อพยพ

ไฟไหม้บ้านเรือนประชาชนอย่างน้อย 40 หลังคาเรือน บนเกาะท่องเที่ยวชื่อดังของฮอนดูรัส เจ้าหน้าที่อพยพประชาชนกว่า 400 คน ออกจากเกาะ

ประชากรส่วนใหญ่ในเมืองทานตะลานในรัฐชินของเมียนมา ซึ่งอยู่ติดชายแดนอินเดีย อพยพหนีภัยหลังจากอาคารต่าง ๆ เกิดเพลิงไหม้เสียหายจากกระสุนปืนใหญ่ท่ามกลางการสู้รบกันระหว่างกองกำลังที่ต่อต้านการปกครองของรัฐบาลทหารและกองทัพเมียนมา

วอชิงตัน 19 ก.ย.- กระทรวงความมั่นคงมาตุภูมิสหรัฐเตรียมใช้เครื่องบินหลายเที่ยวอพยพชาวเฮติอย่างเร็วที่สุดในวันอาทิตย์ตามเวลาสหรัฐ เพื่อสกัดไม่ให้ชาวเฮติหลั่งไหลมาปักหลักที่พรมแดนรัฐเทกซัส หวังเข้าสหรัฐ รัฐบาลสหรัฐแถลงว่า จะเร่งเนรเทศชาวเฮติกลับประเทศและไปประเทศที่ 3 ในช่วง 72 ชั่วโมงข้างหน้า แต่ไม่ได้ระบุรายละเอียดเรื่องจำนวนคนบนเที่ยวบินแต่ละเที่ยว หรือกระบวนการคัดกรองชาวเฮติก่อนเนรเทศ แต่ระบุว่า ชาวเฮติที่มีเด็กเล็กจะถูกเนรเทศด้วย มาตรการนี้หวังลดจำนวนชาวเฮติที่ปักหลักแออัดบริเวณพรมแดนในเมืองเดลรีโอ ทางใต้ของรัฐเทกซัส และสกัดไม่ให้ชาวเฮติเดินทางมาสมทบเพิ่มเติม หวังเข้าสหรัฐอย่างผิดกฎหมาย นายบรูโน โลซาโน นายกเทศมนตรีเมืองเดลรีโอแจ้งว่า มีชาวเฮติปักหลักอยู่ใต้สะพานไม่ต่ำกว่า 14,000 คน กระทรวงความมั่นคงมาตุภูมิส่งกำลังเสริมเข้าไปช่วยดูแลอีก 400 คน และจะส่งไปเพิ่มอีกหากจำเป็น ด้านกลุ่มสิทธิมนุษยชนและสมาชิกพรรคเดโมแครตบางคนคัดค้านแผนการเนรเทศดังกล่าว ชาวเฮติหลั่งไหลเดินทางมายังพรมแดนสหรัฐด้านรัฐเทกซัส หลังจากนายอเลฮันโดร มายอร์กาส รัฐมนตรีกระทรวงความมั่นคงมาตุภูมิสหรัฐประกาศเมื่อเดือนพฤษภาคม เรื่องแผนการคุ้มครองเป็นการชั่วคราว 18 เดือนให้แก่ชาวเฮติที่อาศัยอยู่ในสหรัฐ เพราะสถานการณ์ในเฮติน่าเป็นห่วงอย่างยิ่ง ทั้งเรื่องความปลอดภัย ความไม่สงบในสังคม การละเมิดสิทธิมนุษยชน ความยากจน และการขาดแคลนปัจจัยพื้นฐานที่เลวร้ายลงอีกเพราะโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 หรือโควิด-19 ส่งผลให้ชาวเฮติที่มีคุณสมบัติและยื่นขอความคุ้มครองสามารถทำงานในสหรัฐโดยยังไม่ถูกเนรเทศ.-สำนักข่าวไทย

