เม็กซิโกประท้วงใหญ่รัฐบาลแก้ ก.ม.เลือกตั้ง

เม็กซิโกซิตี 27 ก.พ.- ชาวเม็กซิโกชุมนุมแสดงพลังครั้งใหญ่ ประท้วงรัฐบาลที่แก้ไขกฎหมายเกี่ยวกับการเลือกตั้งหวังลิดรอนอำนาจของคณะกรรมการการเลือกตั้ง โดยประณามว่าเป็นภัยต่อระบอบประชาธิปไตย ผู้จัดการชุมนุมประเมินว่า มีคนเข้าร่วมชุมนุมในกรุงเม็กซิโกซิตีไม่ต่ำกว่า 500,000 คนเมื่อวันอาทิตย์ตามเวลาท้องถิ่น คลิปที่เผยแพร่ในสื่อสังคมออนไลน์เห็นจัตุรัสโซกาโลเนืองแน่นไปด้วยผู้ประท้วง จนล้นออกไปยังถนนโดยรอบ เป็นการประท้วงรัฐบาลอันเดรส มานูเอล โลเปซ โอบราดอร์ครั้งใหญ่ที่สุดนับตั้งแต่ขึ้นบริหารประเทศในเดือนธันวาคม 2561 ขณะที่ทางการเม็กซิโกซิตีที่ควบคุมโดยพรรคของนายโลเปซ โอบราดอร์แย้งว่า มีคนเข้าร่วมเพียง 90,000 คนเท่านั้น ชาวเม็กซิโกออกมาเคลื่อนไหว หลังจากเมื่อวันพุธตามเวลาท้องถิ่นรัฐสภาได้ผ่านความเห็นชอบให้ยกเครื่องสถาบันการเลือกตั้งแห่งชาติหรือไอเอ็นอี (INE) ซึ่งเป็นหน่วยงานอิสระที่ประธานาธิบดีวิจารณ์ว่า ทุจริตและไร้ประสิทธิภาพ ผู้นำเม็กซิโกวัย 69 ปี ยืนกรานว่า การปรับปรุงไอเอ็นอีด้วยการตัดลดงบประมาณ กำลังคน และหน้าที่ความรับผิดชอบ จะไม่ทำให้ระบอบประชาธิปไตยของเม็กซิโกอ่อนแอ ขณะที่ฝ่ายไม่เห็นด้วยประกาศว่า จะนำเรื่องฟ้องศาลฎีกา ผู้ประท้วงคนหนึ่งเกรงว่า นายโลเปซ โอบราดอร์ยกเครื่องไอเอ็นอีหวังอยู่ในอำนาจต่อไป รัฐธรรมนูญเม็กซิโกกำหนดให้ประธานาธิบดีดำรงตำแหน่งวาระ 6 ปี ได้เพียงสมัยเดียว นักวิเคราะห์การเมืองหลายคนชี้ว่า ไอเอ็นอีและหน่วยงานก่อนหน้านี้มีบทบาทสำคัญในการสร้างระบอบประชาธิปไตยแบบหลายพรรคที่สามารถยุติการผูกขาดปกครองเม็กซิโกโดยพรรคเดียวมาหลายทศวรรษได้ในปี 2543.-สำนักข่าวไทย

