ผู้ว่ารัฐอินดีแอนาของสหรัฐเข้าพบผู้นำไต้หวัน

ไทเป 22 ส.ค.- นายเอริก โฮลคัมบ์ ผู้ว่าการรัฐอินดีแอนาของสหรัฐเข้าพบประธานาธิบดีไช่ อิงเหวินของไต้หวันในวันนี้ นับเป็นเจ้าหน้าที่ระดับสูงคนที่ 3 ของสหรัฐที่มาเยือนไต้หวันในเดือนนี้ ประธานาธิบดีไช่กล่าวกับนายโฮลคัมบ์ที่ทำเนียบประธานาธิบดีโดยมีการถ่ายทอดสดผ่านทางสื่อสังคมออนไลน์ของเธอว่า ไต้หวันเผชิญกับภัยคุกคามทางทหารจากจีนมาโดยตลอด ทั้งในและรอบช่องแคบไต้หวัน ดังนั้นในเวลาเช่นนี้พันธมิตรประชาธิปไตยจึงต้องยืนเคียงข้างกันและส่งเสริมความร่วมมือในทุกด้าน ผู้นำไต้หวันกล่าวถึงเรื่องที่นายโฮลคัมบ์จะพบกับตัวแทนบริษัทเซมิคอนดักเตอร์หรือชิปในไต้หวันด้วยว่า ความมั่นคงทางเศรษฐกิจเป็นเสาหลักของความมั่นคงระดับชาติและระดับภูมิภาค ไต้หวันพร้อมและสามารถเสริมสร้างความร่วมมือกับหุ้นส่วนประชาธิปไตยในการทำให้ห่วงโซ่อุปทานของชิปประชาธิปไตยมีความยั่งยืน ผู้ว่าการรัฐอินดีแอนาถือเป็นเจ้าหน้าที่ระดับสูงคนที่ 3 ของสหรัฐที่มาเยือนไต้หวันในเดือนนี้ หลังจากนางแนนซี เปโลซี ประธานสภาผู้แทนราษฎรสหรัฐนำคณะสมาชิกสภามาเยือนเมื่อต้นเดือน และทำให้จีนตอบโต้ด้วยการซ้อมรบรอบไต้หวันครั้งใหญ่ที่สุด จากนั้น ส.ว.เอ็ดเวิร์ด มาร์กี รัฐแมสซาชูเซตส์ นำคณะสมาชิกรัฐสภาสหรัฐมาเยือนช่วงกลางเดือน.-สำนักข่าวไทย

ฟิลิปปินส์ฝังศพอดีตประธานาธิบดีรามอสแบบรัฐพิธี

ฟิลิปปินส์จัดพิธีฝังศพแบบรัฐพิธีให้แก่อดีตประธานาธิบดีฟิเดล รามอส ในวันนี้ โดยยกย่องเขาว่าเป็นอดีตนายทหารที่ปกป้องประชาธิปไตยและเป็นนักปฏิรูป

