ทะเลจีนใต้

ปักกิ่ง 23 มี.ค.- กองทัพจีนอ้างว่า ได้เตือนเรือรบของสหรัฐให้ออกจากน่านน้ำในทะเลจีนใต้ ขณะที่สหรัฐโต้กลับทันทีว่า เรือรบของสหรัฐปฏิบัติการตามปกติและไม่ได้ถูกจีนขับไล่ โฆษกกองทัพภาคใต้ของกองกำลังปลดปล่อยประชาชนจีนแจ้งว่า เรือยูเอสเอสมิเลียส (USS Milius) ซึ่งเป็นเรือพิฆาตติดตั้งขีปนาวุธนำวิถีของสหรัฐได้เข้ามาในน่านน้ำรอบหมู่เกาะพาราเซลในทะเลจีนใต้ กองทัพจึงได้ให้กองกำลังทางทะเลและทางอากาศติดตามและจับตาเรือลำนี้ตามกรอบของกฎหมายและเตือนให้ออกจากน่านน้ำ เรือลำนี้ล่วงล้ำน่านน้ำที่เป็นดินแดนของจีนอย่างผิดกฎหมายเพราะไม่ได้รับอนุญาตจากรัฐบาลจีน ถือว่าเป็นอันตรายต่อสันติภาพและเสถียรภาพ ด้านโฆษกกองบัญชาการภูมิภาคอินโด-แปซิฟิกของสหรัฐแถลงตอบโต้ทันทีว่า แถลงการณ์ของสาธารณรัฐประชาชนจีนไม่ถูกต้อง เรือของสหรัฐกำลังปฏิบัติการตามปกติในทะเลจีนใต้ และไม่ได้ถูกจีนขับไล่ สหรัฐจะเดินหน้าปฏิบัติการทั้งการบินและการเดินเรือในทุกที่ที่กฎหมายสากลอนุญาต หมู่เกาะพาราเซลประกอบด้วยเกาะปะการังและแนวปะการังขนาดเล็กประมาณ 130 แห่ง ครอบคลุมน่านน้ำประมาณ 15,000 ตารางกิโลเมตร และอยู่ห่างจากชายฝั่งจีนและชายฝั่งเวียดนามเป็นระยะทางพอ ๆ กัน ทั้งจีนและเวียดนามต่างอ้างกรรมสิทธิ์ครอบครอง.-สำนักข่าวไทย

นิวเดลี 3 มี.ค.- กลุ่มควอด (Quad) ที่ประกอบด้วยสหรัฐ ญี่ปุ่น ออสเตรเลีย และอินเดีย แสดงความกังวลในวันนี้เรื่องน่านน้ำในเอเชียถูกทำให้เป็นพื้นที่ทางทหาร เป็นการพาดพิงถึงจีนที่เพิ่มการแสดงตนในน่านน้ำพิพาท รัฐมนตรีต่างประเทศกลุ่มควอดออกแถลงการณ์ร่วมที่กรุงนิวเดลีของอินเดีย เรียกร้องให้น่านน้ำในทะเลจีนตะวันออกและทะเลจีนใต้ตระหนักถึงความสำคัญของการยึดมั่นในกฎหมายสากล เพื่อรับมือกับสิ่งที่ท้าทายต่อระเบียบที่ตั้งอยู่บนกฎเกณฑ์ทางทะเล กลุ่มควอดขอคัดค้านอย่างแข็งขันต่อการดำเนินการเพียงฝ่ายเดียวที่ต้องการเปลี่ยนแปลงสถานภาพปัจจุบัน หรือเพิ่มความตึงเครียดในน่านน้ำเหล่านี้ และขอแสดงความกังวลอย่างยิ่งที่มีการทำให้น่านน้ำพิพาทกลายเป็นพื้นที่ทางทหาร การใช้เรือหน่วยยามฝั่งและกองกำลังทางทะเลอย่างเป็นอันตราย และความพยายามก่อกวนการใช้ประโยชน์จากทรัพยากรนอกชายฝั่งของประเทศอื่น อย่างไรก็ดี แถลงการณ์ร่วมดังกล่าวไม่ได้ระบุชื่อจีนโดยตรง จีนกล่าวหาหลายครั้งว่า สหรัฐเป็นตัวตั้งตัวตีตั้งกลุ่มควอดขึ้นเพื่อล้อมกรอบจีน แต่สมาชิกกลุ่มควอดแย้งว่า ไม่ได้มีเจตนาประสงค์ร้าย ไม่ใช่กลุ่มทางทหาร แต่ตั้งขึ้นเพื่อร่วมมือในบางเรื่อง เช่น การบรรเทาภัยพิบัติ.-สำนักข่าวไทย