แชมป์หมากรุกโลกชี้ยูเครนต้องชนะถึงจะเปลี่ยนรัสเซียได้

มิวนิก 19 ก.พ.- อดีตแชมป์หมากรุกโลกชาวรัสเซียที่กลายเป็นนักวิพากษ์วิจารณ์รัฐบาลรัสเซียระบุว่า ยูเครนจะต้องเอาชนะรัสเซียให้ได้เท่านั้น จึงจะมีการเปลี่ยนแปลงไปสู่ระบอบประชาธิปไตยขึ้นในรัสเซีย นายแกร์รี คาสปารอฟ วัย 59 ปี เป็นเจ้าของแชมป์โลกหมากรุกสากลปี 2528-2543 เขาตั้งกลุ่มเคลื่อนไหวต่อต้านการปกครองของประธานาธิบดีวลาดิเมียร์ ปูตินตั้งแต่วางมือจากหมากรุกในปี 2548 และเดินทางออกนอกประเทศตั้งแต่ทศวรรษก่อน เขากล่าวในการเสวนาเรื่อง “อนาคตที่เป็นประชาธิปไตยของรัสเซีย” ในการประชุมความมั่นคงมิวนิกที่เยอรมนีเมื่อวันเสาร์ตามเวลาท้องถิ่นว่า การปลดแอกจากระบอบฟาสซิสต์ของปูตินจะเกิดขึ้นได้ผ่านยูเครนเท่านั้น ชาวรัสเซียมีชีวิตอยู่ในภาพลวงตาที่ไม่มีวันจะได้เห็นความจริง จนกว่าอาณาจักรของปูตินจะล่มสลาย ซึ่งจะเกิดขึ้นต่อเมื่อกองทัพรัสเซียพ่ายแพ้ คนจะแพ้สงครามต่อเมื่อตระหนักได้ว่ากำลังแพ้ ไม่ใช่การตัดสินจากดินแดนที่ยึดได้หรือสูญเสียไป เขาขอให้ชาติตะวันตกให้การสนับสนุนยูเครนต่อไป เพราะการใช้จ่ายเพื่อยูเครนไม่มีสิ่งใดที่ถือว่ามากเกินไป ด้านนางอีรีนา เชอร์บาโควา ผู้ร่วมก่อตั้งเมโมเรียล องค์กรสิทธิมนุษยชนรัสเซียที่ถูกทางการรัสเซียปิดเมื่อสิ้นปี 2564 และได้รับรางวัลโนเบลสันติภาพร่วมในปี 2565 กล่าวในการเสวนาเดียวกันว่า ยูเครนต้องชนะเท่านั้น ความเจ็บปวดที่กำลังเกิดขึ้นกับชาวยูเครนเป็นเรื่องน่าเศร้าเพราะพวกเขาต้องเสียเลือดเนื้อ แต่การต่อสู้กับรัสเซียต้องใช้ความกล้าหาญมาก เพราะรัสเซียกำลังบงการคนทั้งประเทศด้วยการบิดเบือนเขียนประวัติศาสตร์ขึ้นใหม่ ทำให้ชาวรัสเซียไม่รู้สึกว่าจำเป็นต้องเผชิญหน้ากับอาชญากรรมที่เกิดขึ้นในยุคสหภาพโซเวียตที่ยูเครนเคยเป็นส่วนหนึ่งของสหภาพนี้.-สำนักข่าวไทย

บราซิลปลด ผบ.ทบ.หลังเกิดจลาจลต่อต้านรัฐบาล

บราซิเลีย 22 ม.ค.- ประธานาธิบดีลูอิซ อินาซิโอ ลูลา ดา ซิลวา ของบราซิลปลดผู้บัญชาการกองทัพบกออกจากตำแหน่ง หลังจากกลุ่มสนับสนุนอดีตประธานาธิบดีก่อเหตุจลาจลบุกที่ทำการรัฐบาลเมื่อ 2 สัปดาห์ก่อน ประธานาธิบดีลูลาปลด พล.อ.จูลิโอ เซซาร์ จี อาร์ฮูดา ผู้บัญชาการกองทัพบกเมื่อวันเสาร์ตามเวลาท้องถิ่น ก่อนที่ประธานาธิบดีจะเดินทางไปอาร์เจนตินาในวันนี้ ซึ่งเป็นการเยือนต่างประเทศครั้งแรก หลังจากชนะเลือกตั้งเมื่อเดือนตุลาคม 2565 และรับตำแหน่งเมื่อวันที่ 1 มกราคม 2566 พล.อ.อาร์ฮูดาเพิ่งเข้ารับตำแหน่งเมื่อวันที่ 30 ธันวาคม จากนั้นในวันที่ 8 มกราคมกลุ่มผู้สนับสนุนอดีตประธานาธิบดีฌาอีร์ โบลโซนารูได้บุกเข้าไปในอาคารรัฐสภา ทำเนียบประธานาธิบดี และศาลฎีกา ทำลายข้าวของเสียหาย และพ่นข้อความเรียกร้องให้กองทัพรัฐประหาร ประธานาธิบดีลูลาสงสัยว่า กองทัพอาจจะเกี่ยวข้องกับการก่อจลาจลที่มีคนถูกจับกุมมากกว่า 2,000 คน นายโจเซ มูซิโอ รัฐมนตรีกลาโหมบราซิลกล่าวหลังจากเข้าพบประธานาธิบดีว่า ผู้บัญชาการกองทัพบกถูกปลดเนื่องจากละเมิดความไว้วางใจ รัฐบาลจำเป็นต้องหยุดยั้งเพื่อให้การก่อจลาจลยุติ สวนทางกับที่เขาเผยเมื่อวันศุกร์หลังจากประธานาธิบดีเรียกประชุมผู้บัญชาการ 3 เหล่าทัพว่า ไม่มีกองทัพเกี่ยวข้องกับเหตุจลาจลโดยตรง ขณะที่ พล.อ.โตมาส ฮิเบโร ปายวา ผู้บังคับการกองทัพภาคตะวันออกเฉียงเหนือที่ได้รับแต่งตั้งเป็นผู้บัญชาการกองทัพบกคนใหม่เมื่อวันเสาร์ประกาศเมื่อวันพุธว่า […]

