ชัวร์ก่อนแชร์: สหรัฐฯ เปิดช่องผู้ป่วย HIV บริจาคอวัยวะให้คนทั่วไป จริงหรือ?

26 ธันวาคม 2567
แปลและเรียบเรียงบทความ : อดิศร สุขสมอรรถ
ตรวจทานและพิสูจน์อักษร : คมส์ธนนท์ ศุขอัจจะสกุล


ข้อมูลที่ถูกแชร์ :

มีข้อมูลสร้างความเข้าใจผิดเกี่ยวกับโรคเอดส์เผยแพร่ทางสื่อสังคมออนไลน์ในสหรัฐอเมริกา โดยอ้างว่ารัฐบาลสหรัฐฯ เพิ่มความเสี่ยงให้กับผู้รอรับการบริจาคอวัยวะ เมื่ออนุญาตให้ผู้ติดเชื้อไวรัส HIV สามารถบริจาคตับและไตได้เป็นครั้งแรก


บทสรุป :

1.สหรัฐฯ อนุญาตให้ผู้ติดเชื้อไวรัส HIV สามารถบริจาคตับและไตให้กับผู้ติดเชื้อไวรัส HIV เพื่อการการผ่าตัดปลูกถ่ายอวัยวะเป็นครั้งแรก ไม่ใช่การบริจาคอวัยวะให้กับคนทั่วไป
2.เมื่อผู้ติดเชื้อไวรัส HIV ไม่ต้องรอแต่การบริจาคอวัยวะจากผู้ไม่ติดเชื้อเหมือนในอดีต ทำให้คนทั่วไปมีโอกาสการเข้าถึงการบริจาครอวัยวะมากขึ้นตามไปด้วย

FACT CHECK : ตรวจสอบข้อเท็จจริง :


จากการตรวจสอบพบว่า ข้อความดังกล่าวเป็นการจงใจบิดเบือนข้อมูลให้เกิดความตื่นตระหนกในสังคม เพราะแท้จริงแล้ว นโยบายดังกล่าวเป็นการเปิดโอกาสให้ผู้ติดเชื้อไวรัส HIV มีโอกาสได้รับการผ่าตัดปลูกถ่ายตับและไตมากขึ้น เมื่ออนุญาตให้ผู้ติดเชื้อไวรัส HIV สามารถบริจาคตับและไตให้กับผู้ติดเชื้อไวรัส HIV เป็นครั้งแรก จากการประกาศโดยกระทรวงสุขภาพและบริการมนุษย์สหรัฐฯ เมื่อวันที่ 26 พฤศจิกายน 2024

อคติต่อผู้ติดเชื้อไวรัส HIV และผู้ป่วยโรคเอดส์ ทำให้สหรัฐฯ เคยออกกฎหมายห้ามไม่ให้ผู้ติดเชื้อไวรัส HIV ทำการบริจาคอวัยวะมาตั้งแต่ปี 1988

จุดเปลี่ยนมาเกิดขึ้นในปี 2010 เมื่อแพทย์ในประเทศแอฟริกาใต้ ประสบความสำเร็จในการผ่าตัดปลูกถ่ายอวัยวะจากผู้บริจาคอวัยวะที่มีเชื้อไวรัส HIV ให้กับผู้รับอวัยวะที่มีเชื้อไวรัส HIV เช่นกัน

การกระทำดังกล่าวยังเป็นสิ่งต้องห้ามในสหรัฐฯ ในเวลานั้น นำไปสู่การเรียกร้องการเปลี่ยนกฎหมายการบริจาคอวัยวะของผู้ติดเชื้อไวรัส HIV จนเกิดการร่างกฎหมายตัวใหม่ในปี 2013 ที่ชื่อว่า HIV Organ Policy Equity Act หรือ HOPE Act ในสมัยประธานาธิบดี บารัค โอบามา อนุญาตให้มีการวิจัยของการนำอวัยวะของผู้ที่มีเชื้อไวรัส HIV ไปผ่าตัดปลูกถ่ายให้กับผู้รับที่มีเชื้อไวรัส HIV เพื่อศึกษาอัตราการรอดชีวิตหลังปลูกถ่ายอวัยวะ อัตราการปฏิเสธอวัยวะ การทำงานของอวัยวะ และความเสี่ยงต่าง ๆ เช่น สายพันธุ์ของไวรัสที่ต่างกันระหว่างผู้บริจาคและผู้รับ