วอชิงตัน 14 ก.พ.- สหรัฐวิพากษ์วิจารณ์จีนเรื่องที่มีรายงานข่าวว่า เรือจีนยิงแสงเลเซอร์ระดับที่ใช้ในกองทัพใส่เรือยามฝั่งของฟิลิปปินส์ในน่านน้ำที่มีข้อพิพาทกันเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว และทำให้ลูกเรือฟิลิปปินส์ตาบอดชั่วขณะ โฆษกกระทรวงต่างประเทศสหรัฐกล่าวว่า การกระทำของหน่วยยามฝั่งจีนถือเป็นการยั่วยุและไม่ปลอดภัย ส่งผลให้ลูกเรือฟิลิปปินส์ตาบอดชั่วขณะ เขากล่าวว่า สหรัฐขอยืนเคียงข้างพันธมิตรอย่างฟิลิปปินส์ในเรื่องที่มีรายงานข่าวว่า หน่วยยามฝั่งจีนใช้อุปกรณ์เลเซอร์กับลูกเรือหน่วยยามฝั่งฟิลิปปินส์ พฤติกรรมที่เป็นอันตรายของจีนเป็นภัยโดยตรงต่อสันติภาพและเสถียรภาพของภูมิภาค รุกล้ำเสรีภาพการเดินเรือในทะเลจีนใต้ และบ่อนทำลายกฎที่ตั้งอยู่บนระเบียบสากล หน่วยยามฝั่งฟิลิปปินส์แถลงเมื่อวานนี้ว่า เหตุการณ์ดังกล่าวเกิดขึ้นเมื่อวันที่ 6 กุมภาพันธ์ ในน่านน้ำห่างจากสันดอนเซ็กคันด์โทมัสในหมู่เกาะสแปรตลีย์ราว 20 กิโลเมตร ที่ซึ่งกำลังพลนาวิกโยธินของฟิลิปปินส์ประจำการอยู่ โดยก่อนหน้านี้ไม่กี่วันฟิลิปปินส์และสหรัฐเพิ่งตกลงเรื่องฟื้นการลาดตระเวนร่วมในทะเลจีนใต้ และอนุญาตให้กองกำลังสหรัฐเข้าถึงฐานทัพฟิลิปปินส์เพิ่มอีก 4 แห่ง.-สำนักข่าวไทย

หน่วยยามฝั่งฟิลิปปินส์แจ้งว่า เรือลาดตระเวนของจีนได้ยิงแสงเลเซอร์ระดับที่ใช้ในกองทัพไปที่เรือลาดตระเวนฟิลิปปินส์ขณะลอยลำอยู่ในทะเลจีนใต้ ทำให้ลูกเรือของฟิลิปปินส์ตาบอดชั่วขณะ