ศาลฎีกาบราซิลเห็นชอบให้เปิดสอบอดีต ปธน.

บราซิเลีย 14 ม.ค.- ศาลฎีกาบราซิลเห็นชอบเมื่อวันศุกร์ตามเวลาท้องถิ่นให้เปิดการสอบสวนอดีตประธานาธิบดีฌาอีร์ โบลโซนารูตามที่ถูกกล่าวหาว่า ส่งเสริมให้คนประท้วงต่อต้านประชาธิปไตย เป็นเหตุให้กลุ่มผู้สนับสนุนเขาบุกอาคารที่ทำการรัฐบาลในกรุงบราซิเลีย ผู้พิพากษาศาลฎีกาซึ่งเห็นชอบตามที่อัยการรัฐบาลกลางยื่นขอให้เปิดการสอบสวนกล่าวว่า บุคคลสาธารณะที่ยังคงสมคบคิดกันต่อต้านประชาธิปไตยอย่างขี้ขลาด ด้วยการพยายามสร้างสภาวะยกเว้น (state of exception) ที่ให้อำนาจพิเศษในสถานการณ์วิกฤต จะต้องเป็นผู้รับผิดชอบ ด้านสำนักงานอัยการสูงสุดแถลงว่า นายโบลโซนารูที่ปัจจุบันอยู่ในสหรัฐจะถูกอัยการสอบสวนเรื่องอาจเป็นผู้ยุยงและเจ้าของความคิดเรื่องการกระทำต่อต้านประชาธิปไตยที่ทำให้มีการทำลายทรัพย์สินและความรุนแรงในกรุงบราซิลเมื่อวันอาทิตย์ที่ผ่านมา ขณะที่พรรคเสรีนิยมหรือพีแอล (PL) ที่นายโบลโซนารูสังกัดอยู่ได้ตระเตรียมทีมทนายความเพื่อแก้ต่างให้แก่เขา ก่อนหน้านี้ศาลฎีกาบราซิลได้สั่งให้จับกุมนายแอนเดอร์สัน ตอร์เรส อดีตรัฐมนตรียุติธรรมและความมั่นคงสาธารณะสมัยรัฐบาลนายโบลโซนารูไปแล้วเรื่องอนุญาตให้เกิดการประท้วงในกรุงบราซิเลีย หลังจากที่รัฐบาลใหม่ของนายลูอิซ อินาซิโอ ลูลา ดา ซิลวา แต่งตั้งให้เขาดำรงตำแหน่งเลขาความมั่นคงสาธารณะของกรุงบราซิเลีย นายตอร์เรสซึ่งอยู่ในรัฐฟลอริดาเช่นเดียวกับนายโบลโซรานูเผยว่า จะกลับมามอบตัวด้วยตัวเอง ขณะที่นายโบลโซนารูเผยว่า จะกลับประเทศเร็วกว่ากำหนด.-สำนักข่าวไทย