ในปี 2015 เริ่มมีการให้ทดลองผ่าตัดปลูกถ่ายอวัยวะจากผู้ติดเชื้อไวรัส HIV ที่เสียชีวิตแล้ว จนกระทั่งคณะแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยจอห์นส์ ฮอปกินส์ ได้ทดลองผ่าตัดปลูกถ่ายไตจากผู้ติดเชื้อไวรัส HIV ที่ยังมีชีวิตเป็นครั้งแรกเมื่อปี 2019

หลังติดตามผลการทดลองเป็นเวลา 4 ปี ทีมวิจัยของ Johns Hopkins University ได้ตีพิมพ์ผลวิจัยการผ่าตัดปลูกถ่ายอวัยวะระหว่างผู้ติดเชื้อไวรัส HIV ทางวารสาร New England Journal of Medicine เมื่อเดือนพฤศจิกายน 2024

เนื้อหาเป็นการรายงานผลการทดลองผ่าตัดปลูกถ่ายไตกับผู้รับบริจาคจำนวน 198 ราย ซึ่งทุกรายเป็นผู้ติดเชื้อไวรัส HIV ที่ต้องเข้ารับการผ่าตัดปลูกถ่ายไต ซึ่งเป็นการบริจาคอวัยวะจากผู้บริจาคที่เสียชีวิตแล้ว โดยแบ่งเป็นกลุ่มผู้บริจาคที่มีเชื้อไวรัส HIV และผู้บริจาคที่ไม่มีเชื้อไวรัส HIV

การสำรวจพบว่า ทั้งกลุ่มที่ได้รับบริจาคอวัยวะจากผู้ติดเชื้อไวรัส HIV และผู้ที่ไม่มีเชื้อไวรัส HIV ต่างรอดชีวิตหลังปลูกถ่ายอวัยวะในอัตราสูง และมีอัตราการปฏิเสธอวัยวะต่ำเหมือนกัน

การวัดปริมาณไวรัส HIV พบว่า ในกลุ่มผู้รับไตจากผู้ติดเชื้อ HIV พบปริมาณไวรัส HIV เพิ่มขึ้น 13 ราย ส่วนผู้รับไตจากผู้ไม่ติดเชื้อ HIV พบปริมาณไวรัส HIV เพิ่มขึ้น 4 ราย

โดยปริมาณไวรัส HIV ที่เพิ่มขึ้นอยู่ในระดับเดียวกับผู้ติดเชื้อไวรัส HIV ที่ได้รับยาต้านไวรัสไม่ต่อเนื่อง ซึ่งภายหลังปริมาณไวรัส HIV ในร่างกายก็กลับมาอยู่ในระดับต่ำหรือตรวจไม่พบทุกราย

การเปิดโอกาสให้มีการผ่าตัดปลูกถ่ายตับและไตระหว่างผู้ติดเชื้อไวรัส HIV เพิ่มความหวังการผ่าตัดปลูกถ่ายอวัยวะอื่น ๆ เช่น ปอด หรือหัวใจ ระหว่างผู้ติดเชื้อไวรัส HIV ในอนาคต

ข้อมูลจากหน่วยงาน United Network for Organ Sharing ที่รวบรวมข้อมูลเกี่ยวกับการบริจาคอวัยวะในสหรัฐฯ พบว่าในสหรัฐฯ มีผู้คนรอการบริจาคไตเพื่อการผ่าตัดปลูกถ่ายไตจำนวน 90,000 ราย และในปี 2022 พบว่า มีผู้เสียชีวิตระหว่างการรอรับบริจาคไตไปถึง 4,000 ราย

ความสำเร็จของกฎหมาย HOPE Act นำไปสู่การผ่าตัดปลูกถ่ายตับและไตจากผู้บริจาคอวัยวะที่มีเชื้อไวรัส HIV แล้วถึง 517 ครั้ง

