ชัวร์ก่อนแชร์: อาการข้างเคียงของวัคซีนที่พบบ่อยที่สุดคือ “อัมพาต” จริงหรือ?

18 สิงหาคม 2564ตรวจสอบข้อเท็จจริงโดย: Vox Ukraine (ยูเครน)แปลและเรียบเรียงบทความโดย: พีรพล อนุตรโสตถิ์, อดิศร สุขสมอรรถ ประเภทข่าวปลอม: ทำให้เข้าใจผิด บทสรุป: VICP ระบุว่าอาการข้างเคียงจากวัคซีนที่พบมากที่สุดคือการเจ็บบริเวณที่ฉีดวัคซีนที่ 60% อาการอัมพาตจากวัคซีนพบได้ส่วนน้อย VICP ยืนยันว่าครึ่งหนึ่งของการจ่ายค่าชดเชยผลกระทบจากวัคซีน มีการพิสูจน์ในภายหลังว่าสาเหตุไม่ได้มาจากวัคซีน ข้อมูลที่ถูกแชร์: เป็นข้อกล่าวอ้างที่เผยแพร่ผ่านทาง Facebook ของผู้มีแนวคิดต่อต้านวัคซีนในประเทศยูเครน โดยอ้างว่าอาการข้างเคียงของวัคซีนที่พบบ่อยที่สุดได้แก่อาการอัมพาต ทั้งจากโรคไขสันหลังอักเสบ, กล้ามเนื้ออัมพาตเฉียบพลัน และอาการแขนขาอ่อนแรงเฉียบพลัน พร้อมอ้างว่ารัฐบาลสหรัฐอเมริกาต้องจ่ายเงินชดเชยให้กับผู้ป่วยอัมพาตจากวัคซีนปีละหลายร้อยคน FACT CHECK: ตรวจสอบข้อเท็จจริง: การตรวจสอบของ Vox Ukraine พบว่าข้อกล่าวอ้างดังกล่าวถูกนำมาเผยแพร่ในช่วงที่ผู้หญิงในกรุงเคียฟรายหนึ่งเกิดอาการอัมพาตหลังจากฉีดวัคซันโควิด 19 โครงการชดเชยการบาดเจ็บจากวัคซีนแห่งชาติสหรัฐ (VICP) จัดตั้งเมื่อปี 1988 เพื่อเยียวยาผู้มีอาการข้างเคียงจากวัคซีน ระหว่างปี 2006 ถึง 2019 มีการฉีดวัคซีนให้กับชาวอเมริกันมากกว่า 4 พันล้านโดส โดยช่วงเวลาดังกล่าวมีการพิจารณาคดีเงินชดเชยจากการฉีดวัคซีน 8,161 คดี และมีการจ่ายเงินชดเชยไปทั้งสิ้น 5,755 ครั้ง […]

เผยสหรัฐวางแผนเริ่มฉีดวัคซีนบูสเตอร์โดสเดือนหน้า

รัฐบาลของประธานาธิบดีโจ ไบเดน ของสหรัฐมีแผนการที่จะเริ่มการฉีดวัคซีนป้องการการติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 บูสเตอร์โดส หรือ วัคซีนเข็มกระตุ้นภูมิคุ้มกัน ในช่วงกลางเดือนหรือปลายเดือนกันยายนเป็นอย่างเร็วที่สุด โดยรอการอนุมัติจากสำนักงานอาหารและยา หรือ เอฟดีเอ ของสหรัฐ

ชัวร์ก่อนแชร์: โปรตีนหนามจากวัคซีนเป็นอันตรายและปนเปื้อนในน้ำนมแม่ จริงหรือ?

