
ดูเตอร์เตจะลงเลือกตั้งปีหน้า แต่จะไม่แข่งกับบุตรสาว
โฆษกส่วนตัวประธานาธิบดีโรดริโก ดูเตอร์เตของฟิลิปปินส์เผยว่า ผู้นำฟิลิปปินส์จะลงสมัครรับเลือกตั้งที่จะมีขึ้นในปีหน้า แต่จะไม่แข่งกับบุตรสาวที่ลงสมัครชิงตำแหน่งรองประธานาธิบดี
โฆษกส่วนตัวประธานาธิบดีโรดริโก ดูเตอร์เตของฟิลิปปินส์เผยว่า ผู้นำฟิลิปปินส์จะลงสมัครรับเลือกตั้งที่จะมีขึ้นในปีหน้า แต่จะไม่แข่งกับบุตรสาวที่ลงสมัครชิงตำแหน่งรองประธานาธิบดี
นางซารา ดูเตอร์เต-การ์ปิโอ บุตรคนรองที่เป็นบุตรสาวคนเดียวของประธานาธิบดีโรดริโก ดูเตอร์โต ของฟิลิปปินส์ โพสต์คลิปชี้แจงเหตุผลที่ลงสมัครรับเลือกตั้งชิงตำแหน่งรองประธานาธิบดี หลังจากที่เธอไม่ลงสมัครชิงตำแหน่งประธานาธิบดี
คณะกรรมาธิการการเลือกตั้งของฟิลิปปินส์ หรือ โคมิเลก เปิดเผยวันนี้ว่า บุตรสาวของประธานาธิบดีโรดริโก ดูเตอร์เต ได้ยี่นใบสมัครเพื่อลงเลือกตั้งชิงตำแหน่งรองประธานาธิบดี ซึ่งเป็นการยุติการคาดเดากันมายาวนานหลายเดือนเกี่ยวกับแผนการของเธอในการเลือกตั้งในปีหน้า
ประธานาธิบดีโรดริโก ดูเตอร์เตของฟิลิปปินส์กล่าวว่า จะลงโทษเจ้าหน้าที่รัฐบาลท้องถิ่นที่ฉีดวัคซีนป้องกันโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 หรือโควิด-19 ไม่ได้ตามเป้าหมาย ในขณะที่ฟิลิปปินส์เตรียมจะเปิดประเทศ
กลุ่มอนุรักษ์สิ่งแวดล้อมในฟิลิปปินส์หาทางแก้ไขวิกฤตขยะพลาสติกในประเทศ ด้วยการนำขยะที่ไปปิดกั้นทางน้ำและเกลื่อนชายหาดเหล่านี้ไปทำเป็นวัสดุก่อสร้าง
มะนิลา 14 ต.ค. – ฟิลิปปินส์ระบุวันนี้ว่า มีผู้เสียชีวิตเพิ่มเป็นอย่างน้อย 19 รายจากเหตุพายุโซนร้อน “คมปาซุ” กำลังแรง ที่พัดผ่านฟิลิปปินส์ในช่วงสัปดาห์นี้ ซึ่งทำให้เกิดดินถล่มและน้ำท่วมฉับพลันทั่วประเทศ โดยคาดว่าปริมาณน้ำฝนที่เพิ่มสูงขึ้นอย่างมากมีความเชื่อมโยงกับการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ โฆษกสำนักงานภัยพิบัติแห่งชาติของฟิลิปปินส์เผยว่า พายุคมปาซุทำให้ฟิลิปปินส์มีปริมาณน้ำฝนที่ตกในช่วง 2 วันที่ผ่านสูงกว่าปริมาณมาณน้ำฝนรายเดือนในขณะที่พายุดังกล่าวกำลังเคลื่อนตัวผ่านฟิลิปปินส์ในสัปดาห์นี้ และยังทำให้มีฝนตกหนักกว่าในช่วงที่ฟิลิปปินส์ต้องเผชิญกับพายุไต้ฝุ่นเกดสะหนา หรือที่ชาวฟิลิปปินส์รู้จักกันในชื่อ พายุโซนร้อนโอนโดย ที่พัดถล่มฟิลิปปินส์ในปี 2552 และทำให้มีผู้เสียชีวิตหลายร้อยราย ทั้งนี้ หลายจังหวัดบนเกาะลูซอน ซึ่งเป็นเกาะที่มีประชากรมากที่สุดของฟิลิปปินส์ เป็นพื้นที่ที่ได้รับผลกระทบจากพายุดังกล่าวมากที่สุด