แคร์รี ฟูต ศาสตราจารย์ภาควิชาสังคมวิทยา มหาวิทยาลัยอินเดียนาโพลิส ซึ่งเป็นผู้ติดเชื้อไวรัส HIV และขึ้นทะเบียนเป็นผู้บริจาคอวัยวะ อธิบายต่อสำนักข่าวเอพีว่า ที่ผ่านมาผู้ติดเชื้อไวรัส HIV ถูกขัดขวางจากการบริจาคอวัยวะ เนื่องด้วยกฎหมายระดับรัฐที่ล้าหลังและเป็นอคติต่อผู้ติดเชื้อไวรัส HIV การมาถึงของ HOPE Act ไม่เพียงเพิ่มโอกาสการรอดชีวิตของผู้ติดเชื้อไวรัส HIV ที่รอการผ่าตัดปลูกถ่ายอวัยวะเท่านั้น แต่ยังเพิ่มโอกาสการรอดชีวิตให้กับผู้รอการบริจาคอวัยวะทั่วไปอีกด้วย เนื่องจากเป็นการเปิดโอกาสให้มีผู้บริจาคอวัยวะเพิ่มขึ้นนั่นเอง

ข้อมูลอ้างอิง :

https://www.reuters.com/fact-check/posts-about-kidney-liver-transplants-between-hiv-positive-people-lack-context-2024-12-04/
https://apnews.com/article/kidney-transplant-hiv-research-ebfeb22cf6df39bac3d11613102fdecb
https://www.nejm.org/doi/full/10.1056/NEJMoa2403733
https://en.wikipedia.org/wiki/HIV_Organ_Policy_Equity_Act

ดูข่าวเพิ่มเติม

หากได้รับอะไรมา อย่าเพิ่งแชร์ต่อ ส่งมาตรวจสอบกับ “ศูนย์ชัวร์ก่อนแชร์”
LINE :: @SureAndShare หรือคลิก http://line.sure.guru
FB :: https://www.facebook.com/SureAndShare
YouTube :: https://www.youtube.com/@SureAndShare
Twitter :: https://www.twitter.com/SureAndShare
IG :: https://instagram.com/SureAndShare
Website :: http://www.ชัวร์ก่อนแชร์.com
TikTok :: https://www.tiktok.com/@sureandshare

สมัครรับฟรี ชัวร์ก่อนแชร์ Newsletter ส่งถึงกล่องอีเมลของคุณทุกสัปดาห์ :: https://i.sure.guru/sureandshareNewsletter

หมายเหตุ : โฆษณาที่ปรากฏอยู่บนหน้าเว็บไซต์นี้ แสดงผลโดยอัตโนมัติจากบริษัทผู้ให้บริการโฆษณา ไม่ใช่การสนับสนุนหรือส่งเสริมจากศูนย์ชัวร์ก่อนแชร์แต่อย่างใด

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

โปรดเกล้าฯ ครม. “อนุทิน” รายชื่อตรงตามโผ

กทม. 19 ก.ย.-โปรดเกล้าฯ ครม. “อนุทิน” นั่งนายกฯ ควบมหาดไทย พร้อมตั้ง รองนายกฯ 6 คน รมต.สำนักนายกฯ 4 คน ขณะรายชื่อตรงตามโผ ไม่มีเปลี่ยนแปลง ผู้สื่อข่าวรายงานว่า วันนี้ (19 ก.ย. 68) เวลา 09.30 น. เว็บไซต์ราชกิจจานุเบกษา เผยแพร่ประกาศ สำนักนายกรัฐมนตรี เรื่อง แต่งตั้งคณะรัฐมนตรี โดยพระบาทสมเด็จพระปรเมนทรรามาธิบดีศรีสินทรมหาวชิราลงกรณ พระวชิรเกล้าเจ้าอยู่หัว มีพระบรมราชโองการโปรดเกล้าฯ ให้ประกาศว่า ตามที่ได้ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ แต่งตั้ง นายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรี ตามประกาศลงวันที่ 7 กันยายนพุทธศักราช 2568 แล้วนั้น บัดนี้ นายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรี ได้เลือกผู้ที่สมควรดำรงตำแหน่ง รัฐมนตรีเพื่อบริหารราชการแผ่นดินสืบต่อไปแล้ว อาศัยอำนาจตามความในมาตรา 158 ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย จึงทรงพระกรุณาโปรดเก้าแต่งตั้งรัฐมนตรีดังต่อไปนี้ นายพิพัฒน์ รัชกิจประการ […]

