3 ประเทศขานรับเร่งปรับใช้รองรับ “e-Form D”แบบอิเล็กทรอนิกส์

นนทบุรี 19 ก.ค.-3 ประเทศเพื่อนบ้าน สปป.ลาว- กัมพูชา-เมียนมาขานรับเร่งปรับหันมาใช้รองรับ “e-Form D” เต็มรูปแบบในการใช้สิทธิพิเศษทางภาษีภายใต้กรอบอาเซียน เพื่ออำนวยความสะดวกทางการค้าผ่านแบบอิเล็กทรอนิกส์ ย้ำ 3 ประเทศกำลังเร่งดำเนินการคาดอนาคตเอกชนจะได้รับความสะดวกการค้าเพิ่มมากขึ้น


นายกีรติ รัชโน

นายกีรติ รัชโน อธิบดีกรมการค้าต่างประเทศ เปิดเผยว่าการประชุมคณะอนุกรรมการเขตการค้าเสรีครั้งที่ 3/2564 เมื่อไม่นานมานี้ ทางสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทยในฐานะตัวแทนภาคเอกชนได้แจ้งปัญหาเกี่ยวกับความไม่พร้อมเรื่องระบบเทคโนโลยีสารสนเทศของทั้ง 3 ประเทศ ได้แก่ สปป. ลาว กัมพูชาและเมียนมา โดยเฉพาะด้านอุปกรณ์ฮาร์ดแวร์และซอฟท์แวร์ที่ยังไม่รองรับการใช้หนังสือรับรองถิ่นกำเนิดสินค้าแบบอิเล็กทรอนิกส์ หรือ “e-Form D” ซึ่งเป็นระบบการส่งข้อมูลหนังสือรับรองฯ แบบไร้เอกสาร (paperless) ได้อย่างเต็มรูปแบบ โดยบางด่านศุลกากรของ 3 ประเทศดังกล่าวยังมีการร้องขอให้ยื่นเอกสาร Form D แบบกระดาษ ควบคู่กับการส่งข้อมูล e-Form D ในระบบ ในการขอใช้สิทธิพิเศษลดหย่อนอากรขาเข้าภายใต้กรอบอาเซียน โดย Form D แบบกระดาษ จะต้องถูกส่งไปตรวจอนุมัติการให้สิทธิฯ ที่เมืองหลวงหรือส่วนกลางประเทศนั้น ๆ 


ทั้งนี้ กรมการค้าต่างประเทศไม่ได้นิ่งนอนใจรับทราบว่าผู้ประกอบการไทยประสบปัญหาในการใช้สิทธิพิเศษทางภาษีดังกล่าว ในฐานะหน่วยงานออกหนังสือรับรองถิ่นกำเนิดสินค้าให้ผู้ประกอบการนำไปใช้สิทธิฯ และผู้แทนไทยในการประชุมคณะอนุกรรมการความตกลงการค้าสินค้าของอาเซียนด้านกฎว่าด้วยถิ่นกำเนิดสินค้า (SC-AROO) ได้ทำงานร่วมกับกรมศุลกากร หยิบยกประเด็นขึ้นหารือในที่ประชุมของเจ้าหน้าที่อาเซียน 10 ประเทศ ในการประชุม SC-AROO ครั้งที่ 36 เมื่อวันที่ 21 – 23 มิถุนายน 2564 ผ่านระบบประชุมทางไกล โดยได้เรียกร้องให้ สปป.ลาว เมียนมา และกัมพูชา เร่งปรับปรุงระบบเทคโนโลยีสารสนเทศให้สามารถใช้ e-Form D ได้ในทุกด่านและยกเลิกการขอ Form D แบบกระดาษ ควบคู่ e-Form D โดยเร็ว และได้ขอให้เร่งดำเนินการอนุมัติการใช้สิทธิฯ ได้ที่ด่านศุลกากร ณ ด่านชายแดน ในกรณีที่ต้องใช้ Form D แบบกระดาษ เพื่ออำนวยความสะดวกให้ผู้ประกอบการและส่งเสริมการค้าระหว่างกัน 