16 สิงหาคม 2564ตรวจสอบข้อเท็จจริงโดย: Myth Detector (จอร์เจีย)แปลและเรียบเรียงบทความโดย: พีรพล อนุตรโสตถิ์, อดิศร สุขสมอรรถ ประเภทข่าวปลอม: ข้อมูลเท็จ บทสรุป: โปรตีนหนามจากวัคซีนโควิด 19 ส่วนใหญ่จะอยู่ที่กล้ามเนื้อต้นแขนที่ฉีดยา โปรตีนหนามพบในกระแสเลือดน้อยมากและไม่เป็นอันตรายต่ออวัยวะภายใน งานวิจัยไม่พบส่วนประกอบของวัคซีนปนเปื้อนในน้ำนมแม่ ข้อมูลที่ถูกแชร์: มีข้อมูลเท็จเผยแพร่บนสื่อสังคมออนไลน์ในประเทศจอร์เจีย โดยอ้างว่าโปรตีนหนามจากวัคซีนโควิด 19 เป็นอันตรายต่อร่างกายไม่ต่างจากโปรตีนหนามของไวรัสโควิด 19 สามารถก่อให้เกิดโรคกล้ามเนื้อหัวใจอักเสบและภาวะข้อต่ออักเสบ โปรตีนหนามเหล่านี้จะไม่อยู่เฉพาะบริเวณที่ฉีดยา แต่จะเข้าสู่กระแสเลือดและแพร่กระจายไปทั่วร่างกาย เข้าไปในเซลล์ไข่ทำให้ระบบสืบพันธุ์บกพร่อง และยังอยู่ในน้ำนมของแม่ที่ให้นมบุตรอีกด้วย FACT CHECK: ตรวจสอบข้อเท็จจริง: ข้ออ้างดังกล่าวมาจากความเห็นของ ไบแรม บรีเดิล นักวิทยาภูมิคุ้มกันชาวแคนาดา ที่ยกตัวอย่างผลการชันสูตรศพผู้ป่วยโควิด 19 จำนวน 13 ราย ซึ่งพบโปรตีนหนามของไวรัสโควิด 19 ในสมองของผู้เสียชีวิต รวมถึงการฉีดโปรตีนหนามของไวรัสโควิด 19 ในสัตว์ทดลอง ก็พบว่าสมองและปอดของสัตว์ทดลองถูกทำลายด้วยเช่นกัน การตรวจสอบของ Myth Detector ระบุว่า ผลกระทบจากโปรตีนหนามของไวรัสโควิด 19 และโปรตีนหนามจากวัคซีนโควิด […]

มธ.ออกข้อบังคับมหาวิทยาลัย มีอำนาจจัดซื้อวัคซีนได้

นายกสภามหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ เห็นชอบให้ประกาศใช้ “ข้อบังคับมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ว่าด้วยการจัดการบริการทางการแพทย์และการสาธารณสุขในสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 พ.ศ.2564 มีอำนาจเท่า ราชวิทยาลัยจุฬาภรณ์ เอื้อจัดซื้อวัคซีนและเวชภัณฑ์ ได้

รพ.สนาม มธ. มีวัคซีนถึงแค่ 17 ส.ค.นี้

รพ.สนาม มธ. แจงมีวัคซีนถึงแค่ 17 ส.ค. ตอนนี้ต้องขอยืมวัคซีนจากวชิรพยาบาลมาฉีด 5,000 โดส จี้จังหวัดเร่งจัดสรร พร้อมเผยการฉีดเข็ม 3 ในบุคลากรด่านหน้า คืบมาก คาดฉีดครบทุกคน 18 ส.ค.นี้ ขณะกรมควบคุมโรค แจงจัดสรรวัคซีนให้ทุกจังหวัดตามปกติ 2 ล้านโดส

ชัวร์ก่อนแชร์: เด็กเสี่ยงหัวใจอักเสบจากวัคซีน mRNA มากกว่าตายจากโควิด จริงหรือ?

