ไบเดนตำหนิทรัมป์หลังชนะคะแนนคณะผู้เลือกตั้ง

วิลมิงตัน 15 ธ.ค.- โจ ไบเดน ว่าที่ประธานาธิบดีคนที่ 46 ของสหรัฐตำหนิโดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีคนปัจจุบัน หลังจากคณะผู้เลือกตั้งลงคะแนนยืนยันให้เขาเป็นผู้ชนะเลือกตั้งว่า ประชาธิปไตยสหรัฐได้พิสูจน์ให้เห็นแล้วว่า สามารถกลับมาเหมือนเดิมแม้ต้องเผชิญกับการใช้อำนาจโดยมิชอบของทรัมป์ ไบเดนกล่าวที่เมืองวิลมิงตันที่เขาอาศัยอยู่ในรัฐเดลาแวร์วานนี้ตามเวลาสหรัฐว่า ประธานาธิบดีทรัมป์และพรรคพวกไม่เคารพเจตนารมณ์ของประชาชนและหลักนิติธรรม และไม่ให้เกียรติรัฐธรรมนูญ ซึ่งหมายถึงเรื่องที่พรรครีพับลิกันยื่นฟ้องโดยได้รับการสนับสนุนจากทรัมป์ให้ศาลพลิกผลคะแนนในหลายรัฐสำคัญ แต่ถูกศาลฎีกามีมติเอกฉันท์ไม่ยอมรับคำร้องเมื่อวันศุกร์ที่แล้ว ไบเดนถือโอกาสนี้ยกย่องผู้มีสิทธิเลือกตั้งที่ไปใช้สิทธิมากเป็นประวัติการณ์แม้กลัวโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 หรือโควิด-19 มีแรงกดดันทางการเมืองมหาศาล มีการพูดข่มขู่และขู่ทำร้ายร่างกาย ไฟแห่งประชาธิปไตยถูกจุดขึ้นในประเทศนี้มายาวนาน แม้โรคระบาดหรือการใช้อำนาจโดยมิชอบก็ไม่สามารถดับลงได้ ถึงเวลาที่สหรัฐซึ่งแตกแยกอย่างน่าขมขื่นต้องเริ่มต้นใหม่ เขาเชื่อว่าทุกคนสามารถทำงานร่วมกันเพื่อให้ประเทศดีขึ้นได้ ไบเดนกล่าวหลังจากได้เป็นผู้ชนะเลือกตั้งประธานาธิบดีอย่างเป็นทางการเมื่อคณะผู้เลือกตั้งใน 50 รัฐ และ 1 เขตปกครองพิเศษลงคะแนนในวันเดียวกัน เขาต้องการเพียง 270 คะแนนจากทั้งหมด 538 คะแนน แต่คะแนนที่นับแล้วจนถึงขณะนี้ชี้ว่าเขาใกล้จะทิ้งขาดทรัมป์ 306 ต่อ 232 คะแนน เมื่อรัฐแคลิฟอร์เนียที่มีคะแนนคณะผู้เลือกตั้งมากที่สุด 55 คะแนนลงคะแนนให้เขา ไบเดนมีกำหนดสาบานตนรับตำแหน่งในวันที่ 20 มกราคม.-สำนักข่าวไทย

นายกฯ ยืนยันไม่ประกาศใช้กฎอัยการศึก ดูแลชุมนุม

นายกฯ ชี้แจงนักลงทุนสหรัฐ การชุมนุมเป็นธรรมดาของประเทศระบอบประชาธิปไตย ยืนยันไม่ประกาศใช้กฎอัยการศึกดูแลการชุมนุม ระบุกฎหมายปกติยังดูแลได้

ไอลอว์แจงอยากเห็นประเทศไทยเป็นประชาธิปไตย

ไอลอว์” ชี้แจงหลักการร่างแก้ไข รธน. ยันเป็นร่างที่มาจากการหารือของประชาชน ที่ต้องการเห็นประเทศไทยเป็นประชาธิปไตยอย่างแท้จริง วอนสมาชิกรัฐสภา ให้ความสำคัญกับร่างของประชาชน

