สธ.16 ต.ค.-จิตแพทย์ย้ำความเห็นต่างไม่ใช่อาชญากรรม แต่เป็นพื้นฐานของประชาธิปไตย และประชาธิปไตยที่แท้จริงต้องสามารถอดทนความเห็นต่างของฝ่ายตรงข้ามได้ ไม่แนะให้ใช้ความรุนแรงแก้ปัญหา เชื่อทั่วโลกจับตาการแสดงพลังเยาวชน ต้องรับฟังความเห็นต่างอย่างมีเหตุผล เพื่อเกิดการปรับปรุงเปลี่ยนในทางที่ดีขึ้น
นพ.ยงยุทธ วงศ์ภิรมย์ศานติ์ อดีตนายกสมาคมจิตแพทย์แห่งประเทศไทย กล่าวถึงกรณีการชุมนุมทางการเมืองและสร้างความปรองดองในสังคมไทย ว่า ต้องยอมรับว่าสังคมมีปัญหาพื้นฐานทั้งเศรษฐกิจ สังคมและการเมืองมาอย่างยาวนาน บางช่วงเวลาเกิดการขัดแย้ง การต่อต้าน แต่จริง ๆ แล้วเรื่องเหล่านี้แฝงไว้ด้วยโอกาส ไม่เคยมีสังคมใดในประเทศไหน ไม่เคยผ่านการเผชิญกับความขัดแย้ง ต้องถือบทเรียนนี้เป็นการเรียนรู้ในสังคม และจะต้องก้าวข้ามผ่านไปให้ได้ เพื่อให้บ้านเมืองเกิดการพัฒนาควบคู่กันไป
นพ.ยงยุทธ กล่าวว่า หัวใจสำคัญของการเปลี่ยนแปลงคือ1.ต้องเปิดรับฟังข้อมูลข่าวสารที่เป็นกลาง อาจต้องเน้นในสื่อสารหลัก ที่ปฏิบัติตามจรรยาบรรณวิชาชีพ นำข้อมูลของทั้ง 2 ฝ่ายมานำเสนอ ไม่นำเสนอข้างใดข้างหนึ่ง เพราะหากรับฟังข้อมูลฝ่ายตรงข้ามเพื่ออยากรู้ข้อมูล อาจทำให้เกิดแรงต้านคัดค้าน 2.ไม่ร่วมผลิตความเกลียดชัง ส่งต่อข้อความ ข่าวสารที่รุนแรง เพิ่มความเกลียดชังในสังคมไทย ความรุนแรงอันดับแรกที่พบ เป็นวาจา รองลงมากายกรรมและเมื่อมีการใช้ความรุนแรง หรือการทำร้ายกันเกิดขึ้น ความชอบธรรมทุกอย่างจะหมดไปเพราะความอดทนต่อความเห็นต่างถึงจะเป็นสัญลักษณ์ที่แท้จริงของระบอบประชาธิปไตย
นพ.ยงยุทธ ยังย้ำว่าความเห็นต่างไม่ใช่อาชญากรรมบรรยากาศการชุมนุมในขณะนี้มีแต่เยาวชนซึ่งขณะนี้สังคมทั่วโลกให้ความสำคัญกับการแสดงออกของคนรุ่นใหม่ และยอมรับไม่ได้กับความรุนแรงหากจะมีเกิดขึ้น ดังนั้น ต้องพยายามแก้ไขปัญหาและเกิดความเปลี่ยนแปลงโดยไม่ใช้ความรุนแรง ทั้งนี้ ไม่อยากให้มองความขัดแย้งในสังคมว่าเป็นเรื่องของคนรุ่นเก่ากับคนรุ่นใหม่ อยากให้มีการพยายามรับฟังเหตุผลซึ่งกันและคน ทำไมคนรุ่นเก่าถึงอยากคงรูปแบบเดิมไว้ เหตุผลของคนรุ่นใหม่ที่ต้องการแปลงเปลี่ยนคืออะไร เพราะในทุกสังคมไม่สามารถเปลี่ยนแปลงอะไรใหม่ โดยไม่ผ่านการทบทวนคือการคงของเดิมไว้ทั้งหมด และเช่นเดียวกันกับการคงทุกอย่างให้เหมือนเดิมโดยไม่มีการเปลี่ยนแปลงไม่ได้
นพ.ยงยุทธ สำหรับการสื่อสารในครอบครัวความเห็นต่างไม่ใช่ปัญหา หากเลี่ยงไม่พูดก็เท่ากับซุกปัญหาไว้ใต้พรม การใช้ความรุนแรงเพื่อให้เกิดการยอมรับความคิดเห็นของตนเองก็ไม่ใช่ทางออก ดังนั้น ก็รู้จักพูดคุยด้วยเหตุด้วยผล เพราะคำว่าประชาธิปไคยไม่ได้มีแค่มิติเดียว แต่มีมิติของเศรษฐกิจ สังคม ครอบครัว เพศสภาพ และระบบยุติธรรม .-สำนักข่าวไทย