อย่างไรก็ตาม โดยล่าสุด กรมฯ ได้รับแจ้งข่าวดีจาก สปป.ลาว ว่า ตั้งแต่วันที่ 1 กรกฎาคม 2564 ที่ผ่านมา สปป.ลาว สามารถใช้ e-form D ได้เต็มรูปแบบแล้ว โดยได้ยกเลิกการขอ Form D แบบกระดาษ ควบคู่กับการใช้ e-Form D ในการรับสิทธิพิเศษภายใต้กรอบอาเซียนตามที่ฝ่ายไทยเรียกร้อง ซึ่งการใช้ e-form D ได้เต็มรูปแบบจะเป็นการส่งเสริมให้ผู้ประกอบการสามารถใช้สิทธิฯ ส่งออกไป สปป.ลาว ได้คล่องตัวมากขึ้น โดยเฉพาะในสถานการณ์โควิด-19 ที่รุนแรงขึ้นในปัจจุบัน ขณะที่ผู้แทนกัมพูชาแจ้งว่า สามารถรับ e-Form D ได้ทุกด่านแล้ว สำหรับการใช้ Form D แบบกระดาษ กัมพูชาจะเร่งอนุมัติการใช้สิทธิฯ ณ ด่านศุลกากรชายแดนให้เพิ่มมากขึ้น โดยปัจจุบันได้อนุญาตให้เฉพาะผู้นำเข้าบางส่วนเท่านั้นที่สามารถใช้สิทธิฯ ณ ด่านศุลกากรชายแดนได้ทันที ส่วนรายอื่น ๆ ยังคงต้องส่งไปให้ส่วนกลางอนุมัติ ซึ่งศุลกากรกัมพูชาได้พิจารณาจากประวัติของผู้นำเข้าเป็นหลัก 

ขณะที่ผู้แทนเมียนมาแจ้งว่า เมียนมายังคงสามารถรับ e-Form D ได้เพียง 2 ด่าน คือ ย่างกุ้ง และติลาวา แต่จะเร่งพัฒนาระบบให้สามารถรองรับ e-Form D ในด่านสำคัญที่เป็น International Ports ที่เหลืออีก 6 ด่าน โดยคาดว่าภายในปี 2565 ผู้นำเข้าสามารถใช้ Form D แบบกระดาษในการขอรับสิทธิฯ ณ ด่านศุลกากรชายแดนได้ทุกด่าน โดยไม่ต้องส่งไปให้ส่วนกลางอนุมัติ 


ซึ่งกรมการค้าต่างประเทศยินดีสนับสนุนและช่วยเหลือผู้ประกอบการในการแก้ไขปัญหาและอุปสรรคในการส่งออก ดังนั้น ขอเชิญชวนให้ผู้ประกอบการหันมาใช้สิทธิประโยชน์ภายใต้กรอบการค้าเสรี ซึ่งเป็นแต้มต่อที่จะสร้างโอกาสในการค้าขายและส่งออก โดยเฉพาะตลาดเพื่อนบ้านที่ยังสามารถเติบโตได้อีกมาก โดยมีสินค้าส่งออกสำคัญไปยัง 3 ประเทศ ได้แก่ ยานยนต์เพื่อขนส่งของที่น้ำหนักรถรวมน้ำหนักบรรทุกไม่เกิน 5 ตัน น้ำที่ปรุงกลิ่นรสหรือเติมน้ำตาลหรือสารทำให้หวาน อาหารปรุงแต่งอื่น ๆ ชุดสายไฟจุดระเบิดและชุดสายไฟชนิดที่ใช้กับยานบก อากาศยานหรือเรือ ผ้าอนามัยและผ้าอ้อมสำหรับเด็กอ่อน และพอร์ตแลนด์ซีเมนต์และอื่นๆเป็นต้น.-สำนักข่าวไทย