“มิน อ่อง หล่าย” ประกาศขยายสถานการณ์ฉุกเฉินแล้ว

กรุงเทพฯ 1 ส.ค.- พล.อ.อาวุโสมิน อ่อง หล่าย ผู้นำรัฐบาลทหารเมียนมา ต่ออายุอำนาจการปกครองออกไปอีก 6 เดือน ด้วยการขยายประกาศสถานการณ์ฉุกเฉิน เพื่อเตรียมการสำหรับการเลือกตั้งที่ระบุว่าจะจัดขึ้นในปีหน้า พล.อ.อาวุโสมิน อ่อง หล่าย ปราศรัยทางโทรทัศน์ในวันนี้ว่า ได้ขยายสถานการณ์ฉุกเฉินที่ประกาศเมื่อปีก่อนหลังยึดอำนาจ เนื่องจากต้องการเวลาในการเดินหน้าการทำงานเพื่อนำประเทศกลับสู่เส้นทางระบอบประชาธิปไตยที่สันติและแบบหลายพรรคที่มีวินัย และเพื่อจัดการเลือกตั้งทั่วไปแบบประชาธิปไตยหลายพรรค กองทัพได้พยายามอย่างเต็มที่ที่จะปฏิบัติตามหน้าที่ความรับผิดชอบตั้งแต่ยึดอำนาจ แต่กลุ่มก่อการร้ายในประเทศและต่างประเทศ รวมถึงผู้คนและองค์กรที่สนับสนุนกลุ่มก่อการร้ายมุ่งมั่นที่จะทำลายเมียนมา แทนที่จะช่วยส่งเสริมประชาธิปไตยในเมียนมา พล.อ.อาวุโสมิน อ่อง หล่ายกล่าวว่า ความขัดแย้งทางอาวุธจะต้องยุติเพื่อให้มั่นใจว่าการเลือกตั้งที่กำลังจะมาถึงจะไม่มีการข่มขู่คุกคามหรือความไม่เป็นธรรม หน่วยงานความมั่นคงจะเร่งดำเนินการเพื่อรักษาเสถียรภาพทางการเมืองและความมั่นคงของประเทศเพื่อให้เมียนมาสามารถจัดการเลือกตั้งได้ เอพีตั้งข้อสังเกตว่า คำปราศรัยของผู้นำสูงสุดเมียนมาเรื่องการยุติความขัดแย้งทางอาวุธดูเหมือนจะหมายถึงปฏิบัติการทางทหารที่รัฐบาลใช้กับกลุ่มชาติพันธุ์และกลุ่มเรียกร้องประชาธิปไตย เดิมกองทัพเมียนมาประกาศว่า จะจัดการเลือกตั้งภายใน 1 ปีหลังการยึดอำนาจในปี 2564 แต่ต่อมาประกาศว่า จะจัดการเลือกตั้งในปี 2566.-สำนักข่าวไทย

อังกฤษจะทำให้จีนทำตามที่รับปากไว้เรื่องฮ่องกง

ลอนดอน 1 ก.ค.- นายกรัฐมนตรีบอริส จอห์นสัน ของอังกฤษเผยว่า อังกฤษจะทำทุกอย่างที่สามารถทำได้ เพื่อให้จีนปฏิบัติตามคำมั่นที่ให้ไว้เมื่อครั้งรับมอบฮ่องกงจากอังกฤษเมื่อ 25 ปี ก่อนว่าจะปกป้องสิทธิตามประชาธิปไตยในฮ่องกง นายกรัฐมนตรีจอห์นสันกล่าวในคลิปที่บันทึกไว้ว่า เนื่องในวันครบรอบ 25 ปีที่อังกฤษส่งมอบฮ่องกงคืนแก่จีน ทุกคนไม่สามารถปฏิเสธข้อเท็จจริงที่ว่า จีนไม่ปฏิบัติตามคำมั่นเรื่องจะเคารพหลักการ 1 ประเทศ 2 ระบบตามที่ตกลงไว้ สถานการณ์ปัจจุบันคุกคามทั้งสิทธิเสรีภาพของชาวฮ่องกง และความก้าวหน้าความรุ่งเรืองของฮ่องกง อังกฤษจะไม่ยอมแพ้เรื่องฮ่องกง และตั้งใจจะรักษาสัญญาที่ให้ไว้กับฮ่องกงและชาวฮ่องกงเมื่อ 25 ปีก่อน อังกฤษจะทำทุกอย่างที่สามารถทำได้เพื่อทำให้จีนทำตามคำมั่น เพราะการทำเช่นนั้นจะทำให้ฮ่องกงกลับมาบริหารโดยชาวฮ่องกงเพื่อชาวฮ่องกงอีกครั้ง ด้านกระทรวงต่างประเทศจีนตอบโต้ด้วยการกล่าวหาอังกฤษว่า ยังคงมีความคิดเรื่องเจ้าอาณานิคมทั้งที่ส่งมอบฮ่องกงคืนแก่จีนแล้วตั้งแต่วันที่ 1 กรกฎาคม 2540 และใช้เรื่องสิทธิมนุษยชนเป็นข้ออ้างให้ร้ายฮ่องกง โฆษกกระทรวงต่างประเทศจีนกล่าวระหว่างการแถลงข่าวตามปกติว่า ฮ่องกงเป็นฮ่องกงของจีน กองกำลังภายนอกไม่มีสิทธิแทรกแซง เช่นเดียวกับที่สหราชอาณาจักรไม่มีสิทธิด้านอธิปไตย การปกครอง หรือการกำกับดูแลเหนือฮ่องกงภายหลังการส่งมอบคืนจีนแล้ว และสิ่งที่เรียกว่าคำมั่นก็ไม่มีอยู่จริง.-สำนักข่าวไทย

