ออสเตรเลีย

สิงคโปร์ 6 มิ.ย. – กระทรวงสาธารณสุขของสิงคโปร์เผยวันนี้ว่า นักท่องเที่ยวที่เดินทางจากสเปน แวะเปลี่ยนเครื่องบินที่สิงคโปร์ และเดินทางต่อไปยังออสเตรเลียเมื่อสัปดาห์ก่อนมีผลตรวจติดโรคฝีดาษลิงหลังเดินทางถึงออสเตรเลีย กระทรวงสาธารณสุขสิงคโปร์ระบุว่า นักท่องเที่ยวรายนี้เดินทางจากเมืองบาร์เซโลนาของสเปนเมื่อวันที่ 1 มิถุนายน และแวะเปลี่ยนเครื่องที่ท่าอากาศยานชางงีของสิงคโปร์เมื่อวันที่ 2 มิถุนายน เขาได้ใช้เวลาอยู่ในจุดพักเปลี่ยนเครื่องในสนามบินชางงีเป็นช่วงเวลาหนึ่งจนกระทั่งขึ้นเครื่องบินออกเดินทางไปยังนครซิดนีย์ของออสเตรเลียในวันเดียวกัน อย่างไรก็ดี เมื่อนักท่องเที่ยวรายนี้เดินทางถึงนครซิดนีย์ในวันที่ 3 มิถุนายน เขามีผลตรวจติดโรคฝีดาษลิง กระทรวงสาธารณสุขสิงคโปร์ยังระบุว่า นักท่องเที่ยวคนดังกล่าวอยู่แต่ในจุดพักเปลี่ยนเครื่อง ไม่ได้เดินทางเข้าสิงคโปร์ หรือมีปฏิสัมพันธ์กับผู้คนในชุมชน จึงยังไม่มีความเสี่ยงที่จะเกิดการแพร่ระบาดของโรคฝีดาษลิงในสิงคโปร์อย่างมีนัยสำคัญ อย่างไรก็ดี ทางการสิงคโปร์ได้เร่งติดตามผู้ที่มีประวัติสัมผัสใกล้ชิดนักท่องเที่ยวคนดังกล่าวใน 2 เที่ยวบิน รวมถึงผู้ที่อาจมีปฏิสัมพันธ์กับนักท่องเที่ยวคนนี้ที่จุดพักเปลี่ยนเครื่อง ผลการประเมินไม่พบผู้มีประวัติสัมผัสใกล้ชิด จึงไม่จำเป็นต้องมีการกักโรคเพื่อดูอาการ แต่ได้ให้นักเดินทาง 13 คนที่เข้าข่ายมีปฏิสัมพันธ์เข้าสู่กระบวนการเฝ้าระวังโรคผ่านทางโทรศัพท์เป็นเวลา 21 วัน ทางการจะโทรศัพท์ติดตามสถานะด้านสุขภาพทุกวันจนกว่าจะครบกำหนด. -สำนักข่าวไทย

หลายพื้นที่ทางฝั่งตะวันออกของออสเตรเลียได้ต้อนรับหิมะแรกของฤดูหนาวในวันนี้ ท่ามกลางสภาพอากาศหนาวเย็นที่เกิดขึ้นมาหลายวัน

กลุ่มจตุภาคีหรือควอด (Quad) ที่ประกอบด้วยอินเดีย สหรัฐ ญี่ปุ่น และออสเตรเลีย ประกาศวันนี้ว่าจะยืนเคียงข้างกันเพื่อผลักดันให้ภูมิภาคอินโด-แปซิฟิก เป็นพื้นที่ที่เสรีและเปิดกว้าง

