ชัวร์ก่อนแชร์: ผลชันสูตรผู้ฉีดวัคซีนโควิด พบเชื้อไวรัสแพร่ทั่วร่างกาย จริงหรือ?

22 กันยายน 2564
ตรวจสอบข้อเท็จจริงโดย: Factcheck.org (สหรัฐอเมริกา)
แปลและเรียบเรียงบทความโดย: พีรพล อนุตรโสตถิ์, อดิศร สุขสมอรรถ


ประเภทข่าวปลอม: ทำให้เข้าใจผิด

บทสรุป:


  1. เป็นการบิดเบือนผลวิจัยให้เชื่อว่าวัคซีนโควิด 19 ป้องกันไวรัสไม่ได้ เนื่องจากผู้ตายฉีดวัคซีนเพียงเข็มเดียวจึงมีโอกาสติดเชื้อสูง
  2. มีอวัยวะเพียง 7 แห่งที่ตรวจพบเชื้อโควิด 19 และไม่ใช่สาเหตุการเสียชีวิตอีกด้วย

ข้อมูลที่ถูกแชร์:

มีข้อมูลบิดเบือนเผยแพร่ทาง Facebook ในสหรัฐอเมริกาโดย ฮัล เทอร์เนอร์ นักจัดรายการวิทยุแนวคิดอนุรักษ์นิยม ได้อ้างว่าผลการชันสูตรศพผู้ที่ฉีดวัคซีนโควิด 19 พบรหัสพันธุกรรม RNA ของไวรัสโควิด 19 ตามอวัยวะทุกส่วนของผู้ตาย แสดงให้เห็นว่าวัคซีนป้องกันโควิด 19 ไม่ได้ หรือทำให้การแพร่เชื้อรวดเร็วยิ่งขึ้น จนเป็นข้อความที่ถูกแชร์ไปแล้วกว่า 8,000 ครั้ง

FACT CHECK: ตรวจสอบข้อเท็จจริง:


คำกล่าวอ้างดังกล่าว นำมาจากงานวิจัยเมื่อเดือนเมษายน ซึ่งเป็นครั้งแรกที่มีการชันสูตรศพผู้ที่เข้ารับการฉีดวัคซีนโควิด 19 ผู้เสียชีวิตเป็นชายวัย 86 ปีที่อาศัยอยู่ในบ้านพักคนชรา โดยเสียชีวิตใน 4 สัปดาห์หลังจากฉีดวัคซีนโควิด 19 เข็มแรกของบริษัท Pfizer/BioNTech เมื่อช่วงต้นเดือนมกราคม

หลังจากฉีดวัคซีนไปได้ 2 สัปดาห์ ชายผู้นี้ยังไม่แสดงอาการใดๆ แต่ต้องเข้ารับการรักษาตัวที่โรงพยาบาลหลังเกิดอาการท้องเสียรุนแรงในวันที่ 18 หลังจากฉีดวัคซีน เมื่อรักษาตัวในโรงพยาบาลได้ 7 วัน เขาก็ตรวจพบว่าติดเชื้อโควิด 19 โดยเชื่อว่าติดมาจากคนไข้ที่อยู่ในห้องพยาบาลเดียวกัน หลังจากติดเชื้อได้หนึ่งวันเขาก็เสียชีวิต

แม้ผลชันสูตรจะพบไวรัสโควิด 19 แพร่กระจายไปตามอวัยวะต่างๆ ของผู้ตาย แต่ผู้วิจัยยืนยันว่าผู้ตายไม่แสดงอาการป่วยของโรคโควิด 19 และสรุปว่าที่มาของอาการท้องเสียรุนแรงมาจากอาการเลือดไปเลี้ยงลำไส้ใหญ่ไม่เพียงพอ (ischemic colitis) และสาเหตุการเสียชีวิตมาจากโรคปอดอักเสบจากเชื้อแบคทีเรียและภาวะไตล้มเหลว

โดยผลวิจัยสรุปว่า การฉีดวัคซีนโควิด 19 เข็มเดียวสามารถกระตุ้นภูมิคุ้มกันได้ แต่ไม่มากพอที่จะยับยั้งการติดเชื้อได้

อย่างไรก็ดี ผลการวิจัยถูกนำไปบิดเบือนโดยข้อความของ ฮัล เทอร์เนอร์ ที่อ้างว่าชายคนดังกล่าวเสียชีวิตเพราะการฉีดวัคซีนโควิด 19 เนื่องจากผลชันสูตรพบเชื้อไวรัสในอวัยวะทุกส่วนของผู้ตาย แสดงให้เห็นว่าวัคซีนป้องกันการติดเชื้อไม่ได้ หรือทำให้การแพร่เชื้อในร่างกายรวดเร็วยิ่งกว่าคนที่ไม่ได้ฉีดวัคซีน และอ้างว่าชายผู้นี้ต้องรักษาตัวในโรงพยาบาลด้วยโรคลำไส้อักเสบจากการเกิดลิ่มเลือดอุดตันหลังจากฉีดวัคซีนโควิด 19