เปิดเผยว่าการประชุมคณะอนุกรรมการเขตการค้าเสรีครั้งที่ 3/2564 เมื่อไม่นานมานี้ ทางสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทยในฐานะตัวแทนภาคเอกชนได้แจ้งปัญหาเกี่ยวกับความไม่พร้อมเรื่องระบบเทคโนโลยีสารสนเทศของทั้ง 3 ประเทศ ได้แก่ สปป. ลาว กัมพูชาและเมียนมา โดยเฉพาะด้านอุปกรณ์ฮาร์ดแวร์และซอฟท์แวร์ที่ยังไม่รองรับการใช้หนังสือรับรองถิ่นกำเนิดสินค้าแบบอิเล็กทรอนิกส์ หรือ “e-Form D” ซึ่งเป็นระบบการส่งข้อมูลหนังสือรับรองฯ แบบไร้เอกสาร (paperless) ได้อย่างเต็มรูปแบบ โดยบางด่านศุลกากรของ 3 ประเทศดังกล่าวยังมีการร้องขอให้ยื่นเอกสาร Form D แบบกระดาษ ควบคู่กับการส่งข้อมูล e-Form D ในระบบ ในการขอใช้สิทธิพิเศษลดหย่อนอากรขาเข้าภายใต้กรอบอาเซียน โดย Form D แบบกระดาษ จะต้องถูกส่งไปตรวจอนุมัติการให้สิทธิฯ ที่เมืองหลวงหรือส่วนกลางประเทศนั้นๆ 

ทั้งนี้ กรมการค้าต่างประเทศไม่ได้นิ่งนอนใจรับทราบว่าผู้ประกอบการไทยประสบปัญหาในการใช้สิทธิพิเศษทางภาษีดังกล่าว ในฐานะหน่วยงานออกหนังสือรับรองถิ่นกำเนิดสินค้าให้ผู้ประกอบการนำไปใช้สิทธิฯ และผู้แทนไทยในการประชุมคณะอนุกรรมการความตกลงการค้าสินค้าของอาเซียนด้านกฎว่าด้วยถิ่นกำเนิดสินค้า (SC-AROO) ได้ทำงานร่วมกับกรมศุลกากร หยิบยกประเด็นขึ้นหารือในที่ประชุมของเจ้าหน้าที่อาเซียน 10 ประเทศ ในการประชุม SC-AROO ครั้งที่ 36 เมื่อวันที่ 21 – 23 มิถุนายน 2564 ผ่านระบบประชุมทางไกล โดยได้เรียกร้องให้ สปป.ลาว เมียนมา และกัมพูชา เร่งปรับปรุงระบบเทคโนโลยีสารสนเทศให้สามารถใช้ e-Form D ได้ในทุกด่านและยกเลิกการขอ Form D แบบกระดาษ ควบคู่ e-Form D โดยเร็ว และได้ขอให้เร่งดำเนินการอนุมัติการใช้สิทธิฯ ได้ที่ด่านศุลกากร ณ ด่านชายแดน ในกรณีที่ต้องใช้ Form D แบบกระดาษ เพื่ออำนวยความสะดวกให้ผู้ประกอบการและส่งเสริมการค้าระหว่างกัน 

อย่างไรก็ตาม โดยล่าสุด กรมฯ ได้รับแจ้งข่าวดีจาก สปป.ลาว ว่า ตั้งแต่วันที่ 1 กรกฎาคม 2564 ที่ผ่านมา สปป.ลาว สามารถใช้ e-form D ได้เต็มรูปแบบแล้ว โดยได้ยกเลิกการขอ Form D แบบกระดาษ ควบคู่กับการใช้ e-Form D ในการรับสิทธิพิเศษภายใต้กรอบอาเซียนตามที่ฝ่ายไทยเรียกร้อง ซึ่งการใช้ e-form D ได้เต็มรูปแบบจะเป็นการส่งเสริมให้ผู้ประกอบการสามารถใช้สิทธิฯ ส่งออกไป สปป.ลาว ได้คล่องตัวมากขึ้น โดยเฉพาะในสถานการณ์โควิด-19 ที่รุนแรงขึ้นในปัจจุบัน ขณะที่ผู้แทนกัมพูชาแจ้งว่า สามารถรับ e-Form D ได้ทุกด่านแล้ว สำหรับการใช้ Form D แบบกระดาษ กัมพูชาจะเร่งอนุมัติการใช้สิทธิฯ ณ ด่านศุลกากรชายแดนให้เพิ่มมากขึ้น โดยปัจจุบันได้อนุญาตให้เฉพาะผู้นำเข้าบางส่วนเท่านั้นที่สามารถใช้สิทธิฯ ณ ด่านศุลกากรชายแดนได้ทันที ส่วนรายอื่น ๆ ยังคงต้องส่งไปให้ส่วนกลางอนุมัติ ซึ่งศุลกากรกัมพูชาได้พิจารณาจากประวัติของผู้นำเข้าเป็นหลัก 

