ซิดนีย์ 22 ส.ค.- นายกรัฐมนตรีสกอตต์ มอร์ริสันของออสเตรเลียยืนยันว่า จะใช้มาตรการล็อกดาวน์ป้องกันการระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 หรือโควิด-19 ต่อไป จนกว่าประชากรจะฉีดวัคซีนครบโดสแล้วอย่างน้อยร้อยละ 70
นายกรัฐมนตรีมอร์ริสันให้สัมภาษณ์รายการอินไซเดอร์ของสถานีโทรทัศน์เอบีซีวันนี้ว่า ไม่สามารถอยู่กับมาตรการล็อกดาวน์ไปได้ตลอดกาล เพราะถึงจุดหนึ่งจำเป็นต้องมีการเปลี่ยนแปลง นั่นคือเหตุผลที่รัฐบาลกลางวางยุทธศาสตร์ควบคุมการระบาดไว้ว่า จะล็อกดาวน์จนกว่าคนในประเทศฉีดวัคซีนครบโดสแล้วร้อยละ 70 และจะเริ่มทยอยเปิดประเทศอีกครั้งเมื่อตัวเลขดังกล่าวเพิ่มเป็นร้อยละ 80 เพราะคงเป็นไปไม่ได้ที่จะรอจนไม่มีผู้ติดเชื้อเลยจึงจะสามารถคลายล็อกดาวน์ได้ ซึ่งเป็นยุทธศาสตร์ที่ใช้เมื่อครั้งเกิดการระบาดใหม่ ๆ ข้อมูลของกระทรวงสาธารณสุขออสเตรเลียเมื่อวันเสาร์ระบุว่า คนอายุ 16 ปีขึ้นไปฉีดวัคซีนครบโดสแล้วเพียงร้อยละ 30 เท่านั้น เนื่องจากขาดแคลนวัคซีนไฟเซอร์
ขณะนี้ชาวออสเตรเลียราวร้อยละ 60 จากทั้งหมด 25 ล้านคนกำลังอยู่ภายใต้มาตรการล็อกดาวน์ที่ขอให้อยู่แต่ในบ้าน ตำรวจรัฐนิวเซาท์เวลส์ที่มีประชากรมากที่สุดในประเทศเผยว่า ช่วง 24 ชั่วโมงมานี้ได้สั่งปรับผู้ฝ่าฝืนมาตรการสาธารณสุขไปแล้ว 940 ราย ขณะที่มีข่าวว่า ประชาชนหลายร้อยคนไปชุมนุมประท้วงมาตรการจำกัดที่พรมแดนด้านติดกับรัฐควีนส์แลนด์ในวันนี้ หลังจากเมื่อวานนี้ตำรวจจับกุมผู้ประท้วงในนครซิดนีย์และเมืองเมลเบิร์นไปหลายร้อยคน
วันนี้รัฐนิวเซาท์เวลส์มีผู้ติดเชื้อรายใหม่ 830 คน รัฐวิกตอเรียมีผู้ติดเชื้อในชุมชนรายใหม่ 65 คน ส่วนดินแดนเมืองหลวงมีผู้ติดเชื้อรายใหม่ 19 คน ทำให้ยอดติดเชื้อสะสมทั้งประเทศเพิ่มเป็นกว่า 44,000 คน เสียชีวิต 981 คน กำลังรับการรักษากว่า 11,400 คน และอาการหนัก 90 คน.-สำนักข่าวไทย