สหรัฐชี้รัฐบาลทหารเมียนมาปราบกลุ่มต่อต้านไม่ได้

กรุงเทพฯ 12 มิ.ย.- นักการทูตระดับสูงของสหรัฐชี้ว่า รัฐบาลทหารเมียนมาไม่น่าจะปราบปรามกลุ่มต่อต้านได้ และควรฟื้นฟูการปกครองระบอบประชาธิปไตย หลังจากยึดอำนาจไปเมื่อกว่า 1 ปีก่อน นายเดเร็ก โชเลต์ ที่ปรึกษากระทรวงต่างประเทศสหรัฐกล่าวกับสื่อที่กรุงเทพฯ เมื่อวันศุกร์ว่า เป็นการยากมากที่รัฐบาลทหารเมียนจะคิดในแง่ความเป็นจริงว่าจะสามารถเอาชนะได้ เพราะกำลังสูญเสียดินแดน และสูญเสียอย่างร้ายแรง รัฐบาลทหารเมียนมาไม่เพียงแต่กำลังถูกโดดเดี่ยวในประชาคมโลก แต่ยังถูกโดดเดี่ยวในประเทศด้วย จึงควรยุติการสู้รบและกลับสู่การปกครองในระบอบประชาธิปไตย นายโชเลต์ ซึ่งอยู่ระหว่างตระเวนเยือนไทย สิงคโปร์และบรูไน เพื่อติดตามผลการหารือระหว่างสหรัฐและสมาคมประชาชาติเอเชียตะวันออกเฉียงใต้หรืออาเซียนที่สหรัฐเมื่อเดือนก่อนเผยด้วยว่า รัฐบาลสหรัฐกำลังทำงานร่วมกับอาเซียนและสมาชิกอาเซียนอย่างสิงคโปร์ อินโดนีเซีย และมาเลเซียในเรื่องเกี่ยวกับเมียนมา และหวังว่าจีนจะร่วมเป็นส่วนหนึ่งในการหาทางออกเรื่องเมียนมาด้วย กองทัพเมียนมารัฐประหารยึดอำนาจรัฐบาลพลเรือนของนางออง ซาน ซู จีเมื่อเดือนกุมภาพันธ์ 2564 แล้วใช้กำลังปราบปรามผู้ประท้วง รวมทั้งพลเรือนที่จับอาวุธขึ้นต่อสู้ตามการเรียกร้องของกลุ่มต่อต้าน โดยประกาศให้กลุ่มเหล่านี้เป็นกลุ่มก่อการร้าย.-สำนักข่าวไทย

สหรัฐว่าผู้เคราะห์ร้ายจากเหตุการณ์เทียนอันเหมินไม่มีวันถูกลืม

นายแอนโทนี บลิงเคน รัฐมนตรีต่างประเทศสหรัฐ กล่าวว่า ความพยายามของบรรดาเหยื่อผู้เคราะห์ร้ายจากเหตุนองเลือดจากการที่ทางการจีนใช้กำลังปราบปรามการชุมนุมเรียกร้องประชาธิปไตย ที่บริเวณจัตุรัสเทียนอันเหมิน ในกรุงปักกิ่ง เมื่อ 33 ปีก่อน จะไม่มีวันถูกลืมเลือนอย่างแน่นอน