ผู้นำโลกประณามเหตุบุกรัฐสภาในบราซิล

วอชิงตัน 9 ม.ค.- ผู้นำทั่วโลกประณามเหตุกลุ่มผู้สนับสนุนอดีตประธานาธิบดีฌาอีร์ โบลโซนารูของบราซิลบุกอาคารรัฐสภา ทำเนียบประธานาธิบดี และศาลฎีกาเมื่อวันอาทิตย์ตามเวลาบราซิล เพื่อประท้วงรัฐบาลชุดใหม่ที่ชนะเลือกตั้งเมื่อเดือนตุลาคมปีก่อน ประธานาธิบดีโจ ไบเดน ของสหรัฐกล่าวกับสื่อว่า เป็นการกระทำที่อุกอาจ จากนั้นทวีตผ่านทวิตเตอร์ว่า ขอประณามการทำร้ายประชาธิปไตยและการทำร้ายการเปลี่ยนถ่ายอำนาจอย่างสันติในบราซิล สถาบันประชาธิปไตยของบราซิลได้รับการสนับสนุนอย่างเต็มที่จากสหรัฐ เจตนารมณ์ของชาวบราซิลจะต้องไม่ถูกสั่นคลอน เขาพร้อมเดินหน้าทำงานร่วมกับประธานาธิบดีลูอิซ อินาซิโอ ลูลา ดา ซิลวา ที่เป็นผู้นำคนใหม่ของบราซิล ประธานาธิบดีในอเมริกาใต้หลายคน เช่น อาร์เจนตินา ชิลี โคลอมเบีย เวเนซุเอลา พากันประณามการกระทำของกลุ่มผู้สนับสนุนอดีตประธานาธิบดีบราซิล และให้กำลังใจประธานาธิบดีลูลา เช่นเดียวกับผู้นำฝรั่งเศสและคิวบา ขณะที่นายโจเซฟ บอร์เรลล์ หัวหน้านโยบายต่างประเทศของสหภาพยุโรปหรืออียูทวีตว่า ตกใจกับการที่กลุ่มสุดโต่งใช้ความรุนแรงและเข้ายึดที่ทำการรัฐบาลบราซิลอย่างผิดกฎหมาย แม้แต่นายกรัฐมนตรีจอร์เจีย เมโลนี ของอิตาลีที่มีแนวคิดขวาจัดก็ประณามกลุ่มผู้สนับสนุนอดีตผู้นำบราซิลฝ่ายขวาว่า การก่อเหตุกับที่ทำการรัฐบาลเป็นเรื่องที่ไม่สามารถยอมรับได้และไม่ใช่การแสดงความเห็นต่างแบบประชาธิปไตย ทวิตเตอร์ของสมาชิกวุฒิสภาพรรคเดโมแครตสหรัฐหลายคนระบุว่า เหตุการณ์ที่บราซิลเกิดขึ้นในวันที่ 8 มกราคม สองปีเต็มหลังจากกลุ่มผู้สนับสนุนอดีตประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์บุกรัฐสภาสหรัฐเมื่อวันที่ 6 มกราคม 2564 หวังล้มล้างการเลือกตั้งประธานาธิบดีปี 2563 และมีผู้เสียชีวิต 5 คน สะท้อนว่า สิ่งที่สืบทอดมาจากทรัมป์ยังคงเป็นพิษต่อทวีปอเมริกาอยู่ […]

เผยโฉมที่ทำการ ‘ชาติไทยพัฒนา’ ในโลกเมตาเวิร์ส

“วราวุธ” เผยโฉมที่ทำการพรรคชาติไทยพัฒนา เป็นพรรคการเมืองแรกในโลกเมตาเวิร์ส ยุคดิจิทัลกับบทบาทการเมืองการปกครองในระบอบประชาธิปไตย