มีพื้นที่เกษตรจำนวนมากและบ้านเรือนหลายร้อยหลังได้รับความเสียหายคิดเป็นมูลค่ารวมกว่า 1 พันล้านเปโซ (663 ล้านบาท) โฆษกคนนี้ระบุด้วยว่า พายุคมปาซุเป็นสิ่งที่พิสูจน์ให้เห็นถึงผลกระทบของการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศเกี่ยวกับอันตรายทางธรรมชาติที่เพิ่มมากขึ้น และทำให้ระบบจัดการภัยพิบัติของฟิลิปปินส์ต้องเผชิญกับความท้าทายที่เกิดขึ้นอย่างต่อเนื่อง รวมถึงการเตรียมพร้อมรับมือสถานการณ์ที่เลวร้ายที่สุดจากภัยธรรมชาติที่เกิดขึ้นทุกครั้ง เนื่องจากการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศจะเพิ่มความเสี่ยงและความรุนแรงของน้ำท่วมที่เกิดจากฝนตกหนัก.-สำนักข่าวไทย
มะนิลา 11 ต.ค.- โฆษกประธานาธิบดีโรดริโก ดูเตอร์เตของฟิลิปปินส์ระบุว่า การที่นักข่าวหญิงผู้มักวิจารณ์รัฐบาลได้รับรางวัลโนเบลสาขาสันติภาพประจำปีนี้ เป็นเครื่องพิสูจน์ว่า เสรีภาพสื่อมวลชนมีอยู่จริงในฟิลิปปินส์ โฆษกประธานาธิบดีดูเตอร์เตกล่าวในการแถลงข่าวตามปกติวันนี้ว่า ถือเป็นชัยชนะของสตรีฟิลิปปินส์ และเป็นเรื่องที่น่ายินดีอย่างยิ่ง เสรีภาพสื่อมวลชนในฟิลิปปินส์มีอยู่จริง ยืนยันได้จากการที่นางมาเรีย เรสซา ผู้ร่วมก่อตั้งเว็บไซต์ข่าวแร็ปเปลอร์ (Rappler) ได้รับการประกาศชื่อเมื่อวันที่ 8 ตุลาคมให้คว้ารางวัลโนเบลสาขาสันติภาพประจำปี 2564 ร่วมกับนายดมิทรี มูราตอฟ นักข่าวรัสเซียผู้ร่วมก่อตั้งหนังสือพิมพ์อิสระชื่อ โนวายา กาเซตา (Novaya Gazeta) เพราะทั้งคู่พยายามปกป้องเสรีภาพในการแสดงความคิดเห็น โฆษกประธานาธิบดีฟิลิปปินส์ยังได้ปฏิเสธเสียงครหาเรื่องรัฐบาลสร้างบรรยากาศความไม่แน่ใจและหวาดกลัวให้แก่องค์กรสื่อว่า ผู้ที่อ้างเช่นนั้นไม่ควรเป็นผู้สื่อข่าว และการที่นางเรสซาได้รับรางวัลโนเบลก็ไม่ใช่การตบหน้ารัฐบาล เพราะไม่เคยมีใครในฟิลิปปินส์ถูกเซ็นเซอร์ นางเรสซาเองต้องพิสูจน์ตัวเองในศาล รัฐบาลจะให้ศาลเป็นผู้ตัดสินชะตาของเธอ นางเรสซาวัย 58 ปี ซึ่งมีสัญชาติอเมริกันด้วย ให้สัมภาษณ์เอเอฟพีเมื่อวันเสาร์ว่า ยังต้องสู้คดีในศาลอีก 7 คดี หลังจากศาลยกฟ้องไปแล้ว 2 คดีเมื่อต้นปี เธอหวังว่า รางวัลโนเบลสันติภาพจะช่วยปกป้องเธอและผู้สื่อข่าวคนอื่น ๆ ในฟิลิปปินส์ไม่ให้ถูกทำร้ายร่างกายและข่มขู่ทางออนไลน์ นางเรสซาและเว็บไซต์แรปเปลอร์ถูกตั้งข้อหาอาญาและสอบสวนอย่างต่อเนื่อง นับตั้งแต่ประธานาธิบดีดูเตอร์เตรับตำแหน่งในปี 2559 เพราะมักวิจารณ์เรื่องการทำสงครามปราบปรามยาเสพติด ผู้นำฟิลิปปินส์ตราหน้าแรปเปลอร์ว่า เป็นองค์กรข่าวเท็จ.-สำนักข่าวไทย