โอบามายอมรับผลเลือกตั้งชี้สหรัฐแตกแยกหนัก

นิวยอร์ก 16 พ.ย.- อดีตประธานาธิบดีบารัค โอบามาของสหรัฐยอมรับว่า การเลือกตั้งประธานาธิบดีที่ผ่านมาที่คู่ชิงทั้งสองคนได้คะแนนมากกว่า 70 ล้านคะแนน สะท้อนว่าสหรัฐยังมีความแตกแยกอย่างรุนแรง ประธานาธิบดีโอบามาวัย 59 ปี ให้สัมภาษณ์เกล คิง ผู้สื่อข่าวและพิธีกรหญิงของสถานีโทรทัศน์ซีบีเอส (CBS) ว่า ทัศนะการมองโลกอีกแบบที่ปรากฏในสื่อที่ผู้เลือกตั้งได้รับรู้มีน้ำหนักมากทีเดียว เขายอมรับว่ากังวล เพราะเป็นเรื่องยากที่ประชาธิปไตยจะทำหน้าที่ได้หากดำเนินการบนชุดข้อเท็จจริงที่แตกต่างกันอย่างสิ้นเชิง โอบามาชี้แจงเรื่องที่ช่วยหาเสียงเลือกตั้งอย่างแข็งขันให้โจ ไบเดน อดีตรองประธานาธิบดีจากพรรคเดียวกันว่า ปกติแล้วอดีตประธานาธิบดีจะไม่วิจารณ์ผู้สืบทอดตำแหน่งต่อที่สาธารณะ แต่การเลือกตั้งครั้งนี้ บรรทัดฐานและค่านิยมทางสถาบันบางอย่างที่มีความสำคัญอย่างยิ่งถูกละเมิด จึงจำเป็นที่เขาในฐานะที่เคยเป็นประธานาธิบดีมาก่อนจะต้องเปิดเผยให้ประชาชนรู้ เขาไม่ได้ต้องการออกมาแต่สถานการณ์ขณะนี้ไม่ใช่สถานการณ์ปกติ ส่วนในการให้สัมภาษณ์สกอตต์ เพลลี ผู้สื่อข่าวและพิธีกรอีกคนของซีบีเอส โอบามาตำหนิพรรครีพับลิกันที่สนับสนุนข้อกล่าวอ้างผิด ๆ ของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์เรื่องมีโกงเลือกตั้งว่า เป็นภัยต่อประชาธิปไตย เพราะหากลูกหลานเราพ่ายแพ้ในการแข่งขันใด ๆ ก็ตามแล้วกล่าวโทษอีกฝ่ายว่าโกงโดยไม่มีหลักฐาน เราย่อมต้องตำหนิและสั่งสอน นอกจากนี้ตำแหน่งประธานาธิบดียังเป็นอาชีพชั่วคราว เมื่อหมดวาระก็ต้องคิดถึงประเทศเป็นอันดับแรก มากกว่าอัตตา ผลประโยชน์ และความผิดหวังของตัวเอง ขอแนะนำประธานาธิบดีทรัมป์ให้ทำเช่นนั้น หากต้องการได้รับการจดจำในฐานะผู้คิดถึงประเทศก่อนตนเอง ประธานาธิบดีสหรัฐคนที่ 44 ให้สัมภาษณ์หลายครั้งก่อนเปิดตัว A Promised Land หนังสือบันทึกความทรงจำในวันที่ 17 […]

ประท้วงในไต้หวันเรียกร้องปล่อยตัวชาวฮ่องกง 12 คน

ประชาชนหลายร้อยคนชุมนุมประท้วงในเมืองไทเป ของไต้หวัน ในวันนี้ เพื่อเรียกร้องให้จีนปล่อยตัวชาวฮ่องกง 12 คน ที่ถูกจับกุมโดยเจ้าหน้าที่จีนขณะที่กำลังล่องเรือเพื่อรณรงค์สนับสนุนขบวนการประชาธิปไตยในฮ่องกง

ม็อบเผชิญหน้ากันใน ม.รามคำแหง

เกิดเหตุชุลมุนกันระหว่างการชุมนุมของ 2 กลุ่มภายในมหาวิทยาลัยรามคำแหง ก่อนเจ้าหน้าที่จะปิดประตูเข้าออก ขณะที่กลุ่มรามคำแหงเพื่อประชาธิปไตยยังคงปักหลักอยู่บริเวณหน้ามหาวิทยาลัย