ฝ่ายค้านกัมพูชาคืนชีพก่อนเลือกตั้งท้องถิ่น

พนมเปญ 1 มิ.ย.- นายสน ชัย นักการเมืองฝ่ายค้านของกัมพูชาขึ้นรถบรรทุกหาเสียงก่อนที่จะมีการเลือกตั้งท้องถิ่นทั่วประเทศในวันที่ 5 มิถุนายน เพื่อสร้างความเชื่อมั่นให้แก่ผู้มีสิทธิเลือกตั้งว่า ประชาธิปไตยยังไม่ตายไปจากกัมพูชา นายสน ชัย วัย 66 ปี รองประธานพรรคเพลิงเทียนที่เพิ่งตั้งขึ้นได้เพียง 6 เดือน พาลูกพรรคลงสมัครรับเลือกตั้งท้องถิ่นร้อยละ 90 จากทั้งหมด 1,652 เขต หวังให้มีฝ่ายค้านในระบอบการเมืองกัมพูชาที่พรรคประชาชนกัมพูชาหรือซีพีพี (CPP) ของนายกรัฐมนตรีฮุน เซน ผูกขาดมาตลอด 37 ปี เขากล่าวระหว่างหาเสียงชานกรุงพนมเปญว่า ชัยชนะของพรรคเพลิงเทียนคือชัยชนะของชาวกัมพูชาทั้งปวง พรรคจะไม่ปล่อยให้การพัฒนาใด ๆ ทำให้ประชาชนต้องเสียน้ำตา และจะไม่ให้ใครมาฉกฉวยที่ดินไปจากประชาชน นายสน ชัย ร่วมกับนายสม รังสี แกนนำฝ่ายค้านและผู้ร่วมก่อตั้งพรรคกู้ชาติกัมพูชาหรือซีเอ็นอาร์พี (CNRP) ที่ลี้ภัยอยู่ในฝรั่งเศสปรับภาพลักษณ์พรรคฝ่ายค้านให้เป็นพรรคเพลิงเทียน หาเสียงจูงใจกลุ่มคนหนุ่มสาวและกลุ่มคนมีรายได้น้อยด้วยการชูนโยบายประกันสุขภาพถ้วนหน้า การศึกษาอย่างเสมอภาค ปราบปรามยาเสพติดและอาชญากรรม แกนนำพรรคส่วนใหญ่เป็นอดีตสมาชิกพรรคซีเอ็นอาร์พีที่ถูกศาลฎีกาสั่งยุบพรรคในปี 2560 หลังจากกวาดชัยชนะในการเลือกตั้งท้องถิ่นครั้งหลังสุดถึงร้อยละ 40 และถูกโอนชัยชนะทั้งหมดให้แก่พรรคซีพีพี ด้านกระทรวงมหาดไทยกัมพูชาแถลงว่า การตั้งนายสน ชัย เป็นรองประธานพรรคเป็นการกระทำที่ผิดกฎหมาย […]