เที่ยวบินโดยสารเชิงพาณิชย์ระหว่างประเทศเที่ยวแรกภายใต้รัฐบาลใหม่ชั่วคราวของตาลีบัน ออกเดินทางจากสนามบินในกรุงคาบูล นครหลวงของอัฟกานิสถานแล้วเมื่อวานนี้ โดยมีผู้โดยสารเป็นชาวต่างชาติมากกว่า 100 คน รวมถึงพลเมืองอเมริกันบางส่วนที่ถูกทิ้งไว้หลังการใช้เครื่องบินอพยพชาวตะวันตกกันอย่างโกลาหลเมื่อเดือนที่แล้ว

เจ้าหน้าที่สหรัฐกล่าววันนี้ว่า ชาวอเมริกันและชาวต่างชาติอื่น ๆ ราว 200 คน ที่ยังคงอยู่ในอัฟกานิสถาน เตรียมออกเดินทางจากอัฟกานิสถานด้วยเครื่องบินเช่าเหมาลำจากกรุงคาบูลในวันนี้ตามเวลาท้องถิ่น หลังจากรัฐบาลชั่วคราวของตาลีบัน ตกลงให้คนเหล่านี้อพยพได้

เครื่องบินกองทัพญี่ปุ่นซึ่งถูกส่งไปอพยพพลเรือนออกจากอัฟกานิสถานกลับถึงฐานทัพอากาศอิรุมะ ในญี่ปุ่นแล้ว วันนี้

กลุ่มนักรบของตาลีบัน เข้าควบคุมสนามบินในกรุงคาบูล นครหลวงของอัฟกานิสถานเมื่อตอนรุ่งเช้าวันนี้ หลังจากสหรัฐถอนกำลังทหารอเมริกันชุดสุดท้ายออกจากอัฟกานิสถาน ซึ่งเป็นการสิ้นสุดการทำสงครามยืดเยื้อมาเป็นเวลา 20 ปี ที่จบลงด้วยกลุ่มตาลีบัน กลับมาครองอำนาจและดูจะแข็งแกร่งกว่าเมื่อปี 2001

วอชิงตัน 29 ส.ค.- ชาวอเมริกันจำนวนมากรีบอพยพ ขณะที่เฮอริเคนไอดา (Ida) ทวีกำลังนอกชายฝั่งอ่าวเม็กซิโก และคาดว่าจะขึ้นฝั่งเป็นระดับ 4 ที่อันตรายอย่างยิ่ง ประธานาธิบดีโจ ไบเดนรับปากจัดสรรความช่วยเหลือทันทีที่เฮอริเคนพัดผ่านไปแล้ว นักอุตุนิยมวิทยาพยากรณ์ว่า เฮอริเคนไอดาอาจขึ้นฝั่งในคืนวันอาทิตย์ตามเวลาท้องถิ่น และจะทำให้มีลมพัดแรงถึง 225 กิโลเมตรต่อชั่วโมง ฝนตกหนัก และคลื่นสูงในทะเลที่อาจไหลเข้าไปท่วมพื้นที่ริมฝั่งรัฐลุยเซียนา ศูนย์เฮอริเคนแห่งชาติแจ้งว่า เมื่อคืนวันเสาร์ตามเวลาท้องถิ่น เฮอริเคนไอดาอยู่ห่างปากแม่น้ำมิสซิสซิปปีไปทางตะวันออกเฉียงใต้ 320 กิโลเมตร มีความเร็วลมสูงสุด 169 กิโลเมตรต่อชั่วโมง กำลังมุ่งหน้ามายังชายฝั่งรัฐลุยเซียนา อาจทำให้เกิดคลื่นพายุซัดฝั่งหรือสตอร์มเซิร์จสูง 3-4.5 เมตร บริเวณปากแม่น้ำมิสซิสซิปปี ทางการสั่งอพยพคนตามพื้นที่ลุ่มต่ำและชายฝั่งเป็นวงกว้าง ส่งผลให้การจราจรติดขัดบนทางหลวง สถานีบริการน้ำมันบางแห่งน้ำมันหมดเพราะคนแห่เติมล่วงหน้า ประธานาธิบดีไบเดนแถลงข่าวพร้อมกับเจ้าหน้าที่สำนักงานจัดการเหตุฉุกเฉินแห่งชาติว่า ทีมเจ้าหน้าที่ 500 คนลงพื้นที่ไปรับมือพายุในรัฐลุยเซียนาและเทกซัสแล้ว และได้ประสานงานกับบริษัทไฟฟ้าเรื่องทำให้ประชาชนมีไฟฟ้าใช้โดยเร็วที่สุดหลังพายุพัดผ่านไปแล้ว ด้านนายจอห์น เบล เอ็ดเวิร์ดส ผู้ว่าการรัฐลุยเซียนาระบุว่า สถานการณ์ร้ายแรงมาก เพราะอาจเป็นเฮอริเคนรุนแรงที่สุดของรัฐนับตั้งแต่คริสต์ทศวรรษหลังปี 1850 ขณะนี้ยังไม่มีแผนอพยพคนในโรงพยาบาลที่เต็มไปด้วยผู้ติดโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 หรือโควิด-19 ราว 2,700 คน แต่ได้แจ้งให้โรงพยาบาลตระเตรียมเรื่องไฟฟ้า น้ำ […]