ซิดนีย์ 24 พ.ค.- รองนายกรัฐมนตรีริชาร์ด มาร์เลสของออสเตรเลียเผยว่า ความสัมพันธ์ของออสเตรเลียกับจีนยังคงเป็นเรื่องท้าทาย หลังจากมีข่าวว่านายกรัฐมนตรีจีนได้ส่งสารแสดงความยินดีกับรัฐบาลใหม่ออสเตรเลีย นายมาร์เลสให้สัมภาษณ์สถานีโทรทัศน์เอบีซีในวันนี้ว่า ในฐานะที่เป็นชาวออสเตรเลียคนหนึ่งเขาเข้าใจดีว่าความสัมพันธ์กับจีนมีความซับซ้อน แต่ขณะนี้จีนกำลังหาทางปรับเปลี่ยนโลกรอบตัวจีนให้เป็นไปในทิศทางที่ไม่เคยเห็นมาก่อน ทั้งหมดทั้งมวลทำให้หนทางข้างหน้าค่อนข้างมีความท้าทาย ส่วนเรื่องที่สำนักข่าวซินหัวของจีนรายงานเมื่อวันจันทร์ว่า นายกรัฐมนตรีหลี่ เค่อเฉียง ของจีนได้ส่งสารแสดงความยินดีกับนายแอนโทนี อัลบานีส หัวหน้าพรรคแรงงานที่ชนะเลือกตั้งและนำคณะรัฐมนตรีสาบานตนรับตำแหน่งเมื่อวันจันทร์นั้น นายมาร์เลสตอบว่า ไม่ทราบว่ามีเรื่องนี้เกิดขึ้น ด้านนายอัลบานีส นายกรัฐมนตรีคนที่ 31 ของออสเตรเลียกล่าวก่อนออกเดินทางไปร่วมการประชุมผู้นำกลุ่มภาคี 4 ฝ่าย หรือ ควอด (Quad) กับสหรัฐ ญี่ปุ่นและอินเดียที่กรุงโตเกียวของญี่ปุ่นว่า ความสัมพันธ์กับจีนยังคงเป็นเรื่องที่มีความยุ่งยาก ความสัมพันธ์ระหว่างออสเตรเลียกับจีนที่เป็นคู่ค้ารายใหญ่ที่สุดเสื่อมถอยลง เนื่องจากมีความขัดแย้งกันหลายเรื่อง ตั้งแต่การค้า ต้นตอเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 ไปจนถึงเรื่องที่ออสเตรเลียกล่าวหาจีนว่าแทรกแซงการเมืองออสเตรเลีย ทำให้ความสัมพันธ์ทางการทูตเย็นชามาร่วม 2 ปี ในสมัยรัฐบาลนายกรัฐมนตรีสกอตต์ มอร์ริสัน พรรคเสรีนิยมที่พ่ายการเลือกตั้งเมื่อวันเสาร์ที่ผ่านมา.-สำนักข่าวไทย

นายแอนโธนี อัลบานีส นายกรัฐมนตรีคนใหม่ของออสเตรเลียและคณะรัฐมนตรีอาวุโส เข้าพิธีสาบานตน

ซิดนีย์ 22 พ.ค.- พรรคฝ่ายค้านของออสเตรเลียมีแนวโน้มจะได้เป็นรัฐบาลเสียงน้อย หลังการเลือกตั้งทั่วไปเมื่อวานนี้ เนื่องจากผู้สมัครอิสระที่มุ่งชูเรื่องการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศได้รับเสียงสนับสนุนมากอย่างที่ไม่เคยปรากฏมาก่อน ปิดฉากรัฐบาลผสมสายอนุรักษ์นิยมที่บริหารประเทศมาร่วมทศวรรษ สถานีโทรทัศน์ในออสเตรเลียรายงานคาดการณ์ว่า พรรคแรงงานสายกลางซ้ายน่าจะได้ที่นั่งในสภาผู้แทนราษฎรขาดไป 4-5 ที่นั่ง ไม่ถึง 76 ที่นั่งที่ถือเป็นเสียงข้างจากทั้งหมด 151 ที่นั่ง และมีหลายเขตเลือกตั้งที่มีคะแนนสูสีจนยากจะชี้ขาดผู้แพ้ชนะได้ นายแอนโทนี อัลบานีส หัวหน้าพรรคแรงงานวัย 59 ปี จะขึ้นเป็นนายกรัฐมนตรีคนที่ 31 และนำพาพรรคกลับมาเป็นรัฐบาลครั้งแรกนับจากปี 2556 เขากล่าวประกาศชัยชนะเมื่อคืนที่ผ่านมาว่า จะสาบานตนในวันจันทร์พร้อมกับรัฐมนตรีหลายตำแหน่งเพื่อเดินทางไปประชุมกลุ่มควอด (Quad) ที่กรุงโตเกียวของญี่ปุ่นในวันอังคารกับผู้นำสหรัฐ ญี่ปุ่น และอินเดีย ด้านนายริชาร์ด มาร์เลส รองหัวหน้าพรรคแรงงานเผยกับสถานีโทรทัศน์เอบีซี (ABC) ในวันนี้ว่า กระบวนการนับคะแนนยังไม่แล้วเสร็จ พรรคจึงยังมีโอกาสที่จะได้เป็นรัฐบาลเสียงข้างมาก รอยเตอร์ระบุว่า ผลการเลือกตั้งอย่างเป็นทางการอาจต้องใช้เวลาหลายวัน ส่วนคะแนนที่ลงล่วงหน้าทางไปรษณีย์มากเป็นประวัติการณ์ถึง 2 ล้าน 7 แสนเสียงจะเริ่มการนับในบ่ายวันนี้ เร็วกว่าการเลือกตั้งที่แล้วมาถึง 2 วัน ขณะเดียวกันผู้สมัครอิสระที่หาเสียงเน้นเรื่องการลงมือเพื่อแก้ปัญหาการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศสามารถโค่นฐานเสียงเดิมของพรรคเสรีนิยมของนายกรัฐมนตรีสกอตต์ มอร์ริสันได้หลายเขต อีกทั้งยังสามารถแย่งคะแนนของพรรคแรงงานได้หลายเขตด้วย นายโจชัวหรือจอช ฟรายเดนเบิร์ก รัฐมนตรีคลังและรองหัวหน้าพรรคเสรีนิยมมีแนวโน้มจะเป็นหนึ่งในรัฐมนตรีที่แพ้เลือกตั้ง […]

