มะนิลา 13 ก.พ.- หน่วยยามฝั่งฟิลิปปินส์แจ้งว่า เรือลาดตระเวนของจีนได้ยิงแสงเลเซอร์ระดับที่ใช้ในกองทัพไปที่เรือลาดตระเวนฟิลิปปินส์ขณะลอยลำอยู่ในทะเลจีนใต้ ทำให้ลูกเรือของฟิลิปปินส์ตาบอดชั่วขณะ
หน่วยยามฝั่งฟิลิปปินส์แถลงวันนี้ว่า เหตุการณ์เกิดขึ้นเมื่อวันที่ 6 กุมภาพันธ์ ในน่านน้ำห่างจากสันดอนเซ็กคันด์โทมัสในหมู่เกาะสแปรตลีย์ที่อยู่ในทะเลจีนใต้ราว 20 กิโลเมตร เรือลาดตระเวนของฟิลิปปินส์ได้นำเสบียงไปให้กำลังพลนาวิกโยธินที่หมุนเวียนประจำการอยู่บนเรือที่จอดลอยลำอยู่ในน่านน้ำนี้ เพื่อยืนยันการอ้างสิทธิของฟิลิปปินส์ แต่ถูกเรือลาดตระเวนของจีนยิงแสงเลเซอร์ระดับที่ใช้ในกองทัพถึง 2 ครั้ง ทำให้ลูกเรือตาบอดชั่วขณะ นอกจากนี้เรือจีนยังเคลื่อนไหวในลักษณะที่เป็นอันตรายด้วยการแล่นเข้ามาใกล้เรือฟิลิปปินส์ในระยะห่างเพียง 140 เมตรเท่านั้น
หน่วยยามฝั่งฟิลิปปินส์ระบุว่า การจงใจขัดขวางเรือของรัฐบาลฟิลิปปินส์ที่จะจัดส่งอาหารและเสบียงให้แก่กำลังพล ถือเป็นการเพิกเฉยอย่างโจ่งแจ้งและละเมิดอย่างชัดเจนต่อสิทธิอธิปไตยของฟิลิปปินส์ในน่านน้ำที่เป็นส่วนหนึ่งของทะเลฟิลิปปินส์ตะวันตก และว่าเมื่อเดือนสิงหาคม 2565 เรือหน่วยยามฝั่งและเรือทหารกองหนุนของจีนได้ปิดล้อมสันดอนที่มีทหารฟิลิปปินส์ประจำการ ขัดขวางไม่ให้เรือของรัฐบาลฟิลิปปินส์เข้าไปส่งกำลังบำรุงให้กำลังพล
ประธานาธิบดีเฟอร์ดินันด์ มาร์กอส จูเนียร์ ของฟิลิปปินส์ และประธานาธิบดีสี จิ้นผิง ของจีน เห็นพ้องกันเมื่อเดือนมกราคมว่า จะให้กระทรวงต่างประเทศของทั้ง 2 ฝ่ายเปิดสายตรงระหว่างกัน เพื่อหลีกเลี่ยงการสื่อสารผิดพลาดในน่านน้ำในทะเลจีนใต้ที่ทั้ง 2 ฝ่ายอ้างสิทธิทับซ้อน อย่างไรก็ดี เมื่อต้นเดือนนี้ฟิลิปปินส์ได้ตกลงให้กองกำลังสหรัฐเข้าถึงฐานทัพในฟิลิปปินส์เพิ่มอีก 4 แห่ง รวมเป็นทั้งหมด 9 แห่ง เพื่อร่วมกันต้านทานอิทธิพลของจีนในภูมิภาคนี้.-สำนักข่าวไทย