เวียนนา 22 ส.ค.- นายกรัฐมนตรีเซบาสเตียน คุร์ซ ของออสเตรียยืนยันว่า จะไม่รับชาวอัฟกันอพยพเข้าประเทศตราบใดที่เขายังเป็นผู้นำประเทศ ผู้นำสายอนุรักษ์นิยมวัย 34 ปี ชูนโยบายแข็งกร้าวต่อการอพยพ จนชนะเลือกตั้งมา 2 สมัยตั้งแต่ปลายปี 2560 เขาให้สัมภาษณ์สถานีโทรทัศน์ในประเทศ ซึ่งเผยแพร่บทสัมภาษณ์บางส่วนก่อนออกอากาศเต็มในวันนี้ว่า เขาคัดค้านอย่างชัดเจนอยู่แล้วเรื่องเปิดประเทศรับผู้อพยพอีก เรื่องนี้จะไม่มีวันเกิดขึ้นตราบใดที่เขายังเป็นนายกรัฐมนตรี ออสเตรียรับผู้อพยพเข้าประเทศในสัดส่วนที่มากอย่างไม่เหมาะสมอยู่แล้ว ทั้งผู้ลี้ภัย (refugee) และผู้แสวงหาที่ลี้ภัย (asylum seeker) ชาวอัฟกัน เขาเห็นว่า ผู้ที่กำลังเดินทางออกจากอัฟกานิสถานควรอยู่ในภูมิภาคมากกว่า พร้อมกับอ้างข้อมูลที่ตรงกับสำนักงานข้าหลวงใหญ่ผู้ลี้ภัยแห่งสหประชาชาติ (UNHCR) ว่าประเทศเพื่อนบ้านอัฟกานิสถานอย่างเติร์กเมนิสถานและอุซเบกิสถานรับผู้ลี้ภัยชาวอัฟกันเพียง 14 และ 13 คนเท่านั้น ออสเตรียรับผู้แสวงหาที่ลี้ภัยคิดเป็นสัดส่วนมากกว่าร้อยละ 1 ของประชากรทั้งประเทศ ในช่วงที่ยุโรปเกิดวิกฤตผู้อพยพในปี 2558-2559 ข้อมูลปี 2563 ของ UNHCR ระบุว่า ออสเตรียมีผู้ลี้ภัยชาวอัฟกันมากกว่า 40,000 คน มากเป็นอันดับสองของยุโรปรองจากเยอรมนีที่มีมากถึง 148,000 คน แต่ออสเตรียมีประชากรน้อยกว่าเยอรมนีถึง 9 เท่า.-สำนักข่าวไทย