ขณะที่ผู้แทนเมียนมาแจ้งว่า เมียนมายังคงสามารถรับ e-Form D ได้เพียง 2 ด่าน คือ ย่างกุ้ง และติลาวา แต่จะเร่งพัฒนาระบบให้สามารถรองรับ e-Form D ในด่านสำคัญที่เป็น International Ports ที่เหลืออีก 6 ด่าน โดยคาดว่าภายในปี 2565 ผู้นำเข้าสามารถใช้ Form D แบบกระดาษในการขอรับสิทธิฯ ณ ด่านศุลกากรชายแดนได้ทุกด่าน โดยไม่ต้องส่งไปให้ส่วนกลางอนุมัติ 

ซึ่งกรมการค้าต่างประเทศยินดีสนับสนุนและช่วยเหลือผู้ประกอบการในการแก้ไขปัญหาและอุปสรรคในการส่งออก ดังนั้น ขอเชิญชวนให้ผู้ประกอบการหันมาใช้สิทธิประโยชน์ภายใต้กรอบการค้าเสรี ซึ่งเป็นแต้มต่อที่จะสร้างโอกาสในการค้าขายและส่งออก โดยเฉพาะตลาดเพื่อนบ้านที่ยังสามารถเติบโตได้อีกมาก โดยมีสินค้าส่งออกสำคัญไปยัง 3 ประเทศ ได้แก่ ยานยนต์เพื่อขนส่งของที่น้ำหนักรถรวมน้ำหนักบรรทุกไม่เกิน 5 ตัน น้ำที่ปรุงกลิ่นรสหรือเติมน้ำตาลหรือสารทำให้หวาน อาหารปรุงแต่งอื่น ๆ ชุดสายไฟจุดระเบิดและชุดสายไฟชนิดที่ใช้กับยานบก อากาศยานหรือเรือ ผ้าอนามัยและผ้าอ้อมสำหรับเด็กอ่อน และพอร์ตแลนด์ซีเมนต์และอื่นๆ เป็นต้น.-สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

ไฟไหม้รถยนต์ อดีต สส.ศิริโชค วอดทั้งคัน

สงขลา 5 ก.ค.-“ศิริโชค” อดีต สส.ปชป. เผยเหตุระทึก รถยนต์ PHEV ไฟลุกไหม้วอดทั้งคันกลางดึก ทั้งที่ไม่ได้ชาร์จ ภาพคลิปเหตุการณ์ไฟไหม้รถยนต์ส่วนตัวของนายศิริโชค โสภา อดีต สส.สงขลา พรรคประชาธิปัตย์ ซึ่งจอดอยู่บริเวณบ้านพักที่ อ.นาทวี จ.สงขลา ช่วงตี 3 เมื่อเช้ามืดที่ผ่านมา (5 ก.ค.68) โดยเพจเฟซบุ๊ก “ศิริโชค โสภา” ได้โพสต์คลิปเหตุการณ์ พร้อมระบุข้อความว่า “อุทาหรณ์สยอง! ผมตื่นมากับเปลวเพลิงกลางดึก-ไฟลุกท่วมรถ PHEV ทั้งคัน ทั้งที่ไม่ได้ชาร์จ! เช้ามืดวันนี้ ผมสะดุ้งตื่นขึ้นมาพร้อมเสียง “ปะทุ” ดังสนั่นกลางความเงียบของตีสาม…เมื่อรีบวิ่งออกมาดู สิ่งที่ผมเห็นคือเปลวไฟสีส้มแดงกำลังลุกโชนอย่างบ้าคลั่งจากรถยนต์ PHEV ที่จอดนิ่งหน้าบ้าน ตอนนั้นผมไม่ได้เสียบชาร์จไว้ด้วยซ้ำ-จอดไว้เฉยๆ แต่จู่ๆ ไฟกลับลุกขึ้นมาเอง โดยไม่มีสัญญาณเตือนล่วงหน้าแม้แต่นิดเดียว รถดับเพลิงต้องใช้เวลาหลายนาทีกว่าจะควบคุมเพลิงได้ และเมื่อไฟดับลง… สิ่งที่เหลืออยู่คือซากรถที่ไหม้เกรียมทั้งคันนี่ไม่ใช่แค่ความเสียหาย แต่คือคำเตือนที่น่ากลัวสำหรับผู้ใช้รถ EV และ PHEVแม้ไม่ได้ชาร์จ แม้จอดนิ่ง แบตเตอรี่ก็ยังมีโอกาสลุกไหม้ได้เองโดยไม่ทันตั้งตัว ไฟฟ้าเงียบ-แต่มันเผาผลาญทุกอย่างได้ในพริบตา ต่อมาผู้สื่อข่าวได้ […]