“เจ๊ปอง” น้ำตาคลอ เปิดใจหลังศาลฎีกาตีกลับยกฟ้อง

กรุงเทพฯ 19 ก.ย. – “เจ๊ปอง” น้ำตาคลอ เปิดใจหลังศาลฎีกาตีกลับยกฟ้อง เชื่อ 15 ปีที่ผ่านมา เป็นบทเรียนของชีวิต หลังจากนี้จะใช้ชีวิตของตัวเองอุทิศให้ประชาชนและประเทศชาติ ชี้ขึ้นอยู่กับสถานการณ์บ้านเมืองว่าจะออกมาเคลื่อนไหวอีกหรือไม่ น.ส.อัญชะลี ไพรีรัก สื่อมวลชนอาวุโส กล่าวขอบคุณกระบวนการยุติธรรม และศาลด้วยที่ความเมตตากับตนเอง ที่ผ่านมาเราต่อสู้ด้วยความบริสุทธิ์ยุติธรรม สำหรับการตัดสินในวันนี้ทำให้รู้สึกโล่งใจ ดีใจทำให้เรารู้ว่าหลังจากนี้เราจะใช้ชีวิตของเราอย่างไรต่อ เพราะถือว่าเป็นคดีสุดท้าย 15 ปีที่ผ่านมา เป็นบทเรียนของชีวิต ต่อจากนี้เป็นต้นไปขอทำหน้าที่สื่อมวลชนที่ดีเป็นประโยชน์ต่อพี่น้องประชาชน เป็นประโยชน์กับประเทศชาติ มันเป็นสิ่งที่ดีที่สุดชีวิตนี้จะอุทิศให้กับพี่น้องประชาชนและประเทศชาติ พร้อมบอกว่าเป็นคดีสุดท้ายใน 20 ปี ตลอด 20 ปีที่ผ่านมา เราใช้วิชาชีพของตัวเองใช้ความเชี่ยวชาญของตัวเองรับใช้พี่น้องประชาชน ถือว่าเป็น 20 ปี ที่คุ้มมาก พี่น้องประชาชนให้กำลังใจเราเป็นจำนวนมาก โดยเฉพาะคนที่ร่วมมือกับเราในการแสวงหาข้อมูล เรารู้สึกว่ามีคนรักเรามาก และความจริงมีเพียงหนึ่งเดียวเท่านั้น เรานำเสนอความจริง เมื่อถามว่าที่ผ่านรู้สึกอย่างไรได้มีเตรียมใจไว้หรือไม่ น.ส.อัญชะลี ระบุว่า ทุกอย่างเตรียมความพร้อม ทุกอย่างไม่ต้องแอบทำใจ หากเราสู้จนถึงที่สุดแล้วอะไรจะเกิดขึ้นก็ต้องเกิด ขอบคุณทุกหน่วยงานที่เคยช่วยเหลือทั้งในเรื่องเอกสาร หรืออื่นๆ ส่วนเหตุผลที่ศาลพิจารณายกฟ้องในคดีนี้ คือ ศาลเห็นว่าพยานให้การไม่ตรงกันในหลายประเด็นทั้งพยานวัตถุ […]

ศาลฎีกานัดฟังคำพิพากษาคดีม็อบพันธมิตรบุกยึด NBT ปี51

ศาลอาญา 19 ก.ย. – วันนี้ที่ศาลอาญา รัชดา ได้นัดฟังคำพิพากษาศาลฎีกา หรือคดีแกนนำกลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยหรือ พธม. นำผู้ชุมนุมบุกยึดสถานีโทรทัศน์แห่งประเทศไทย หรือ NBT เมื่อวันที่ 26 สิงหาคม 2551 หรือเมื่อ 17 ปีก่อน ในช่วงระหว่างการชุมนุมขับไล่รัฐบาลนายสมัคร สุนทรเวช ในขณะนั้น ซึ่งศาลอาญานัดฟังคำพิพากษาในเวลา 10:00 น. โดยคดีดังกล่าวมีจำเลย 4 คน ได้แก่ น.ส.อัญชะลี ไพรีรัก, นายภูวดล ทรงประเสริฐ, นายยุทธิยง ลิ้มเลิศวาที และนายชิติพัทธ์ ลิ้มทองกุล ซึ่งเป็นน้องชายของนายสนธิ ลิ้มทองกุล อดีตแกนนำ พธม. ทั้งหมดถูกฟ้องในความผิดฐานร่วมกันมั่วสุมตั้งแต่ 10 คนขึ้นไป อั้งยี่ซ่องโจร บุกรุก และทำให้เสียทรัพย์ เนื่องจากปรากฏหลักฐานว่า จำเลยทั้งห้าเป็นระดับหัวหน้าและผู้สั่งการให้กระทำความผิด ทั้งนี้ ก่อนหน้านี้ได้มีจำเลยอีก 1 คน คือ นายสมเกียรติ […]