14 สิงหาคม 2564ตรวจสอบข้อเท็จจริงโดย: Science Feedback (สหรัฐอเมริกา)แปลและเรียบเรียงบทความโดย: พีรพล อนุตรโสตถิ์, อดิศร สุขสมอรรถ ประเภทข่าวปลอม: ทำให้เข้าใจผิด บทสรุป: หัวใจอักเสบในเด็กจากวัคซีน mRNA ยังอยู่ระหว่างสอบสวน อาการส่วนใหญ่ไม่รุนแรง การติดเชื้อโควิด 19 ทำให้หัวใจอักเสบได้เช่นกัน โควิด 19 อาจทำให้เกิดอาการอักเสบหลายระบบในเด็ก (MIS-C) ซึ่งมีความรุนแรงมาก ข้อมูลที่ถูกแชร์: มีข้อความโจมตีความปลอดภัยของวัคซีนโควิด 19 ชนิด mRNA เผยแพร่ผ่าน Twitter ในสหรัฐอเมริกา โดย เคลลี วิคตอรี แพทย์ชาวอเมริกันที่อ้างว่า ในจำนวนผู้รับวัคซีนโควิด 19 ทั้งหมดในสหรัฐฯ มีสัดส่วนเยาวชนอายุ 12 ถึง 24 ปีเพียงแค่ 8.8% แต่เยาวชนกลับเป็นกลุ่มที่ป่วยด้วยโรคหัวใจอักเสบหลังจากฉีดวัคซีนโควิด 19 ถึง 52.5% ทั้งๆ ที่โอกาสหายป่วยจากโควิด 19 ของเยาวชนสูงถึง 99.99% […]

สธ.เตรียมชงซื้อไฟเซอร์ 20 ล้านโดส เข้า ครม. 17 ส.ค.นี้

สธ.เตรียมชงซื้อวัคซีนไฟเซอร์ 20 ล้านโดส เข้า ครม. 17 ส.ค.นี้ คาดส่งเข้าไทย สัปดาห์ที่ 3 เดือน ก.ย. ย้ำทำความเข้าใจประชาชน เร่งแก้เฟคนิวส์ใน 24 ชม. ลั่นทำตามระเบียบ-กฎหมาย ไม่มีอะไรต้องกลัว

เกาหลีใต้ขอให้ประชาชนลดการเดินทางในช่วงวันหยุด

นายกรัฐมนตรีคิม บู-คยอม ของกาหลีใต้ เรียกร้องให้ชาวเกาหลีใต้ลดการเดินทางท่องเที่ยวในช่วงวันหยุดให้น้อยที่สุดและขอให้บริษัทต่างๆ แสดงความยืดหยุ่นผ่อนปรนให้พนักงานทำงานจากที่บ้านได้ ท่ามกลางการระบาดระลอก4 และการขาดแคลนวัคซีน

เอฟดีเอสหรัฐอนุมัติวัคซีนเข็ม 3 ให้ผู้ที่มีภาวะภูมิต่ำ

สำนักงานอาหารและยา หรือ เอฟดีเอ ของสหรัฐ อนุมัติการฉีดวัคซีนป้องกันการติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 ของไฟเซอร์ อิงค์และ โมเดอร์นา อิงค์ เข็มที่ 3 เพื่อเป็นเข็มกระตุ้น สำหรับผู้ที่มาภาวะภูมิคุ้มกันต่ำ

ชัวร์ก่อนแชร์: วัคซีน Pfizer ส่งผลกระทบต่อทารกในครรภ์ จริงหรือ?

