาเซียนที่ลงนามไปตั้งแต่ปี 2545 อย่างไร เพราะกัมพูชาเป็นหนึ่งในสมาชิกอาเซียนหรือสมาคมประชาชาติเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ด้วย ข้อตกลงนี้จะเป็นผลดีต่อกัมพูชาที่ถูกสหภาพยุโรปหรืออียู (EU) ตลาดส่งออกสำคัญอีกแห่งหนึ่งระงับการให้สิทธิพิเศษทางการค้าเมื่อปีก่อนด้วยเรื่องสิทธิมนุษยชน ทำให้สิ่งทอและรองเท้า ซึ่งเป็นสินค้าส่งออกหลักของกัมพูชาถูกอียูเก็บภาษีอีกครั้ง.-สำนักข่าวไทย

นายกฯ ระบุไทยมีศักยภาพมากที่สุดในอาเซียน

นายกฯ ระบุไทยมีศักยภาพมากที่สุดในอาเซียน แต่โอกาสจะหายไปถ้าประเทศมีความวุ่นวาย ขออย่าทำโอกาสขณะนี้ให้เป็นวิกฤต ยืนยันรัฐบาลมุ่งส่งเสริมและพัฒนาทุนมนุษย์สู่ความเป็นเลิศ สร้างโอกาสให้มีงานทำและมีรายได้ที่ยั่งยืน ชี้การศึกษาเป็นสิ่งสำคัญในการสร้างชาติ

1 22 23 24 25 26 51
...