‘มาครง’ เตรียมเสนอหลักฐานยืนยัน ‘บริฌิตต์’ เป็นหญิงไม่ใช่ชาย

ปารีส 19 ก.ย. – ประธานาธิบดีเอมมานูเอล มาครง ผู้นำฝรั่งเศส และบริฌิตต์ ภริยา เตรียมเสนอหลักฐานทางวิทยาศาสตร์ต่อศาลสหรัฐเพื่อพิสูจน์ว่าบริฌิตต์เป็นผู้หญิงจริงๆ ไม่ใช่ผู้ชาย ทนายความของประธานาธิบดีมาครงและบริฌิตต์ บอกว่า ทั้งคู่จะยื่นเอกสารเหล่านี้ในคดีหมิ่นประมาทที่ทั้งสองได้ยื่นฟ้อง แคนแดซ โอเวนส์ อินฟลูเอนเซอร์ฝ่ายขวาชาวอเมริกัน ที่เผยแพร่ความเชื่อของตนผ่านทางสื่อและรายการพ็อคแคสต์ของตนเองว่าบริฌิตต์ เกิดมาเป็นผู้ชาย ซึ่งเรื่องนี้ทำให้เธอเสียใจและไม่สบายใจอย่างมากกับข้อกล่าวหาดังกล่าว และเรื่องนี้รบกวนจิตใจของประธานาธิบดีฝรั่งเศส แม้จะไม่ได้ทำให้มาครงสมาธิหลุดจากภารกิจหน้าที่ของเขาในฐานะผู้นำประเทศ แต่มันก็เป็นเรื่องรบกวนจิตใจของคนที่ต้องรับผิดชอบทั้งเรื่องครอบครัวและเรื่องงาน ซึ่งตัวประธานาธิบดีก็ไม่มีข้อยกเว้น ในส่วนของการยื่นหลักฐานต่อศาลนั้น ทนายความของมาครงและภริยาบอกว่า ทั้งคู่พร้อมที่จะแสดงหลักฐานอย่างชัดเจนทั้งในภาพรวมและในรายละเอียด รวมถึงคำให้การจากผู้เชี่ยวชาญ ซึ่งจะเป็นลักษณะทางวิทยาศาสตร์เพื่อพิสูจน์ว่าข้อกล่าวหานั้นเป็นเท็จ แม้จะเป็นกระบวนการที่บริฌิตต์จะต้องเผชิญต่อหน้าสาธารณชนอย่างเปิดเผย แต่เธอก็ยินดีที่จะทำ เธอตัดสินใจแน่วแน่แล้วว่าจะทำทุกอย่างที่จำเป็นเพื่อทำให้เรื่องนี้กระจ่าง สำหรับประเด็นเรื่องบริฌิตต์ เป็นผู้ชาย ถูกเผยแพร่ครั้งแรกตามสื่อออนไลน์ของฝ่ายขวาและกลุ่มต่อต้านวัคซีนในฝรั่งเศสตั้งแต่ปี 2021 ต่อมา แคนแดซ โอเวนส์ อดีตนักวิจารณ์ของเดลี่ไวร์ (Daily Wire) สำนักข่าวสายอนุรักษ์นิยมของสหรัฐฯ ซึ่งมีผู้ติดตามบนโซเชียลมีเดียหลายล้านคน ได้เผยแพร่มุมมองของตนเองหลายครั้งว่า บริฌิตต์ เป็นผู้ชาย ที่มีชื่อว่า ฌอง-มิเชล ทรอกโนซ์ (Jean-Michel Trogneux) ก่อนที่จะแปลงเพศในเวลาต่อมา ถึงขั้นอ้างว่าเธอพร้อมเดิมพันชื่อเสียงในอาชีพทั้งหมดของเธอกับข้อกล่าวหานี้ ส่งผลให้มาครงและภริยายื่นฟ้องต่อศาลสหรัฐฯ […]