13 สิงหาคม 2564ตรวจสอบข้อเท็จจริงโดย: Agencia Lupa (บราซิล)แปลและเรียบเรียงบทความโดย: พีรพล อนุตรโสตถิ์, อดิศร สุขสมอรรถ ประเภทข่าวปลอม: ข้อมูลเท็จ บทสรุป: บริษัท Pfizer ระบุว่าไม่พบปัญหาการตั้งครรภ์, ความผิดปกติของทารกแรกเกิด หรือปัญหาต่อระบบสืบพันธุ์ในอาสาสมัครที่เข้ารับการทดลองวัคซีนโควิด 19 ของ Pfizer แต่อย่างใด ข้อมูลที่ถูกแชร์: มีข้อมูลเท็จเผยแพร่ผ่านทาง WhatsApp ในประเทศบราซิล โดยอ้างว่าวัคซีนโควิด 19 ของบริษัท Pfizer ส่งผลเสียต่อทารกในครรภ์ ผู้โพสต์อ้างว่าข้อมูลดังกล่าวมีอยู่ในคู่มือการทดลองวัคซีนโควิด 19 ของบริษัท Pfizer โดยเนื้อหาโดยสรุปกล่าวถึงข้อแนะนำให้อาสาสมัครชายและหญิงงดเว้นจากการมีเพศสัมพันธ์เป็นเวลา 28 วันหลังจากรับวัคซีน เพื่อลดโอกาสการตั้งครรภ์ เนื่องจากทารกที่เกิดจากพ่อแม่ที่รหัสพันธุกรรมถูกดัดแปลงจากวัคซีนชนิด mRNA จะมีความผิดปกติตั้งแต่แรกเกิด FACT CHECK: ตรวจสอบข้อเท็จจริง: คู่มือการทดลองวัคซีนโควิด 19 ของบริษัท Pfizer ในหน้า 132 มีคำแนะนำให้อาสาสมัครชายหญิงงดเว้นจากการมีเพศสัมพันธ์เป็นเวลา 28 วันหลังจากรับวัคซีนจริง แต่ไม่มีข้อความไหนที่ระบุว่าทารกที่เกิดจากผู้รับวัคซีนจะมีความผิดปกติอย่างที่กล่าวอ้าง […]

ชาวมาเลเซียกังวลหลังเห็นคลิปคนแน่นศูนย์ฉีดวัคซีนโควิด

กัวลาลัมเปอร์ 12 ส.ค.- ชาวมาเลเซียกังวลและไม่พอใจ หลังจากเห็นคลิปผู้คนเข้าแถวอย่างเบียดเสียดหน้าศูนย์ฉีดวัคซีนป้องกันโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 หรือโควิด-19 แห่งหนึ่งในกรุงกัวลาลัมเปอร์ คลิปความยาว 7 นาทีที่มีผู้โพสต์ในอินสตาแกรมเมื่อวันที่ 11 สิงหาคม ดูเหมือนถ่ายจากหน้าศูนย์ฉีดวัคซีนที่โรงแรมแห่งหนึ่ง เห็นคนเข้าแถวยืนติดกันแบบไม่เว้นระยะห่าง ในคลิปเห็นชายคนหนึ่งจอดรถจักรยานยนต์ไว้ข้างทาง แล้วเดินไปตะโกนบอกให้คนเข้าแถวเว้นระยะห่าง พร้อมกับขอให้ตำรวจเข้าไปจัดระเบียบ และขอให้นายอัซมิน อาลี รัฐมนตรีอุตสาหกรรมและการค้าระหว่างทำอะไรสักอย่าง เพราะคนในแถวส่วนใหญ่ดูเหมือนเป็นแรงงานต่างชาติ ต่อมาเขาถูกตำรวจตำหนิที่จอดรถจักรยานยนต์เกะกะ จึงพูดกับคนถ่ายคลิปด้วยความคับแค้นใจและมีน้ำตาว่า ชาวบ้านกำลังจะตาย แต่ผู้มีอำนาจกลับไม่ทำอะไรเลย คลิปนี้มีคนดูกว่า 4 ล้านครั้ง มีคนแสดงความเห็นประมาณ 11,000 ความเห็น ส่วนใหญ่แสดงความเห็นสนับสนุนชายในคลิป ด้านรองนายกรัฐมนตรีอิสมาอิล ซาบรี ซาคอบสั่งการให้เจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องเข้าไปดูแลทันที เพื่อไม่ให้แรงงานต่างชาติเข้าแถวเบียดเสียดเช่นนี้อีก เพราะอาจทำให้เกิดการระบาดครั้งใหม่ได้ ขณะที่ตำรวจแถลงว่า ได้ส่งทีมไปควบคุมสถานการณ์ที่ศูนย์ฉีดวัคซีนดังกล่าวแล้ว ด้านโรงแรมที่เป็นเจ้าของสถานที่ชี้แจงว่า สาเหตุที่มีคนมาเข้าแถวหนาแน่นเพราะเข้าใจผิดคิดว่า ศูนย์นี้ให้บริการฉีดวัคซีนแก่ชาวต่างชาติที่ไม่ต้องลงทะเบียนล่วงหน้า มาเลเซียมีผู้ติดเชื้อรายใหม่ 20,780 คนเมื่อวันพุธ ทำให้ยอดติดเชื้อสะสมรวมกว่า 1 ล้าน 3 คนแล้ว มีผู้เสียชีวิตเพิ่ม 211 คน รวมเป็น […]