จิตแพทย์ชี้ความเห็นต่างเป็นพื้นฐานประชาธิปไตย

จิตแพทย์ย้ำความเห็นต่างไม่ใช่อาชญากรรม แต่เป็นพื้นฐานของประชาธิปไตย และประชาธิปไตยที่แท้จริงต้องสามารถอดทนความเห็นต่างของฝ่ายตรงข้ามได้ ไม่แนะให้ใช้ความรุนแรงแก้ปัญหา เชื่อทั่วโลกจับตาการแสดงพลังเยาวชน ต้องรับฟังความเห็นต่างอย่างมีเหตุผล เพื่อเกิดการปรับปรุงเปลี่ยนในทางที่ดีขึ้น

แกนนำพรรคการเมืองร่วมวางพวงมาลารำลึก 14 ตุลา

แกนนำพรรคการเมืองร่วมวางพวงมาลารำลึก 14 ตุลา ขอให้ทุกคนผ่านความขัดแย้งด้วยสันติวิธี ใช้เหตุการณ์ปี 2516 เป็นบทเรียน

มกุฎราชกุมารใหม่คูเวตจะยึดมั่นประชาธิปไตย

คูเวตซิตี 8 ต.ค.- เชค เมชาล อัลอาหมัด อัลซาบาห์ มกุฎราชกุมารพระองค์ใหม่ของคูเวตทรงสาบานตนต่อรัฐสภาในวันนี้ รับปากจะยึดมั่นประชาธิปไตยและสันติภาพ พร้อมกับทรงขอให้ชาวคูเวตไม่ยอมรับความแตกแยก เชค เมชาล พระชนมพรรษา 79-80 พรรษา ทรงเป็นพระอนุชาต่างมารดาในสมเด็จพระราชาธิบดีเชค นาวาฟ อัลอาหมัด อัลจาเบอร์ อัลซาบาห์ พระชนมพรรษา 83 พรรษา ที่เพิ่งเสด็จขึ้นเป็นเจ้าผู้ครองรัฐคูเวตเมื่อวันที่ 29 กันยายน เนื่องจากเชค ซาบาห์ อัลอาหมัด อัลจาเบอร์ อัลซาบาห์ สวรรคตหลังครองบัลลังก์มาตั้งแต่ปี 2549 รัฐสภาลงมติรับรองมกุฎราชกุมารพระองค์ใหม่ด้วยมติเอกฉันท์ เป็นการสืบทอดตำแหน่งภายในราชวงศ์อย่างราบรื่นในขณะที่คูเวตกำลังเผชิญปัญหาสภาพคล่อง เพราะราคาน้ำมันตกต่ำ โรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 หรือโควิด-19 แพร่ระบาด และความตึงเครียดระหว่างซาอุดีอาระเบียกับอิหร่านที่ยังยืดเยื้อ มกุฎราชกุมารพระองค์ใหม่กล่าวทางโทรทัศน์ว่า คูเวตจะยึดมั่นในพันธกรณีต่อภูมิภาคและสากล จะยึดมั่นในแนวทางสันติและประชาธิปไตย จะให้ประชาชนมีส่วนร่วมมากขึ้น และจะส่งเสริมขันติเพื่อหลีกเลี่ยงความแตกแยก นักการทูตและนักวิเคราะห์คาดว่า สมเด็จพระราชาธิบดีเชค นาวาฟที่ทรงมีพระชนมพรรษามากและเก็บพระองค์อาจมอบหมายพระราชภารกิจสำคัญให้แก่มกุฎราชกุมารที่ทรงดำรงตำแหน่งด้านความมั่นคงมานาน คาดว่าทั้งสองพระองค์จะทรงสนพระทัยปัญหาในประเทศเป็นหลัก เพราะเตรียมจัดการเลือกตั้งสมาชิกสภาในปีนี้ ขณะที่รัฐบาลหาทางประคับประคองฐานะทางการเงิน ส่วนนโยบายน้ำมันและต่างประเทศคงจะสานต่อแนวทางสร้างความเป็นเอกภาพในภูมิภาคตามที่สมเด็จพระราชาธิบดีองค์ก่อนทรงวางไว้.-สำนักข่าวไทย

กกต.สร้างความเข้าใจระบอบปชต.ฯ

สำนักงาน กกต. 21 ก.ย.- กกต.ลงนามความร่วมมือกับกรมการพัฒนาชุมชน ผลักดันสร้างความรู้ความเข้าใจการปกครองระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์เป็นประมุขให้กับชาวบ้าน หวังเกิดศูนย์ส่งเสริมพัฒนาประชาธิปไตย

1 6 7 8 9 10 15
...