เรียกร้องมาร์กอส จูเนียร์รับประกันประชาธิปไตย-สิทธิมนุษยชน

มะนิลา 11 พ.ค.- หลายฝ่ายเรียกร้องให้นายเฟอร์ดินันด์ มาร์กอส จูเนียร์ ผู้ชนะเลือกตั้งประธานาธิบดีฟิลิปปินส์รับประกันว่าจะเคารพสิทธิมนุษยชน หลักนิติธรรม และประชาธิปไตย ผลการนับคะแนนอย่างไม่เป็นทางการเผยว่า นายมาร์กอส จูเนียร์ วัย 64 ปี ชนะด้วยคะแนนที่ได้มากกว่า 31 ล้านเสียงในการเลือกตั้งเมื่อวันจันทร์ ส่วนนางซารา ดูเตอร์เต-การ์ปิโอ ผู้สมัครคู่ชิงตำแหน่งรองประธานาธิบดีของเขาก็น่าจะชนะด้วยคะแนนถล่มทลายเช่นกัน หากรัฐสภายืนยันผลคะแนนแล้ว ผู้ชนะจะสาบานตนรับตำแหน่งในวันที่ 30 มิถุนายนเพื่อดำรงตำแหน่งเป็นเวลา 6 ปี โฆษกกระทรวงต่างประเทศสหรัฐแถลงหลังทราบผลการเลือกตั้งไม่นานว่า สหรัฐตั้งตารอการฟื้นความสัมพันธ์พิเศษกับฟิลิปปินส์ และการทำงานร่วมกับรัฐบาลใหม่ในเรื่องสิทธิมนุษยชนและเรื่องสำคัญในภูมิภาค สหรัฐเป็นพันธมิตรยาวนานกับฟิลิปปินส์ที่มีค่านิยมและผลประโยชน์ร่วมกันเรื่องประชาธิปไตย รัฐบาลสหรัฐจะเดินหน้าส่งเสริมการเคารพสิทธิมนุษยชนและหลักนิติธรรมที่เป็นพื้นฐานความสัมพันธ์ของสองประเทศ ขณะที่กลุ่มฮิวแมนไรท์วอทช์ในสหรัฐเรียกร้องให้นายมาร์กอส จูเนียร์ เร่งปรับปรุงสถานการณ์สิทธิมนุษยชนทันทีที่รับตำแหน่ง เช่น ช่วยศาลอาญาระหว่างประเทศดำเนินคดีกับนายโรดริโก ดูเตอร์เต ประธานาธิบดีคนปัจจุบันเรื่องทำสงครามปราบปรามยาเสพติดอย่างนองเลือด ช่วยให้ สว.ไลลา เดอ ลิมาที่วิจารณ์รัฐบาลได้รับอิสรภาพ สั่งการทหารตำรวจให้หยุดรังควานกลุ่มนักเคลื่อนไหว นายมาร์กอส จูเนียร์หาเสียงด้วยการชูเรื่องทำให้ประเทศมีเอกภาพ แต่ไม่ได้ระบุชัดเจนว่าจะเยียวยาผู้ได้รับผลกระทบในช่วงที่นายเฟอร์ดินันด์ มาร์กอส บิดาของเขาผูกขาดปกครองประเทศตั้งแต่ปี 2508-2529 และถูกประชาชนลุกฮือขับไล่จนต้องลี้ภัยอยู่ในสหรัฐจนกระทั่งเสียชีวิต นอกจากนี้ยังไม่พูดชัดเจนในประเด็นเศรษฐกิจและการเมืองสำคัญของประเทศด้วย.-สำนักข่าวไทย

อินเดีย-เยอรมนีร่วมมือลดโลกร้อน แต่ยังเห็นต่างเรื่องยูเครน

นายกรัฐมนตรีโอลาฟ ชอลซ์ ของเยอรมนี รับปากจะให้ความช่วยเหลืออินเดียเพื่อให้บรรลุเป้าหมายเรื่องการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ แต่ยังคงมีความเห็นต่างกับนายกรัฐมนตรีนเรนทรา โมดี ของอินเดีย เรื่องสงครามยูเครน

ไต้หวันชี้การคุกคามของจีน ยิ่งเพิ่มการสนับสนุนไต้หวัน

กระทรวงต่างประเทศไต้หวันกล่าวหลังจากจีนซ้อมรบใกล้ ๆ ใต้หวัน ขณะที่สมาชิกรัฐสภาสหรัฐเดินทางเยือนกรุงไทเป ว่า การใช้กำลังทหารของจีนในการข่มขู่คุกคามไต้หวัน จะยิ่งเพิ่มการสนับสนุนไต้หวันจากสหรัฐและประเทศอื่น ๆ ที่ปกครองด้วยระบอบประชาธิปไตย