“ไบเดน” หาทางต้านกระแสรีพับลิกันในเลือกตั้งกลางสมัย

วอชิงตัน 7 พ.ย.- ประธานาธิบดีโจ ไบเดนของสหรัฐเรียกร้องให้ผู้มีสิทธิเลือกตั้งชาวอเมริกันช่วยกันปกป้องประชาธิปไตย หวังต้านทาน “กระแสสีแดง” ของพรรครีพับลิกันที่กำลังมาแรงในการเลือกตั้งกลางสมัยที่จะมีขึ้นในวันที่ 8 พฤศจิกายนตามเวลาสหรัฐ ซึ่งอาจปูทางให้โดนัลด์ ทรัมป์กลับมาเป็นประธานาธิบดีอีกครั้ง ประธานาธิบดีไบเดนวัย 79 ปี หาเสียงที่รัฐนิวยอร์กเมื่อวันอาทิตย์ตามเวลาสหรัฐ เรียกร้องให้ชาวอเมริกันออกไปใช้สิทธิเลือกตั้งเพื่อปกป้องประชาธิปไตย และกล่าวถึงเหตุการณ์ที่ผู้สนับสนุนทรัมป์บุกเข้าไปก่อจลาจลในอาคารรัฐสภาเมื่อต้นปี 2564 เพราะไม่ยอมรับผลการเลือกตั้งประธานาธิบดีปลายปี 2563 เอเอฟพีตั้งข้อสังเกตว่า การที่ไบเดนไปช่วยหาเสียงให้นางแคธี โฮเคิล ผู้ว่าการรัฐนิวยอร์ก ซึ่งเป็นรัฐฐานเสียงของพรรคเดโมแครต สะท้อนว่าพรรคเดโมแครตกำลังกังวลต่อกระแสของพรรครีพับลิกันที่มาแรง ด้านทรัมป์ วัย 76 ปี ไปช่วยผู้สมัครพรรครีพับลิกันในรัฐฟลอริดาหาเสียงที่เมืองไมแอมี แต่ดูเหมือนว่าอนาคตการเมืองของเขาจะเป็นที่สนใจมากกว่า เพราะฝูงชนพากันถือป้ายและตะโกนเรียกร้องให้เขากลับมาดำรงตำแหน่งประธานาธิบดีต่ออีก 4 ปี ผลการหยั่งเสียงในช่วงโค้งสุดท้ายพบว่า ผู้สมัครจากพรรครีพับลิกันมีคะแนนนำผู้สมัครจากพรรคเดโมแครตในการเลือกตั้งกลางสมัยที่จะมีการเลือกตั้ง ส.ส.หมดทั้ง 435 ที่นั่ง และ ส.ว.1 ใน 3 จากทั้งหมด 100 คน เนื่องจากไม่พอใจเรื่องเงินเฟ้อสูงที่สุดในรอบ 40 ปี และมีคนลอบเข้าเมืองเพิ่มขึ้น ชาวอเมริกันหลายสิบล้านคนได้ใช้สิทธิเลือกตั้งล่วงหน้าแล้ว ผลการเลือกตั้งกลางสมัยมักถูกมองว่าเป็นการลงประชามติต่อประธานาธิบดีที่อยู่ในตำแหน่ง หากประธานาธิบดีมีคะแนนนิยมต่ำกว่าร้อยละ […]

ปาเลายืนยันเป็นสนับสนุนไต้หวัน

ไทเป 6 ต.ค.- สาธารณรัฐปาเลา ซึ่งเป็นประเทศเล็ก ๆ ที่เป็นหมู่เกาะในมหาสมุทรแปซิฟิกยืนยันให้การสนับสนุนไต้หวัน แม้มีการรุกรานกันมากขึ้นในภูมิภาคนี้ ประธานาธิบดีซูรังเกิล วิปปส์ จูเนียร์ ของปาเลากล่าวในพิธีต้อนรับระหว่างเยือนไต้หวันในวันนี้ว่า ความสัมพันธ์ของปาเลาและไต้หวันตั้งอยู่บนพันธกิจร่วมกันเรื่องเสรีภาพและประชาธิปไตย ชาวปาเลาให้คุณค่าอย่างยิ่งต่อมิตรภาพของสองฝ่ายและมุ่งมั่นที่จะสนับสนุนไต้หวันแม้ว่ามีการรุกรานกันมากขึ้นในภูมิภาคนี้ เพราะในขณะที่มีบางประเทศพยายามจะใช้กำลังเปลี่ยนแปลงสถานภาพสากลปัจจุบัน ปาเลาและไต้หวันจะต้องเดินหน้าทำงานร่วมกันและส่งเสริมความร่วมมือสากลเพื่อบรรเทาความตึงเครียดทางการทหาร ด้านประธานาธิบดีไช่ อิงเหวินกล่าวว่า ไต้หวันซาบซึ้งในมิตรภาพของปาเลาเป็นอย่างยิ่ง ปาเลาเป็น 1 ใน 14 ประเทศและนครรัฐที่มีความสัมพันธ์ทางการทูตกับไต้หวัน และประธานาธิบดีปาเลาจะอยู่ร่วมงานฉลองวันชาติไต้หวันในวันที่ 10 ตุลาคมนี้.-สำนักข่าวไทย