ตาขับรถทับศีรษะหลานวัย 1 ขวบ ดับสลด

สุราษฎร์ธานี 5 ก.ค. – สุดสลด ตาขับรถกระบะไม่ทันดู เหยียบศีรษะหลานสาว วัย 1 ขวบ 5 เดือนเสียชีวิตคาที่ ตายายร้องไห้แทบขาดใจ สุดสลด ตาขับรถกระบะไม่ทันดู เหยียบศีรษะหลานสาว วัย 1 ขวบ 5 เดือนเสียชีวิตคาที่ หลังจากที่ตากลับจากซื้อของที่ตลาด เมื่อมาถึงบ้านซึ่งเปิดเป็นร้านขายของชำในอำเภอพระแสง จังหวัดสุราษฎร์ธานี ได้ขนของลงจากรถเสร็จ ระหว่างจะนำรถไปจอดไม่ทันสังเกตว่าหลานวิ่งอ้อมรถมา รู้อีกทีล้อรถหน้าด้านคนขับเหยียบเข้าที่ศีรษะของหลานแล้ว ทำให้หลานเสียชีวิตทันที เมื่อเห็นร่างหลาน ตาและยายร้องไห้แทบขาดใจ เพราะเลี้ยงหลานคนนี้มาตั้งแต่เล็กๆ ก่อนนำร่างส่งชันสูตรที่โรงพยาบาลพระแสงต่อไป.- สำนักข่าวไทย

อ.อ๊อด ชี้เป็นเหตุการณ์ที่ไม่ปกติ กรณีรถยนต์ไฟฟ้า อดีตสส.สงขลา ไฟไหม้

นครปฐม 5 ก.ค. – อาจารย์อ๊อด นักวิชาการสาขาเคมีอินทรีย์ แสดงความคิดเห็นว่า กรณีรถยนต์ไฟฟ้าของนายศิริโชค โสภา อดีต สส.สงขลา เกิดไฟไหม้ ถือเป็นเหตุการณ์ไม่ปกติ และแบตเตอรี่อาจจะมีปัญหา จากกรณีเพจเฟซบุ๊ก Sirichok Sopha หรือ นายศิริโชค โสภา อดีต สส.สงขลา พรรคประชาธิปัตย์ แชร์ประสบการณ์ โดยระบุข้อความว่า “เช้ามืดวันนี้ ผมสะดุ้งตื่นขึ้นมาพร้อมเสียง “ปะทุ” ดังสนั่นกลางความเงียบของตีสาม…เมื่อรีบวิ่งออกมาดู สิ่งที่ผมเห็นคือเปลวไฟสีส้มแดงกำลังลุกโชนอย่างบ้าคลั่งจากรถยนต์ PHEV ที่จอดนิ่งหน้าบ้าน รถคันนี้ซื้อจากศูนย์หาดใหญ่เมื่อ 2 ปีก่อน ผมใช้งานตามปกติ และที่สำคัญคือ ตอนนั้นผมไม่ได้เสียบชาร์จไว้ด้วยซ้ำ-จอดไว้เฉยๆแต่จู่ๆ ไฟกลับลุกขึ้นมาเอง โดยไม่มีสัญญาณเตือนล่วงหน้าแม้แต่นิดเดียวรถดับเพลิงต้องใช้เวลาหลายนาทีกว่าจะควบคุมเพลิงได้ และเมื่อไฟดับลง… สิ่งที่เหลืออยู่คือ ซากรถที่ไหม้เกรียมทั้งคันนี่ไม่ใช่แค่ความเสียหาย แต่คือคำเตือนที่น่ากลัวสำหรับผู้ใช้รถ EV และ PHEVแม้ไม่ได้ชาร์จ แม้จอดนิ่ง แบตเตอรี่ก็ยังมีโอกาสลุกไหม้ได้เองโดยไม่ทันตั้งตัวไฟฟ้าเงียบ-แต่มันเผาผลาญทุกอย่างได้ในพริบตา” รศ.ดร.วีรชัย พุทธวงศ์ หรือ อาจารย์อ๊อด นักวิชาการสาขาเคมีอินทรีย์ ผู้ช่วยอธิการบดีฝ่ายนวัตกรรมและกิจการเพื่อสังคม […]