ข่าวแนะนำ

“มทภ.2” เผยเขมรไม่มีท่าทีถอนอาวุธหนัก ลั่นเลิกคุยหากยังยั่วยุ

22 ก.ย.- “มทภ.2” ขอบคุณนายกฯ ไฟเขียวแก้ปัญหาชายแดน เผยเขมรไม่มีท่าทีถอนอาวุธหนัก มีแต่เพิ่มกำลัง ลั่นเลิกคุยหากยังยั่วยุ บินโดรน-ฝังทุ่นระเบิด ขณะที่กองทัพภาคที่ 1 ถก RBC สัปดาห์นี้ ส่วนด้านจันทบุรี – ตราด ยังไม่กำหนดวัน ผู้สื่อข่าวรายงานความคืบหน้า การนำผลประชุมคณะกรรมการชายแดนทั่วไป ไทย-กัมพูชา (GBC) เมื่อ 10 ก.ย.68 ไปสู่การปฏิบัติ โดยที่ประชุมกำหนด ให้มีการถอนอาวุธหนัก และยุทโธปกรณ์ทำลายล้างสูงออกจากพื้นที่ชายแดน กลับสู่ที่ตั้งปกติ โดยฝ่ายเลขานุการจีบีซี และอาร์บีซี จะหารือกันภายใน 3 สัปดาห์ เพื่อจัดทำแผนดำเนินการ และเริ่มเคลื่อนย้ายกำลังตามกรอบเวลาที่กำหนด โดยให้คณะผู้สังเกตการณ์ (IOT) มาร่วมสังเกตการณ์ ล่าสุด พล.ท.บุญสิน พาดกลาง แม่ทัพภาคที่ 2 เปิดเผยความคืบหน้าการนัดประชุมคณะกรรมชายแดนส่วนภูมิภาคไทย-กัมพูชา (RBC) จัดทำแผนดำเนินการถอนอาวุธหนัก และยุทโธปกรณ์ทำลายล้างสูงออกจากพื้นที่ชายแดนว่า ฝ่ายกัมพูชายังไม่มีท่าทีที่จะดำเนินการ มีแต่จะเพิ่มกำลังในพื้นที่ ซึ่งยังไม่ชัดว่าจะสามารถนำไปสู่การปฏิบัติได้หรือไม่ และยังไม่ได้มีการกำหนดการประชุมRBC คาดว่าจะเป็นต้นเดือน ต.ค.นี้ […]

“อนุทิน” ขนทีมเศรษฐกิจถกสมาคมธนาคารไทย

สมาคมธนาคารไทย 22 ก.ย.- “อนุทิน” ขนทีมเศรษฐกิจถกสมาคมธนาคารไทย ชี้เป็นหัวใจระบบเศรษฐกิจ บอกเคยเป็น Banker มาก่อน ระบุความเห็นเอกชนเป็นประโยชน์ภายใต้เป้าหมายเดียวกันคือดันไทยก้าวสู้ศูนย์กลางอาเซียน-ภูมิภาค นายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย พร้อมด้วยรัฐมนตรีเศรษฐกิจ ประกอบด้วย นายเอกนิติ นิติทัณฑ์ประภาส รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง นายวรภัค ธันยาวงษ์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลัง นายอรรถพล ฤกษ์พิบูลย์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน นางศุภจี สุธรรมพันธุ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ ร่วมหารือกับสมาคมธนาคารไทย โดยมีนายผยง ศรีวณิช ประธานสมาคมธนาคารไทย ให้การต้อนรับ จากนั้น นายกรัฐมนตรี กล่าวระหว่างการหารือในหัวข้อ “ฝ่าวิกฤต พลิกอนาคตเศรษฐกิจไทย ด้วยพลวัตใหม่” ว่า วันนี้ตนและทีมงานเศรษฐกิจต้องขอบคุณกับการต้อนรับที่อบอุ่น ตั้งใจมาพบกับทุกท่านหลังจากที่มีความชัดเจน ในการจัดตั้งรัฐบาล และตนได้ใช้ความพยายามเป็นอย่างยิ่ง ในการคัดสรรบุคลากรที่มีความรู้ความสามารถ มาบริหารงานด้านเศรษฐกิจในรัฐบาลของตน ซึ่งพวกท่านน่าจะรู้จักกันดีอยู่แล้ว และวันนี้มีความจำเป็นต้องพบปะ สถาบันหลัก ทางเศรษฐกิจโดยสัปดาห์ที่แล้วได้เดินทางไปที่สภาหอการค้าแห่งประเทศไทยและสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย ซึ่งได้รับข้อมูลที่เป็นประโยชน์มากมาย เพราะตนก็ออกจากวงการนี้ไปนาน เมื่อไปถึงสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย ก็ได้พบกับผู้ประกอบการ ที่เป็นมืออาชีพ […]