ชาวออสเตรเลียออกไปใช้สิทธิลงคะแนนเสียงเลือกตั้งระดับชาติในวันนี้ โดยผลการหยั่งเสียงความคิดเห็นประชาชนแสดงให้เห็นว่า พรรคแรงงาน ซึ่งเป็นพรรคฝ่ายค้าน มีคะแนนนำพรรคอนุรักษ์นิยม ซึ่งเป็นแกนนำรัฐบาลผสมชุดปัจจุบันเพียงเล็กน้อย

ซิดนีย์ 20 พ.ค.- ผู้นำฝ่ายรัฐบาลและผู้นำฝ่ายค้านออสเตรเลียมุ่งหน้าหาเสียงวันนี้เป็นวันสุดท้าย หวังได้รับชัยชนะในการเลือกตั้งทั่วไปวันเสาร์นี้ ขณะที่ผลการหยั่งเสียงชี้ว่า ชาวออสเตรเลียอาจได้เปลี่ยนรัฐบาลหรือมีรัฐสภาที่ไม่มีพรรคใดครองเสียงข้างมาก นายกรัฐมนตรีสกอตต์ มอร์ริสัน หัวหน้าพรรคเสรีนิยม วัย 54 ปี และนายแอนโทนี อัลบานีส หัวหน้าพรรคแรงงาน วัย 59 ปี ใช้ช่วง 48 ชั่วโมงสุดท้ายของการหาเสียงนาน 6 สัปดาห์ชูตัวเองว่า จะสามารถบริหารจัดการเศรษฐกิจประเทศได้ดีที่สุด นายมอร์ริสันให้สัมภาษณ์สถานีโทรทัศน์เอบีซีนิวส์ในเช้าวันนี้ก่อนไปหาเสียงที่รัฐเวสเทิร์นออสเตรเลียว่า มั่นใจว่าจะชนะ เพราะได้แสดงผลงานตลอด 3 ปีที่ผ่านมาว่า สามารถบริหารจัดการการเงินของประเทศจนลดแรงกดดันเรื่องอัตราดอกเบี้ยและค่าครองชีพที่สูงขึ้น อีกทั้งยังทำให้อัตราว่างงานเดือนเมษายนเหลือเพียงร้อยละ 3.9 ต่ำที่สุดในรอบ 48 ปี ขณะที่นายอัลบานีสโจมตีรัฐบาลว่า ทำให้ชาวออสเตรเลียมีความยากลำบากในการหาเงินให้พอใช้จ่ายในชีวิตประจำวัน ค่าจ้างเพิ่มขึ้นเพียงร้อยละ 2.4 ต่ำที่สุดนับจากปี 2541 ไม่ทันเงินเฟ้อที่สูงถึงร้อยละ 5.1 เขาจะขึ้นค่าแรงขั้นต่ำหากได้รับเลือกตั้ง หนังสือพิมพ์ออสเตรเลียนไฟแนนเชียลรีวิวเผยแพร่ผลการหยั่งเสียงของอิปซอสว่า หากให้ผู้ตอบเลือกเพียง 2 พรรคที่ชอบมากที่สุด พรรคแรงงานมีคะแนนนิยมนำรัฐบาลผสมพรรคเสรีนิยมและพรรคแห่งชาติอยู่ร้อยละ 53 ต่อ 47 แต่หากรวมทุกพรรค พรรคแรงงานจะมีคะแนนนำรัฐบาลผสมลดลงเหลือร้อยละ […]