ดร.ทอร์สเทน แฮนเซน จากศูนย์พยาธิวิทยา มหาวิทยาลัย Bielefeld University ประเทศเยอรมนี เจ้าของงานวิจัยชิ้นนี้ออกมายืนยันว่า ข้อกล่าวอ้างของ ฮัล เทอร์เนอร์ คือการบิดเบือนงานวิจัย

ข้อแรก ผู้เสียชีวิตไม่ได้รักษาตัวจากโรคลำไส้อักเสบเพราะลิ่มเลือดอุดตันจากวัคซีนโควิด 19 แต่เป็นเพราะอาการเลือดไปเลี้ยงลำไส้ใหญ่ไม่เพียงพอ ซึ่งเป็นอาการที่ผู้เสียชีวิตเคยเป็นมาก่อนเมื่อ 15 ปีที่แล้ว การส่องกล้องตรวจไม่พบ RNA ของไวรัสที่ลำไส้ใหญ่ จึงยืนยันได้ว่าอาการเลือดไปเลี้ยงลำไส้ใหญ่ไม่เพียงพอคือสาเหตุของการอาการท้องเสียรุนแรง ไม่ใช่สาเหตุจากการฉีดวัคซีน

ผู้วิจัยชี้ว่า ฮัล เทอร์เนอร์ บิดเบือนผลวิจัย 3 ข้อ

1.เนื่องจากผู้เสียชีวิตฉีดวัคซีนโควิด 19 เพียงโดสเดียว การติดเชื้อโควิด 19 หลังจากรับวัคซีนจึงไม่ใช่เรื่องผิดปกติ เพราะภูมิคุ้มกันจะเกิดขึ้นหลังจากรับวัคซีนโดสที่ 2 ไปแล้วเป็นเวลาประมาณ 2 สัปดาห์
2.การอ้างว่าพบไวรัสโควิด 19 ในอวัยวะทุกส่วนของผู้เสียชีวิตเป็นการกล่าวเกินจริง เพราะทีมวิจัยตรวจสอบอวัยวะของผู้เสียชีวิต 9 แห่ง และพบ RNA ของโควิด 19 ในอวัยวะเพียง 7 แห่งเท่านั้น
3.การวิจัยกับผู้ป่วยเพียงรายเดียว ไม่อาจสะท้อนประสิทธิผลโดยรวมของวัคซีนโควิด 19 ได้

ดร.ทอร์สเทน แฮนเซน ย้ำว่าจากการตรวจสอบอวัยวะของผู้เสียชีวิต ไม่พบการแสดงอาการข้างเคียงจากวัคซีนโควิด 19 แม้ผู้เสียชีวิตจะติดเชื้อโควิด 19 แต่โควิด 19 ไม่ใช่สาเหตุของการเสียชีวิต และทีมวิจัยยังคงมั่นใจว่าภูมิคุ้มกันที่เกิดจากการฉีดวัคซีน สามารถป้องกันการป่วยจากโควิด 19 ได้อย่างมีประสิทธิภาพ

ข้อมูลอ้างอิง:

https://www.factcheck.org/2021/06/scicheck-post-misrepresents-details-of-postmortem-study-of-vaccinated-sars-cov-2-patient/

ดูข่าวเพิ่มเติม

หากได้รับอะไรมา อย่าเพิ่งแชร์ต่อ ส่งมาตรวจสอบกับ “ศูนย์ชัวร์ก่อนแชร์”
LINE :: @SureAndShare หรือคลิก http://line.sure.guru
FB :: https://www.facebook.com/SureAndShare
YouTube :: https://www.youtube.com/@SureAndShare
Twitter :: https://www.twitter.com/SureAndShare
IG :: https://instagram.com/SureAndShare
Website :: http://www.ชัวร์ก่อนแชร์.com
TikTok :: https://www.tiktok.com/@sureandshare

สมัครรับฟรี ชัวร์ก่อนแชร์ Newsletter ส่งถึงกล่องอีเมลของคุณทุกสัปดาห์ :: https://i.sure.guru/sureandshareNewsletter

หมายเหตุ : โฆษณาที่ปรากฏอยู่บนหน้าเว็บไซต์นี้ แสดงผลโดยอัตโนมัติจากบริษัทผู้ให้บริการโฆษณา ไม่ใช่การสนับสนุนหรือส่งเสริมจากศูนย์ชัวร์ก่อนแชร์แต่อย่างใด

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

เมียติด GPS รถผัว ตามง้อถึงบ้าน ฝ่ายชายเมิน ยิงดับ

ภรรยาติด GPS รถสามี ตามง้อไม่สำเร็จ ซัดด้วยลูกโม่ตายคาใต้ถุนบ้าน คาดปมทะเลาะหึงหวง คิดจบชีวิตตัวเองตาม แต่พ่อสามียึดปืนไว้ทัน