สพฐ. จัดทีมนิติกรช่วยครูการเงิน

กทม. 5 ก.ค.-สพฐ. จัดทีมนิติกรช่วยครูการเงิน กรณีถูกชี้มูลร่วมลงชื่อเบิกจ่ายค่าอาหารกลางวัน วันที่ 4 กรกฎาคม 2568 ว่าที่ร้อยตรี ธนุ วงษ์จินดา เลขาธิการคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน เปิดเผยว่า ตามที่มีรายงานข่าวผ่านสื่อสังคมออนไลน์ กรณีข้าราชการครูผู้รับผิดชอบงานการเงินของโรงเรียนแห่งหนึ่งในจังหวัดกาญจนบุรี ได้ร้องขอความเป็นธรรมภายหลังถูกชี้มูลความผิดร่วมกับอดีตผู้อำนวยการโรงเรียน จากการลงนามในเอกสารเบิกจ่ายค่าอาหารกลางวัน โดยยืนยันว่าไม่ได้มีส่วนร่วมในการกระทำความผิดนั้น สำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (สพฐ.) ได้ตรวจสอบข้อเท็จจริงร่วมกับสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาต้นสังกัด และยืนยันว่า ขณะนี้ยังไม่มีคำสั่งลงโทษทางวินัยออกโดยเขตพื้นที่ฯ แต่อย่างใด สำหรับการดำเนินการในขั้นต่อไป สพฐ. ได้จัดเตรียมนิติกรจากส่วนกลาง เพื่อสนับสนุนการให้คำปรึกษาทางกฎหมายและการรวบรวมข้อมูลที่เกี่ยวข้อง เพื่อให้ครูสามารถใช้สิทธิในการอุทธรณ์ต่อคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (คณะกรรมการ ป.ป.ช.) ตามมาตรา 99 แห่งพระราชบัญญัติ ป.ป.ช. พ.ศ. 2561 ได้อย่างเต็มที่ เลขาธิการ กพฐ. ระบุว่า กรณีนี้สะท้อนถึงความจำเป็นที่ต้องทบทวนบทบาทภาระงานของครูในภารกิจที่ไม่เกี่ยวข้องกับการจัดการเรียนการสอน โดยเฉพาะงานด้านการเงินและพัสดุ ซึ่งมีความซับซ้อนและมีความเสี่ยงเชิงกฎหมายสูง สพฐ. จึงอยู่ระหว่างการปรับปรุงระบบสนับสนุนภายในโรงเรียน เพื่อให้โครงสร้างงานสนับสนุนมีความเหมาะสมกับวิชาชีพครูมากยิ่งขึ้น “ข้าราชการครูที่ปฏิบัติหน้าที่ด้วยความสุจริตจะไม่ต้องเผชิญกระบวนการตามลำพัง สพฐ. พร้อมอยู่เคียงข้างและสนับสนุนในทุกขั้นตอน เพื่อให้สามารถใช้สิทธิและเข้าถึงความเป็นธรรมได้อย่างมั่นใจครับ” เลขาธิการ กพฐ. กล่าว.-416.-สำนักข่าวไทย

