วอชิงตัน 9 ม.ค.- ผู้นำทั่วโลกประณามเหตุกลุ่มผู้สนับสนุนอดีตประธานาธิบดีฌาอีร์ โบลโซนารูของบราซิลบุกอาคารรัฐสภา ทำเนียบประธานาธิบดี และศาลฎีกาเมื่อวันอาทิตย์ตามเวลาบราซิล เพื่อประท้วงรัฐบาลชุดใหม่ที่ชนะเลือกตั้งเมื่อเดือนตุลาคมปีก่อน
ประธานาธิบดีโจ ไบเดน ของสหรัฐกล่าวกับสื่อว่า เป็นการกระทำที่อุกอาจ จากนั้นทวีตผ่านทวิตเตอร์ว่า ขอประณามการทำร้ายประชาธิปไตยและการทำร้ายการเปลี่ยนถ่ายอำนาจอย่างสันติในบราซิล สถาบันประชาธิปไตยของบราซิลได้รับการสนับสนุนอย่างเต็มที่จากสหรัฐ เจตนารมณ์ของชาวบราซิลจะต้องไม่ถูกสั่นคลอน เขาพร้อมเดินหน้าทำงานร่วมกับประธานาธิบดีลูอิซ อินาซิโอ ลูลา ดา ซิลวา ที่เป็นผู้นำคนใหม่ของบราซิล
ประธานาธิบดีในอเมริกาใต้หลายคน เช่น อาร์เจนตินา ชิลี โคลอมเบีย เวเนซุเอลา พากันประณามการกระทำของกลุ่มผู้สนับสนุนอดีตประธานาธิบดีบราซิล และให้กำลังใจประธานาธิบดีลูลา เช่นเดียวกับผู้นำฝรั่งเศสและคิวบา ขณะที่นายโจเซฟ บอร์เรลล์ หัวหน้านโยบายต่างประเทศของสหภาพยุโรปหรืออียูทวีตว่า ตกใจกับการที่กลุ่มสุดโต่งใช้ความรุนแรงและเข้ายึดที่ทำการรัฐบาลบราซิลอย่างผิดกฎหมาย แม้แต่นายกรัฐมนตรีจอร์เจีย เมโลนี ของอิตาลีที่มีแนวคิดขวาจัดก็ประณามกลุ่มผู้สนับสนุนอดีตผู้นำบราซิลฝ่ายขวาว่า การก่อเหตุกับที่ทำการรัฐบาลเป็นเรื่องที่ไม่สามารถยอมรับได้และไม่ใช่การแสดงความเห็นต่างแบบประชาธิปไตย
ทวิตเตอร์ของสมาชิกวุฒิสภาพรรคเดโมแครตสหรัฐหลายคนระบุว่า เหตุการณ์ที่บราซิลเกิดขึ้นในวันที่ 8 มกราคม สองปีเต็มหลังจากกลุ่มผู้สนับสนุนอดีตประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์บุกรัฐสภาสหรัฐเมื่อวันที่ 6 มกราคม 2564 หวังล้มล้างการเลือกตั้งประธานาธิบดีปี 2563 และมีผู้เสียชีวิต 5 คน สะท้อนว่า สิ่งที่สืบทอดมาจากทรัมป์ยังคงเป็นพิษต่อทวีปอเมริกาอยู่ เช่นเดียวกับรัฐมนตรีต่างประเทศโบลิเวียที่ระบุว่า เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นสะท้อนว่า ลาตินอเมริกาเผชิญความท้าทายเรื่องการปกป้องประชาธิปไตย โดยจะต้องหาทางสกัดกั้นไม่ให้คำพูดเกลียดชัง การใช้ความรุนแรงฆ่าพี่น้องและการกระทำต่อต้านประชาธิปไตยเป็นฝ่ายชนะ.-สำนักข่าวไทย