ซิดนีย์ 20 พ.ค.- ออสเตรเลียแจ้งพบผู้ป่วยโรคฝีดาษวานรหรือฝีดาษลิงรายแรกของประเทศ เป็นผู้ที่เพิ่งเดินทางกลับมาจากอังกฤษ และกำลังตรวจยืนยันผู้ต้องสงสัยติดเชื้ออีกรายหนึ่ง สำนักงานสาธารณสุขรัฐวิกตอเรีย ทางตะวันออกเฉียงใต้ของออสเตรเลียแถลงวันนี้ว่า ชายวัย 30 ปีเศษที่ตรวจพบว่าติดเชื้อ เดินทางจากอังกฤษกลับมาถึงนครเมลเบิร์น เมืองเอกของรัฐเมื่อวันจันทร์ ส่วนชายวัย 40 ปีเศษในนครซิดนีย์ รัฐนิวเซาท์เวลส์ ทางตะวันออกของออสเตรเลีย เป็นผู้ต้องสงสัยติดเชื้อและเพิ่งเดินทางกลับมาจากยุโรป ชายทั้งสองคนมีอาการเล็กน้อยเมื่อเดินทางกลับมา เป็นอาการที่สอดคล้องกับโรคฝีดาษลิง เจ้าหน้าที่สาธารณสุขรัฐนิวเซาท์เวลส์ให้ความมั่นใจกับชุมชนว่า โรคนี้ไม่ได้แพร่เชื้อแบบเดียวกับโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 หรือโควิด-19 หรือโรคไข้หวัดใหญ่ อย่างไรก็ดี เจ้าหน้าที่ได้ดำเนินมาตรการเพื่อค้นหาและดูแลผู้ป่วยที่อาจมีเพิ่มเติมแล้ว ด้วยการแจ้งให้แพทย์และโรงพยาบาลเพิ่มการเฝ้าระวัง ช่วงหลายสัปดาห์มานี้มีหลายประเทศที่ไม่เคยพบโรคฝีดาษลิงมาก่อนแจ้งว่าพบผู้ป่วยเป็นครั้งแรก เช่น อังกฤษ อิตาลี โปรตุเกส สเปน แคนาดา สหรัฐ ทั้งที่โรคนี้ส่วนใหญ่เกิดขึ้นในแอฟริกาตะวันตกและแอฟริกากลาง เกิดจากเชื้อไวรัสคล้ายกับโรคฝีดาษคน แต่มีอาการน้อยกว่า โดยพบผู้ป่วยครั้งแรกที่สาธารณรัฐประชาธิปไตยคองโกในช่วงคริสต์ทศวรรษหลังปี 1970 และพบผู้ป่วยในแอฟริกาตะวันตกมากขึ้นในช่วงทศวรรษที่ผ่านมา ผู้ป่วยจะมีไข้ ปวดศีรษะ มีผื่นขึ้นที่หน้าแล้วลามไปยังส่วนอื่น ๆ ของร่างกาย.-สำนักข่าวไทย

มะนิลา 17 พ.ค.- นายเฟอร์ดินันด์ มาร์กอส จูเนียร์ ที่ชนะการเลือกตั้งประธานาธิบดีฟิลิปปินส์เมื่อวันที่ 9 พฤษภาคม ถูกประท้วงขณะไปพักผ่อนที่ออสเตรเลีย โฆษกส่วนตัวแถลงที่กรุงมะนิลาว่า นายมาร์กอส จูเนียร์เดินทางไปพักผ่อนเป็นการส่วนตัวที่ออสเตรเลีย ในระหว่างนั้นได้รับโทรศัพท์แสดงความยินดีจากนายกรัฐมนตรีสกอตต์ มอร์ริสันของออสเตรเลียด้วย และมีกำหนดเดินทางกลับถึงกรุงมะนิลาในวันพฤหัสบดีนี้ ด้านสำนักข่าวรอยเตอร์รายงานว่า มีชาวฟิลิปปินส์กลุ่มเล็ก ๆ ไปรวมตัวประท้วงหน้าที่พักแห่งหนึ่งในนครเมลเบิร์น รัฐวิกตอเรีย พร้อมกับถือป้ายมีข้อความว่า “ไม่ต้อนรับคนหนีภาษี” และ “ไม่ต้อนรับทรราช” นายมาร์กอส จูเนียร์ วัย 64 ปี เป็นบุตรชายของเฟอร์ดินันด์ มาร์กอส อดีตประธานาธิบดีที่ปกครองฟิลิปปินส์แบบเผด็จการตั้งแต่ปี 2508 ถูกประชาชนลุกฮือโค่นล้มในปี 2529 ต้องลี้ภัยไปฮาวาย จนกระทั่งเสียชีวิตในปี 2532 หลังจากนั้นครอบครัวมาร์กอสได้กลับประเทศและเข้าสู่สนามการเมืองอีกครั้ง นายมาร์กอส จูเนียร์ได้รับชัยชนะในการเลือกตั้งประธานาธิบดีเมื่อสัปดาห์ก่อนด้วยคะแนนเกือบร้อยละ 59 และจะสาบานตนรับตำแหน่งในเดือนหน้า.-สำนักข่าวไทย