ไต้หวันย้ำปกป้องตัวเองจากจีนตั้งแต่ 60 ปีก่อนแล้ว

ไทเป 23 ส.ค.- ประธานาธิบดีไช่ อิง-เหวิน ของไต้หวันย้ำกับคณะอดีตเจ้าหน้าที่สหรัฐที่มาเยือนว่า ไต้หวันได้ปกป้องตัวเองจากกองทัพจีนตั้งแต่ 60 ปีก่อนแล้ว และมุ่งมั่นปกป้องตัวเองมาจนถึงทุกวันนี้ ประธานาธิบดีไช่พบกับคณะอดีตเจ้าหน้าที่สหรัฐที่ปัจจุบันทำงานในสถาบันฮูเวอร์ของมหาวิทยาลัยสแตนฟอร์ดในวันนี้ เธอกล่าวถึงเรื่องจีนที่โจมตีเกาะจินเหมินและเกาะหมาจู่ซึ่งอยู่ในความควบคุมของไต้หวันและอยู่นอกชายฝั่งจีนนานกว่า 1 เดือน เริ่มตั้งแต่เดือนสิงหาคม 2501 ว่า ช่วงสงครามดังกล่าว ทหารและพลเรือนไต้หวันได้ร่วมแรงร่วมใจกันปกป้องไต้หวัน ทำให้ไต้หวันมีประชาธิปไตยมาจนถึงทุกวันนี้ สงครามปกป้องมาตุภูมิดังกล่าวได้แสดงให้โลกเห็นว่า ไม่มีภัยคุกคามใด ๆ สามารถสั่นคลอนความมุ่งมั่นของชาวไต้หวันที่จะปกป้องประเทศชาติของตนเองได้ ทั้งในอดีต ปัจจุบัน และอนาคต ไต้หวันตอบโต้จีนในสงครามปี 2501 โดยรับการสนับสนุนจากสหรัฐที่ส่งยุทโธปกรณ์ เช่น ขีปนาวุธต่อต้านอากาศยานไซด์ไวน์เดอร์ (Sidewinder) ทำให้ไต้หวันได้เปรียบทางเทคนิค สงครามนี้มักถูกเรียกขานว่า วิกฤตช่องแคบไต้หวันครั้งที่ 2 และเป็นครั้งหลังสุดที่กองกำลังไต้หวันปะทะกับกองทัพจีนครั้งใหญ่ ด้านคณะอดีตเจ้าหน้าที่สหรัฐกล่าวว่า มาเยือนไต้หวันเพื่อย้ำเรื่องชาวอเมริกันมีพันธกิจที่จะกระชับความร่วมมือกับไต้หวัน ด้วยการเสริมสร้างศักยภาพของไต้หวันในการปกป้องตัวเอง และศักยภาพของสหรัฐในการป้องปรามและต้านทานการใช้กำลังข้ามช่องแคบไต้หวัน.-สำนักข่าวไทย

ผู้ว่ารัฐอินดีแอนาของสหรัฐเข้าพบผู้นำไต้หวัน

ไทเป 22 ส.ค.- นายเอริก โฮลคัมบ์ ผู้ว่าการรัฐอินดีแอนาของสหรัฐเข้าพบประธานาธิบดีไช่ อิงเหวินของไต้หวันในวันนี้ นับเป็นเจ้าหน้าที่ระดับสูงคนที่ 3 ของสหรัฐที่มาเยือนไต้หวันในเดือนนี้ ประธานาธิบดีไช่กล่าวกับนายโฮลคัมบ์ที่ทำเนียบประธานาธิบดีโดยมีการถ่ายทอดสดผ่านทางสื่อสังคมออนไลน์ของเธอว่า ไต้หวันเผชิญกับภัยคุกคามทางทหารจากจีนมาโดยตลอด ทั้งในและรอบช่องแคบไต้หวัน ดังนั้นในเวลาเช่นนี้พันธมิตรประชาธิปไตยจึงต้องยืนเคียงข้างกันและส่งเสริมความร่วมมือในทุกด้าน ผู้นำไต้หวันกล่าวถึงเรื่องที่นายโฮลคัมบ์จะพบกับตัวแทนบริษัทเซมิคอนดักเตอร์หรือชิปในไต้หวันด้วยว่า ความมั่นคงทางเศรษฐกิจเป็นเสาหลักของความมั่นคงระดับชาติและระดับภูมิภาค ไต้หวันพร้อมและสามารถเสริมสร้างความร่วมมือกับหุ้นส่วนประชาธิปไตยในการทำให้ห่วงโซ่อุปทานของชิปประชาธิปไตยมีความยั่งยืน ผู้ว่าการรัฐอินดีแอนาถือเป็นเจ้าหน้าที่ระดับสูงคนที่ 3 ของสหรัฐที่มาเยือนไต้หวันในเดือนนี้ หลังจากนางแนนซี เปโลซี ประธานสภาผู้แทนราษฎรสหรัฐนำคณะสมาชิกสภามาเยือนเมื่อต้นเดือน และทำให้จีนตอบโต้ด้วยการซ้อมรบรอบไต้หวันครั้งใหญ่ที่สุด จากนั้น ส.ว.เอ็ดเวิร์ด มาร์กี รัฐแมสซาชูเซตส์ นำคณะสมาชิกรัฐสภาสหรัฐมาเยือนช่วงกลางเดือน.-สำนักข่าวไทย