อุตุฯ เผยไทยตอนบนฝนตกหนักบางแห่ง-กทม.ฟ้าคะนอง 60%

กรุงเทพฯ 22 ก.ย. – กรมอุตุฯ เผยไทยตอนบนมีฝนตกหนักบางแห่ง โดยเฉพาะ จ.แม่ฮ่องสอน ตาก บึงกาฬ อำนาจเจริญ และอุบลราชธานี ขอให้ประชาชนบริเวณดังกล่าวระวังอันตรายจากฝนตกหนักและฝนที่ตกสะสม ส่วนกรุงเทพฯ-ปริมณฑล มีฝนฟ้าคะนอง 60% กรมอุตุนิยมวิทยาพยากรณ์อากาศ 24 ชั่วโมงข้างหน้า ประเทศไทยตอนบนมีฝนตกหนักบางแห่ง โดยเฉพาะบริเวณจังหวัดแม่ฮ่องสอน ตาก บึงกาฬ อำนาจเจริญ และอุบลราชธานี ขอให้ประชาชนในบริเวณดังกล่าวระวังอันตรายจากฝนตกหนักและฝนที่ตกสะสม เนื่องจากร่องมรสุมพาดผ่านภาคเหนือ และภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนบน ประกอบกับมรสุมตะวันตกเฉียงใต้ที่พัดปกคลุมทะเลอันดามัน ประเทศไทย และอ่าวไทย มีกำลังปานกลาง สำหรับบริเวณทะเลอันดามันตอนบน มีคลื่นสูงประมาณ 2 เมตร ส่วนทะเลอันดามันตอนล่างและอ่าวไทยตอนบน มีคลื่นสูง 1-2 เมตร บริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองคลื่นสูงมากกว่า 2 เมตร ขอให้ชาวเรือเดินเรือด้วยความระมัดระวัง และหลีกเลี่ยงการเดินเรือในบริเวณที่มีฝนฟ้าคะนอง อนึ่ง พายุไต้ฝุ่น “รากาซา” (RAGASA) บริเวณด้านตะวันออกของประเทศฟิลิปปินส์ มีแนวโน้มจะเคลื่อนลงสู่ทะเลจีนใต้ในวันนี้ (22 ก.ย. 68) คาดว่าในช่วงวันที่ […]

ส่องความเสียหายน้ำท่วมหล่มสัก ชาวบ้านหวั่นท่วมซ้ำซาก

เพชรบูรณ์ 21 ก.ย. – แม้ว่าน้ำที่ท่วมชุมชนและย่านการค้าในเทศบาลเมืองหล่มสัก จ.เพชรบูรณ์ จะลดลงจนเกือบเข้าสู่ภาวะปกติแล้ว แต่ทิ้งความเสียหายเป็นวงกว้าง บ้านเรือนร้านค้าหลายร้อยหลังเจอน้ำท่วมซ้ำเป็นรอบที่ 2 ในช่วง 3 สัปดาห์ ทำให้ชาวบ้านกังวลหล่มสักจะกลายเป็นพื้นที่น้ำท่วมซ้ำซาก.-สำนักข่าวไทย