วอนยูเอ็นเข้ามาสอบเรื่องเจ้าของสื่อฮ่องกงถูกจับ

ฮ่องกง 11 เม.ย.- ทนายความของนายจิมมี ไล เจ้าของสื่อและนักเคลื่อนไหวเรียกร้องประชาธิปไตยในฮ่องกง ขอให้สหประชาชาติหรือยูเอ็นเข้ามาสอบสวนเรื่องที่เขาถูกคุมขังและตั้งข้อหาอาญาหลายข้อหา เพราะมองว่าเป็นการคุกคามทางกฎหมายเพื่อลงโทษเขาที่แสดงความคิดเห็น ทีมทนายความของนายไลในอังกฤษแถลงวันนี้ว่า ลูกความวัย 74 ปี อาจต้องใช้ชีวิตที่เหลือในเรือนจำ เพียงเพราะพูดแสดงความคิดเห็นและปกป้องเสรีภาพสื่อมวลชน ประชาธิปไตย และหลักนิติรัฐในฮ่องกง ทีมทนายความได้ส่งคำร้องไปยังผู้รายงานพิเศษยูเอ็นเรื่องเสรีภาพในการแสดงความคิดเห็นและแสดงออก การต่อต้านการก่อการร้ายและสิทธิมนุษยชน สิทธิที่จะมีเสรีภาพในการชุมนุมและรวมตัวอย่างสันติ และกลุ่มผู้ปกป้องสิทธิมนุษยชน ขณะนี้กำลังรอคำตอบอยู่ ขณะที่นายเซบาสเตียน ไล บุตรชายของเขาขอให้ผู้รายงานพิเศษยูเอ็นเข้ามาสอบสวนการกระทำของทางการจีนและฮ่องกงที่มีต่อชาวฮ่องกง เอพีอธิบายเพิ่มเติมว่า ผู้รายงานพิเศษยูเอ็นมีอำนาจในการหาข้อมูลจากหน่วยงานรัฐบาลเท่านั้น โดยอาจขอให้ทางการดำเนินมาตรการเพื่อยุติการละเมิดได้ นายไล เจ้าของหนังสือพิมพ์แอปเปิลเดลีที่ปิดตัวไปแล้วถูกทางการฮ่องกงตั้งข้อหาโดยอาศัยอำนาจตามกฎหมายความมั่นคงแห่งชาติที่จีนใช้ในฮ่องกงตั้งแต่กลางปี 2563 ขณะนี้กำลังรับโทษจำคุก 20 ปี นอกจากนี้ยังถูกอายัดทรัพย์สินและถูกตั้งข้อหาอีกหลายข้อหาจากการเข้าร่วมการประท้วงหลายครั้ง.-สำนักข่าวไทย

ชาวอเมริกัน 58% เชื่อประชาธิปไตยสหรัฐเสี่ยงพัง

วอชิงตัน 13 ม.ค.- ผลสำรวจความเห็นชาวอเมริกันพบว่า ร้อยละ 58 หรือ 6 ใน 10 คนเชื่อว่าประชาธิปไตยของสหรัฐเสี่ยงพังทลาย และร้อยละ 76 หรือ 7 ใน 10 คน คิดว่าภาวะไร้เสถียรภาพทางการเมืองในประเทศอันตรายยิ่งกว่าภัยคุกคามจากต่างชาติ มหาวิทยาลัยควินนิเพียกในสหรัฐสอบถามความเห็นผู้ใหญ่ชาวอเมริกัน 1,313 คนทั่วประเทศระหว่างวันที่ 7-10 มกราคม หนึ่งปีหลังเกิดเหตุการณ์กลุ่มผู้สนับสนุนนายโดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐจากพรรครีพับลิกันในขณะนั้นบุกอาคารรัฐสภาคัดค้านการประกาศให้นายโจ ไบเดน จากพรรคเดโมแครตชนะเลือกตั้งประธานาธิบดี ผู้ตอบแบบสอบถามร้อยละ 58 เชื่อว่าประชาธิปไตยของประเทศเสี่ยงพังทลาย แต่ร้อยละ 37 ไม่เห็นด้วย ผู้ตอบร้อยละ 53 คาดว่า ในช่วงชีวิตนี้จะได้เห็นความแตกแยกทางการเมืองในประเทศเลวร้ายลงอีก และร้อยละ 53 มองว่า มีความเป็นไปได้ถึงเป็นไปได้มากที่จะเกิดเหตุการณ์บุกรัฐสภาขึ้นอีก ผู้ตอบแบบสอบถามร้อยละ 61 สนับสนุนการที่คณะกรรมการพิเศษในสภาผู้แทนราษฎรกำลังสอบสวนเหตุการณ์บุกรัฐสภาเมื่อวันที่ 6 มกราคม 2564 ผู้ตอบที่สังกัดพรรคเดโมแครตสนับสนุนเรื่องนี้มากถึงร้อยละ 83 ขณะที่ผู้ตอบที่สังกัดพรรครีพับลิกันคัดค้านเรื่องนี้มากถึงร้อยละ 60 ผลสำรวจพบด้วยว่า ผู้ตอบที่พึงพอใจในผลงานของประธานาธิบดีไบเดนเหลือเพียงร้อยละ […]

1 3 4 5 6 7 14
...