ฟิลิปปินส์ฝังศพอดีตประธานาธิบดีรามอสแบบรัฐพิธี

ฟิลิปปินส์จัดพิธีฝังศพแบบรัฐพิธีให้แก่อดีตประธานาธิบดีฟิเดล รามอส ในวันนี้ โดยยกย่องเขาว่าเป็นอดีตนายทหารที่ปกป้องประชาธิปไตยและเป็นนักปฏิรูป

“มิน อ่อง หล่าย” ประกาศขยายสถานการณ์ฉุกเฉินแล้ว

กรุงเทพฯ 1 ส.ค.- พล.อ.อาวุโสมิน อ่อง หล่าย ผู้นำรัฐบาลทหารเมียนมา ต่ออายุอำนาจการปกครองออกไปอีก 6 เดือน ด้วยการขยายประกาศสถานการณ์ฉุกเฉิน เพื่อเตรียมการสำหรับการเลือกตั้งที่ระบุว่าจะจัดขึ้นในปีหน้า พล.อ.อาวุโสมิน อ่อง หล่าย ปราศรัยทางโทรทัศน์ในวันนี้ว่า ได้ขยายสถานการณ์ฉุกเฉินที่ประกาศเมื่อปีก่อนหลังยึดอำนาจ เนื่องจากต้องการเวลาในการเดินหน้าการทำงานเพื่อนำประเทศกลับสู่เส้นทางระบอบประชาธิปไตยที่สันติและแบบหลายพรรคที่มีวินัย และเพื่อจัดการเลือกตั้งทั่วไปแบบประชาธิปไตยหลายพรรค กองทัพได้พยายามอย่างเต็มที่ที่จะปฏิบัติตามหน้าที่ความรับผิดชอบตั้งแต่ยึดอำนาจ แต่กลุ่มก่อการร้ายในประเทศและต่างประเทศ รวมถึงผู้คนและองค์กรที่สนับสนุนกลุ่มก่อการร้ายมุ่งมั่นที่จะทำลายเมียนมา แทนที่จะช่วยส่งเสริมประชาธิปไตยในเมียนมา พล.อ.อาวุโสมิน อ่อง หล่ายกล่าวว่า ความขัดแย้งทางอาวุธจะต้องยุติเพื่อให้มั่นใจว่าการเลือกตั้งที่กำลังจะมาถึงจะไม่มีการข่มขู่คุกคามหรือความไม่เป็นธรรม หน่วยงานความมั่นคงจะเร่งดำเนินการเพื่อรักษาเสถียรภาพทางการเมืองและความมั่นคงของประเทศเพื่อให้เมียนมาสามารถจัดการเลือกตั้งได้ เอพีตั้งข้อสังเกตว่า คำปราศรัยของผู้นำสูงสุดเมียนมาเรื่องการยุติความขัดแย้งทางอาวุธดูเหมือนจะหมายถึงปฏิบัติการทางทหารที่รัฐบาลใช้กับกลุ่มชาติพันธุ์และกลุ่มเรียกร้องประชาธิปไตย เดิมกองทัพเมียนมาประกาศว่า จะจัดการเลือกตั้งภายใน 1 ปีหลังการยึดอำนาจในปี 2564 แต่ต่อมาประกาศว่า จะจัดการเลือกตั้งในปี 2566.-สำนักข่าวไทย

1 2 3 4 5 6 14
...