นิวซีแลนด์เล็งเปิดประเทศรับคนฉีดวัคซีนโควิด

เวลลิงตัน 12 ส.ค.- นิวซีแลนด์จะอนุญาตให้ผู้ฉีดวัคซีนป้องกันโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 หรือโควิด-19 จากประเทศที่มีความเสี่ยงต่ำ เข้าประเทศได้โดยไม่ต้องกักโรคตั้งแต่ต้นปีหน้า หวังเปิดพรมแดนอีกครั้งหลังจากปิดมานานเกือบ 18 เดือน นายกรัฐมนตรีจาซินดา อาร์เดิร์นของนิวซีแลนด์แถลงในวันนี้เรื่องแผนการเปิดประเทศว่า นิวซีแลนด์ยังไม่พร้อมเปิดเต็มตัว แต่จะทยอยเปิดตั้งแต่ต้นปีหน้า รัฐบาลจะพิจารณาเรื่องให้ผู้ฉีดวัคซีนแล้วที่มาจากประเทศมีความเสี่ยงต่ำเดินทางเข้าได้โดยไม่ตั้งกักโรคตั้งแต่ไตรมาสแรกของปี 2565 ผู้ฉีดวัคซีนแล้วที่มาจากประเทศมีความเสี่ยงปานกลางจะต้องกักโรคที่โรงแรมหรือที่พักไม่ถึง 14 วัน และผู้ที่ยังไม่ฉีดวัคซีนหรือมาจากประเทศมีความเสี่ยงสูงจะต้องกักโรค 14 วัน ส่วนในปีนี้รัฐบาลจะเปิดโครงการนำร่องให้ผู้ฉีดวัคซีนแล้วบางคนเข้าประเทศระหว่างเดือนตุลาคม-ธันวาคม โดยสามารถเดินทางและกักโรคเอง ณ ที่พัก ผู้นำนิวซีแลนด์เผยด้วยว่า จะคงยุทธศาสตร์ขจัดการระบาดที่ทำให้จนถึงขณะนี้มีผู้ติดเชื้อสะสมเพียง 2,500 คน เสียชีวิต 26 คน แต่ไม่ได้หมายความว่าจะใช้มาตรการปัจจุบันไปตลอดกาล และจะเร่งการฉีดวัคซีนให้ผู้เข้าเกณฑ์สามารถจองฉีดได้ภายในวันที่ 1 กันยายน รวมทั้งจะลดระยะห่างของการฉีด 2 เข็มลงเหลือ 6 สัปดาห์ เพื่อให้มีคนได้รับวัคซีนอย่างทั่วถึง เพราะชาวนิวซีแลนด์ 5 ล้านคนฉีดวัคซีนครบแล้วเพียงร้อยละ 21 เท่านั้น.-สำนักข่าวไทย

1 54 55 56 57 58 142
...