บุตรชายที่ใช้ชื่อเดียวกับอดีตประธานาธิบดีเฟอร์ดินานด์ มาร์กอส ผู้นำเผด็จการของฟิลิปปินส์ ประกาศวันนี้ว่า เขาจะลงสมัครชิงตำแหน่งประธานาธิบดีฟิลิปปินส์ ที่จะมีการเลือกตั้งในปีหน้า
มะนิลา 3 ต.ค.- รองประธานาธิบดีเลนี โรเบรโดของฟิลิปปินส์ จะตัดสินใจภายในสัปดาห์นี้ว่า จะรับการเสนอชื่อเป็นตัวแทนฝ่ายค้านลงสมัครรับเลือกตั้งชิงตำแหน่งประธานาธิบดีในปีหน้าหรือไม่ หลังจากประธานาธิบดีโรดริโก ดูเตอร์เตประกาศว่าจะวางมือทางการเมือง โฆษกส่วนตัวรองประธานาธิบดีโรเบรโดเผยว่า เธอยังไม่ตัดสินใจในเรื่องนี้ และจะประกาศการตัดสินใจก่อนถึงเส้นตายยื่นใบสมัครรับเลือกตั้งในวันที่ 8 ตุลาคม โรเบรโด วัย 56 ปี มักวิจารณ์ประธานาธิบดีดูเตอร์เตเรื่องสงครามปราบปรามยาเสพติด เธอเป็นประธานพรรคเสรีนิยมที่เป็นพรรคฝ่ายค้านหลักของฟิลิปปินส์ ชนะเลือกเป็นรองประธานาธิบดีในปี 2559 ขณะที่ดูเตอร์เตเป็นประธานพรรคพีดีพี-ลาบันที่เป็นพรรครัฐบาล และชนะเลือกตั้งเป็นประธานาธิบดีในปีเดียวกัน มีแนวโน้มว่า โรเบรโดอาจเป็นตัวแทนฝ่ายค้านเพียงคนเดียวที่จะชิงตำแหน่งประธานาธิบดีในการเลือกตั้งเดือนพฤษภาคม 2565 ส่วนประธานาธิบดีดูเตอร์เตซึ่งห้ามลงเลือกตั้งประธานาธิบดีเป็นสมัยที่ 2 ตามข้อกำหนดในรัฐธรรมนูญ ประกาศในเดือนสิงหาคมว่า จะลงเลือกตั้งรองประธานาธิบดี อย่างไรก็ดี เขาประกาศกะทันหันเมื่อวันเสาร์ว่า จะวางมือทางการเมืองแต่นักวิเคราะห์ทางการเมืองยังไม่เชื่อใจ เพราะเคยประกาศลักษณะเดียวกันในเดือนกันยายน 2558 ว่า จะวางมือทางการเมือง หลังจากดำรงตำแหน่งนายกเทศมนตรีเมืองดาเวามา 3 สมัย ตั้งแต่ปี 2531-2541, 2544-2553 และ 2556-2559 แต่ก็ประกาศในอีก 2 เดือนถัดมาว่าจะลงเลือกตั้งประธานาธิบดี ผู้นำฟิลิปปินส์วัย 76 ปี ไม่ได้เสนอชื่อผู้สืบทอดทางการเมือง แต่บอกเป็นนัยว่า […]
ประธานาธิบดีโรดริโก ดูเตอร์เต ของฟิลิปปินส์กล่าววันนี้ว่า เขากำลังจากวางมือจากวงการการเมือง ซึ่งเป็นท่าที่สร้างความประหลาดใจอย่างยิ่งแต่ก็เป็นการเพิ่มกระแสการคาดเดาว่า เขากำลังเปิดทางให้บุตรสาวของเขาลงสมัครชิงตำแหน่งประธานาธิบดีสืบทอดต่อจากเขา
แมนนี ปาเกียว ยอดนักชกของฟิลิปปินส์ ซึ่งมีแผนการที่จะสมัครชิงตำแหน่งประธานาธิบดีฟิลิปปินส์ในการเลือกตั้งปีหน้า กล่าววันนี้ว่า เขาจะแขวนนวมเลิกชกมวยเพื่อมุ่งเน้นการต่อสู้ครั้งใหม่ที่ยิ่งใหญ่กว่าในอาชีพนักการเมือง
นายฟรานซิสโก โดมาโกโซ นายกเทศมนตรีกรุงมะนิลา กล่าววันนี้ว่า เขาจะลงสมัครรับเลือกตั้งเพื่อชิงตำแหน่งประธานาธิบดีฟิลิปปินส์ในปีหน้า