จาการ์ตา 3 ก.พ.- อินโดนีเซียบอกประเทศมหาอำนาจอย่าใช้อาเซียนเป็นตัวแทนในการจัดการกับคู่แข่ง และเรียกร้องให้มีความเป็นหนึ่งเดียวและมีความคืบหน้าในการแก้ไขวิกฤตเมียนมา อินโดนีเซียซึ่งเป็นประธานหมุนเวียนปี 2566 ของสมาคมประชาชาติเอเชียตะวันออกเฉียงใต้หรืออาเซียน เปิดการประชุมรัฐมนตรีต่างประเทศในภูมิภาคเป็นเวลา 2 วันเริ่มตั้งแต่วันนี้ และจะเป็นประธานประชุมสุดยอดอาเซียนในปลายปี นางเรตโน มาร์ซูดี รัฐมนตรีต่างประเทศอินโดนีเซียเผยว่า ประธานาธิบดีโจโก วิโดโดของอินโดนีเซียได้กล่าวกับรัฐมนตรีที่มาประชุมว่า อาเซียนไม่ควรเป็นตัวแทนให้แก่ฝ่ายใด ตอกย้ำสิ่งที่เขาเคยพูดในการประชุมสุดยอดอาเซียนที่กัมพูชาเมื่อปลายปีก่อน และได้ย้ำว่า ฉันทามติ 5 ประการที่ผู้นำอาเซียนเห็นชอบควรเป็นข้อตกลงหลักที่จะช่วยแก้ไขปัญหาในเมียนมา ผู้นำอินโดนีเซียเรียกร้องดังกล่าวเนื่องจากสมาชิกอาเซียนบางประเทศจากทั้งหมด 10 ประเทศมีข้อพิพาทกับจีนเรื่องการอ้างสิทธิในทะเลจีนใต้ จึงเห็นด้วยกับสหรัฐที่คัดค้านการแผ่อิทธิพลของจีน ขณะที่สมาชิกบางประเทศแสดงท่าสนับสนุนจีน ส่วนเมียนมาที่เกิดวิกฤตตั้งแต่กองทัพรัฐประหารเมื่อเดือนกุมภาพันธ์ 2564 อาเซียนไม่เชิญเข้าร่วมการประชุมสุดยอดเพราะไม่มีความคืบหน้าเรื่องการปฏิบัติตามฉันทามติเดือนเมษายน 2564 เพื่อยุติการหยุดยิงโดยทันทีและเปิดการเจรจากับกลุ่มต่อต้าน และไม่เชิญนายตัน ฉ่วย รัฐมนตรีต่างประเทศเมียนมาคนใหม่เข้าร่วมการประชุมรัฐมนตรีต่างประเทศในวันนี้ อาเซียนขอให้ส่งผู้ที่ไม่ใช่ตัวแทนทางการเมือง แต่ถูกรัฐบาลเมียนมาปฏิเสธ.-สำนักข่าวไทย

มะนิลา 2 ก.พ.- ฟิลิปปินส์อนุญาตให้กองกำลังของสหรัฐเข้าถึงฐานทัพฟิลิปปินส์เพิ่มอีก 4 แห่ง หวังต้านทานอิทธิพลทางทหารของจีนที่เพิ่มมากขึ้น ฟิลิปปินส์และสหรัฐประกาศข้อตกลงดังกล่าวในวันนี้ระหว่างที่นายลอยด์ ออสติน รัฐมนตรีกลาโหมสหรัฐเดินทางเยือนฟิลิปปินส์ เจ้าหน้าที่กลาโหมของทั้ง 2 ฝ่ายแถลงร่วมกันว่า ฟิลิปปินส์และสหรัฐขอประกาศแผนเร่งการดำเนินการอย่างเต็มที่ต่อข้อตกลงความร่วมมือกลาโหมเสริมสมรรถนะหรืออีดีซีเอ (EDCA) ด้วยการทำข้อตกลงกำหนดที่ตั้งตามที่ตกลงกันแห่งใหม่ 4 แห่งในพื้นที่ทางยุทธศาสตร์ของฟิลิปปินส์ เปิดทางให้กองกำลังสหรัฐสามารถเข้าถึงฐานทัพในฟิลิปปินส์ทั้งหมด 9 แห่ง แถลงการณ์ไม่ได้เปิดเผยรายชื่อฐานทัพแห่งใหม่ในข้อตกลง แต่คาดกันว่า 3 แห่งน่าจะอยู่บนเกาะลูซอนที่เป็นเกาะหลักและอยู่ใกล้ไต้หวันมากที่สุด และอีกแห่งน่าจะอยู่บนเกาะปาลาวัน ทางตะวันตกของฟิลิปปินส์ที่อยู่ตรงข้ามกับหมู่เกาะสแปรตลีย์ในทะเลจีนใต้ ฟิลิปปินส์และสหรัฐเป็นพันธมิตรความมั่นคงกันมาหลายทศวรรษ โดยมีสนธิสัญญากลาโหมร่วมและอีดีซีเอที่ทำในปี 2557 อนุญาตให้กองกำลังสหรัฐเข้ามาประจำการหมุนเวียนในฐานทัพฟิลิปปินส์ 5 แห่ง และให้กองทัพสหรัฐเก็บยุทโธปกรณ์ไว้ในฐานทัพเหล่านี้ รัฐบาลฟิลิปปินส์สมัยโรดริโก ดูเตอร์เต เป็นประธานาธิบดีได้ชะลอการดำเนินการตามอีดีซีเอ แต่รัฐบาลประธานาธิบดีเฟอร์ดินันด์ มาร์กอส จูเนียร์ ต้องการเร่งดำเนินการ ปัจจุบันมีทหารสหรัฐประจำการอยู่ในฟิลิปปินส์ 500 นาย และมีอีกส่วนหนึ่งหมุนเวียนเข้ามาร่วมซ้อมรบกับฟิลิปปินส์.-สำนักข่าวไทย