ข่าวแนะนำ

น้ำโขงใกล้แตะ 9 เมตร สทนช.เตือนเฝ้าระวัง

บึงกาฬ 6 ก.ค.- “แม่น้ำโขง” ระดับน้ำเพิ่มสูงขึ้นต่อเนื่อง ใกล้แตะ 9 เมตร สทนช. เตือนเฝ้าระวังน้ำหลาก ดินโคลนถล่ม น้ำท่วมขัง ที่จังหวัดบึงกาฬ เกิดฝนตกติดต่อกันกว่า 2 สัปดาห์ เนื่องจากมีหย่อมความกดอากาศต่ำปกคลุมบริเวณประเทศเมียนมาตอนบนและ สปป ลาว ตอนบน ประกอบกับ สปป ลาว มีฝนตกลงอย่างต่อเนื่อง และมีมวลน้ำเหนือจากจังหวัดเลย จังหวัดหนองคาย ไหลลงมาสมทบ ทำให้ระดับน้ำในแม่น้ำโขงเพิ่มสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยเช้าวันนี้ จุดวัดระดับน้ำบ้านพันลำ วัดได้ 8.60 เมตร เพิ่มขึ้นจากวานนี้ 30 เซนติเมตร แต่ยังอยู่ในระดับปกติ ส่วนที่ประตูระบายน้ำ ข้างสำนักงาน ตม.บึงกาฬ เจ้าหน้าทีเทศบาลได้เปิดประตูระบายน้ำ เพื่อให้น้ำที่สะสมตามท่อระบายน้ำต่างๆ ในเขตเทศบาลเมืองไหลลงสู่แม่น้ำโขง เช่นเดียวกับบริเวณด่านพรมแดนศุลกากร เรือโดยสารขนส่งสินค้าและเรือขนส่งผู้โดยสารไทย-ลาว ต้องใช้ความระมัดระวังในการเดินเรือ เนื่องจากน้ำโขงไหลแรงและมีเศษวัชพืช เศษขยะไหลมากับสายน้ำ พร้อมขยับปรับระดับโป๊ะเทียบท่าให้อยู่ในระดับพอดี และผูกเชือกมัดโยงให้แน่นหนาเพื่อความปลอดภัย ขณะที่สำนักงานทรัพยากรน้ำแห่งชาติ หรือ สทนช. เฝ้าระวังน้ำหลาก ดินโคลนถล่ม […]

ชวนร่วมมหกรรม “ซอฟต์พาวเวอร์” ฟังวิสัยทัศน์จาก 3 นายกฯ

ทำเนียบรัฐบาล 6 ก.ค.-รัฐบาลเชิญร่วมงานมหกรรม Soft Power ที่ใหญ่ที่สุดในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ “SPLASH – Soft Power Forum 2025” ระหว่าง 8-11 กรกฎาคม 2568 ณ ศูนย์การประชุมแห่งชาติสิริกิติ์ ร่วมรับฟังการแสดงวิสัยทัศน์ 3 นายกรัฐมนตรีไทย แลกเปลี่ยนมุมมองและแบ่งปันประสบการณ์สร้าง “มูลค่าทางวัฒนธรรม” นายจิรายุ ห่วงทรัพย์ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า รัฐบาลบูรณาการความร่วมมือยกระดับซอฟต์พาวเวอร์ไทยสู่ตลาดโลกอย่างเป็นรูปธรรม จัดงาน Soft Power ที่ใหญ่ที่สุดในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ “SPLASH – Soft Power Forum 2025” ระหว่างวันที่ 8-11 กรกฎาคม 2568 เวลา 10.00-20.00 น. Hall 1-4 ศูนย์การประชุมแห่งชาติสิริกิติ์ ภายใต้ความร่วมมือของกระทรวงวัฒนธรรม กรมส่งเสริมวัฒนธรรม คณะกรรมการยุทธศาสตร์ซอฟต์พาวเวอร์แห่งชาติ คณะกรรมการพัฒนาและอนุกรรมการทุกสาขา โดยประสานพลังภาครัฐ เอกชน ชุมชน […]

เร่งแกะรอยมือยิงตำรวจ สภ.กรงปินัง เสียชีวิตหน้าร้านสะดวกซื้อ

ยะลา 6 ก.ค.- ผกก.สภ.กรงปินัง สั่งเร่งแกะรอยมือยิงตำรวจเสียชีวิตหน้าร้านสะดวกซื้อ ขณะปฏิบัติหน้าที่ตรวจความปลอดภัย เบื้องต้นคาดเป็นกลุ่มคนร้ายที่เคลื่อนไหวในพื้นที่ เพื่อสร้างสถานการณ์ เมื่อคืนนี้ เวลาประมาณ 19.40 น. ศูนย์วิทยุ สภ.กรงปินัง จ.ยะลา รับแจ้งว่ามีคนร้ายไม่ทราบกลุ่มและจำนวนใช้อาวุธปืนไม่ทราบชนิดและขนาด ก่อเหตุซุ่มยิงเจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.กรงปินัง ขณะออกปฏิบัติหน้าที่ดูแลความสงบเรียบร้อยในเขตพื้นที่รับผิดชอบ เหตุเกิดบริเวณหน้าร้านสะดวกซื้อ ใกล้กับบริเวณสามแยกทางเข้าที่ว่าการอำเภอกรงปินัง หมู่ที่ 7 ต.กรงปินัง อ.กรงปินัง จ.ยะลา เบื้องต้นมีตำรวจรวจได้รับบาดเจ็บสาหัส 1 นาย ทราบชื่อ ส.ต.ท.ธัญเทพ สิกขาจารย์ ผบ.หมู่ (ป) ปฏิบัติหน้า จราจร สภ.กรงปินัง จ.ยะลา ถูกยิงด้วยอาวุธปืนไม่ทราบขนาดและชนิด บริเวณศีรษะ 1 นัด อาการสาหัส ก่อนเสียชีวิต ขณะนำตัวส่งห้องฉุกเฉินโรงพยาบาลกรงปินัง จากการสอบสวนเบื้องต้นทราบว่าก่อนเกิดเหตุเจ้าหน้าที่ตำรวจ จำนวน 2 นาย เข้าไปตรวจตราดูแลความสงบเรียบร้อยภายในร้านสะดวกซื้อตามปกติ หลังจากปฏิบัติหน้าที่เสร็จสิ้น เมื่อเดินออกจากร้าน ได้มีคนร้ายไม่ทราบกลุ่มและจำนวนคาดว่าอยู่ตรงข้ามจุดเกิดเหตุได้ใช้อาวุธปืนไม่ทราบชนิดและขนาดซุ่มยิง จำนวน 1 […]

กรมอุตุฯ เตือน 4 ภาครับมือฝนถล่ม ระวังน้ำท่วม-น้ำป่าไหลหลาก

กทม. 6 ก.ค.- กรมอุตุฯ เผยประเทศไทยยังมีฝนฟ้าคะนอง เตือน “เหนือ อีสาน ตะวันออก ใต้” รับมือฝนตกหนัก อาจเกิดน้ำท่วมฉับพลัน น้ำป่าไหลหลาก กรมอุตุนิยมวิทยาเผยภาคเหนือ ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ภาคตะวันออก และภาคใต้มีฝนตกหนักบางแห่ง ขอให้ประชาชนในบริเวณจังหวัดภาคเหนือ ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ภาคตะวันออก และภาคใต้ ระวังอันตรายจากฝนตกหนักและฝนที่ตกสะสม ซึ่งอาจทำให้เกิดน้ำท่วมฉับพลันน้ำป่าไหลหลาก โดยเฉพาะพื้นที่ลาดเชิงเขาใกล้ทางน้ำไหลผ่านและพื้นที่ลุ่ม ทั้งนี้เนื่องจากมีหย่อมความกดอากาศต่ำปกคลุมบริเวณประเทศเมียนมาตอนบนและลาวตอนบน ประกอบกับมรสุมตะวันตกเฉียงใต้กำลังปานกลางยังคงพัดปกคลุมทะเลอันดามัน ประเทศไทย และอ่าวไทย สำหรับคลื่นลมบริเวณทะเลอันดามันและอ่าวไทยมีกำลังปานกลาง โดยทะเลอันดามันตอนบนมีคลื่นสูงประมาณ 2 เมตร ส่วนทะเลอันดามันตอนล่างและอ่าวไทยตอนบนมีคลื่นสูง 1-2 เมตร บริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองคลื่นสูงมากกว่า 2 เมตร ขอให้ชาวเรือบริเวณทะเลอันดามันและอ่าวไทยเดินเรือด้วยความระมัดระวัง และหลีกเลี่ยงการเดินเรือในบริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองไว้ด้วย อนึ่ง พายุโซนร้อน “ดานัส” บริเวณทะเลจีนใต้ตอนบน คาดว่าจะเคลื่อนเข้าใกล้ไต้หวัน ในช่วงวันที่ 6–7 กรกฎาคม 2568 โดยไม่ส่งผลกระทบโดยตรงต่อลักษณะอากาศของประเทศไทย แต่จะทำให้มรสุมตะวันตกเฉียงใต้ที่ปกคลุมประเทศไทยมีกำลังแรงขึ้น โดยพายุนี้ไม่เคลื่อนเข้าสู่ประเทศไทย – สำนักข่าวไทย