ประธานาธิบดีเฟอร์ดินันด์ มาร์กอส จูเนียร์ ของฟิลิปปินส์ ประกาศกระชับความสัมพันธ์จีน ในโอกาสที่เยือนจีนอย่างเป็นทางการครั้งแรกตั้งแต่รับตำแหน่งในเดือนมิถุนายน 2565

บรัสเซลส์ 14 ธ.ค.- สหภาพยุโรปหรืออียู เผยว่า ต้องการกลับมากระชับความสัมพันธ์กับสมาคมประชาชาติเอเชียตะวันออกเฉียงใต้หรืออาเซียน ในขณะที่โลกกำลังเผชิญกับสงครามในยูเครนและความท้าทายจากจีน อาเซียน-อียูกำลังประชุมสุดยอดสมัยพิเศษที่กรุงบรัสเซลส์ของเบลเยียมระหว่างวันที่ 12-15 ธันวาคม ฝรั่งเศสในฐานะประธานอียูวาระปัจจุบันระบุว่า ยุโรปจำเป็นต้องกลับมากระชับความสัมพันธ์กับอาเซียน ซึ่งเป็นภูมิภาคที่มีพลวัตรมากที่สุดแห่งหนึ่งของโลก เจ้าหน้าที่อียูเผยว่า อียูใช้การทูตผลักดันให้เกิดแนวร่วมต่อต้านรัสเซีย เนื่องจากการที่รัสเซียรุกรานยูเครนได้ทำให้เกิดผลกระทบทางเศรษฐกิจและการเมืองไปทั่วโลก แต่สมาชิก 10 ชาติอาเซียนมีท่าทีต่อรัสเซียแตกต่างกัน สิงคโปร์คว่ำบาตรรัสเซียตามอย่างตะวันตก เวียดนามและ สปป.ลาวที่มีความใกล้ชิดทางทหารกับรัสเซียวางตัวเป็นกลาง และงดออกเสียงเช่นเดียวกับไทยต่อญัตติในสหประชาชาติเมื่อเดือนตุลาคมประณามรัสเซียที่พยายามผนวกดินแดนที่ยึดได้ในยูเครน ทัศนะที่แตกต่างกันนี้ทำให้มีการถกเถียงกันอย่างหนักเรื่องเนื้อหาร่างปฏิญญา อย่างไรก็ดี ในที่สุดที่ประชุมสามารถตกลงได้ว่าจะส่งสารที่ชัดเจนที่สุดว่า อธิปไตยและความเป็นเอกราชของยูเครนจะต้องได้รับการเคารพ อีกประเด็นหนึ่งที่ที่ประชุมสุดยอดหารือกันคือเรื่องจีน การที่จีนอ้างสิทธิเหนือทะเลจีนใต้เกือบทั้งหมดทำให้เพื่อนบ้านไม่พอใจและยุโรปเกรงว่าจะกระทบการค้าผ่านน่านน้ำสำคัญนี้ จีนเป็นคู่ค้าใหญ่ที่สุดของอาเซียน และหลายประเทศในภูมิภาคไม่อยากตีตัวออกห่าง ขณะที่อียูพยายามเสนอตัวเป็นคู่ค้าที่เชื่อถือได้ของอาเซียนในยามที่จีนและสหรัฐแข่งขันกันรุนแรงขึ้น อีกทั้งยังต้องการกระจายห่วงโซ่อุปทานหลักไปยังแหล่งอื่น ๆ นอกจากจีน อียูเตรียมประกาศแผนการลงทุนมูลค่า 10,000 ล้านยูโร (ราว 367,808 ล้านบาท) ในอาเซียนภายใต้ยุทธศาสตร์โกลบอลเกตเวย์ (Global Gateway) ที่กำหนดขึ้นเพื่อต้านทานการแผ่อิทธิพลของจีน.-สำนักข่าวไทย

กองทัพจีนกล่าววันนี้ว่า ได้ดำเนินการขับไล่เรือลาดตระเวนอาวุธนำวิถีของสหรัฐที่รุกล้ำอย่างผิดกฎหมายเข้ามาในน่านน้ำใกล้กับหมู่เกาะสแปรตลีย์ ในทะเลจีนใต้ ซึ่งจีนและอีกหลายประเทศต่างอ้างสิทธิ์ความเป็นเจ้าของ