ครูสูญเงิน 1.2 ล้านบาท มิจฉาชีพหลอกเป็นที่ดิน-จนท.ธนาคาร

ครูสาวชาวอุบลราชธานี ถูกมิจฉาชีพอ้างตัวเป็นหน่วยงานราชการ และเจ้าหน้าที่ธนาคาร ใช้เบอร์ธนาคารโทรหาจึงหลงเชื่อ สูญเงินกว่า 1.2 ล้านบาท

สุราษฎร์ฯ คลื่นลมแรง น้ำทะเลหนุนสูงท่วมบ้าน-รีสอร์ต

ฝนตกหนัก-คลื่นลมแรง น้ำทะเลหนุนสูงซัดบ้านพัก-รีสอร์ต อ.ไชยา จ.สุราษฎร์ธานี พังเสียหาย 4 หลัง เตือนเรือประมงงดออกจากฝั่ง

New threats in Los Angeles as wildfire switches direction

ไฟป่าแอลเอเปลี่ยนทิศสร้างปัญหาใหม่

ลอสแอนเจลิส 12 ม.ค.- รัฐแคลิฟอร์เนียของสหรัฐเกิดภัยคุกคามใหม่วานนี้ เมื่อไฟป่าที่โหมไหม้เผาหลายพื้นที่ทั่วเทศมณฑลลอสแอนเจลิสหรือแอลเอเคาน์ตี้ได้เปลี่ยนทิศทาง ทำให้ต้องสั่งอพยพประชาชนเพิ่มเติม และกลายเป็นปัญหาท้าทายใหม่สำหรับทีมนักดับเพลิง พื้นที่เขตแคลิฟอร์เนียใต้เผชิญไฟป่ามาตั้งแต่วันที่ 7 มกราคม โดยเกิดไฟป่าพร้อมกัน 6 จุดทั่วแอลเอเคาน์ตี้ ทำให้มีผู้เสียชีวิตแล้วอย่างน้อย 11 คน  ผู้สูญหาย 13 คน  บ้านเรือนและสิ่งปลูกสร้างเสียหายหรือถูกทำลายรวมแล้วกว่า 10,000 หลัง คาดว่าความเสียหายทั้งต่อชีวิตและทรัพย์สินจะเพิ่มขึ้นอีก เมื่อเจ้าหน้าที่สามารถเข้าตรวจสอบพื้นที่ประสบภัยได้อย่างละเอียด ขณะนี้ยังคงมีประชาชน 153,000 คนอยู่ภายใต้คำสั่งอพยพ และอีก 166,800 คน เสี่ยงต้องอพยพเนื่องจากมีการประกาศเคอร์ฟิวในทุกพื้นที่ที่มีการอพยพประชาชนหนีไฟป่า ขณะเดียวกันเครื่องบินกองทัพอากาศของเม็กซิโกได้ออกเดินทางมุ่งหน้าสู่รัฐแคลิฟอร์เนียของสหรัฐเมื่อวานนี้ เพื่อนำทีมบุคคลากร 74 คนจากกองทัพบกและคณะกรรมาธิการป่าไม้แห่งชาติ ไปช่วยปฏิบัติการดับไฟป่าที่กำลังลุกไหม้ลามไม่หยุดทั่วเขตแคลิฟอร์เนียใต้ ภารกิจด้านมนุษยธรรมดังกล่าวครอบคลุมทั้งปฏิบัติการดับไฟป่าและปกป้องพลเรือน ขณะที่กงสุลเม็กซิโกในเมืองแอลเอประกาศไม่ปิดทำการและเสนอให้ที่พักพิงกับผู้ประสบภัยชาวเม็กซิโก ไม่ว่าจะมีสถานะเป็นผู้อพยพหรือไม่ ปัจจุบันมีชาวเม็กซิโกหรือลูกหลานชาวเม็กซิโกอาศัยอยู่ในรัฐแคลิฟอร์เนียคิดเป็นเกือบร้อยละ 30 ของประชากรทั้งรัฐ.-820(814).-สำนักข่าวไทย

ข่าวแนะนำ

กล้อง CCTV จับภาพผู้ต้องสงสัย 2 ราย ก่อเหตุ จยย.บอมบ์

กล้อง CCTV จับภาพผู้ต้องสงสัย 2 ราย คาดเป็นคนร้ายก่อเหตุ จยย.บอมบ์ ปัตตานี มีผู้บาดเจ็บ 10 ราย ทั้งเจ้าหน้าที่ อส. ตำรวจ และชาวมาเลเซีย

พิธีสืบพระชะตาหลวง

รัฐบาลจัดยิ่งใหญ่ พิธีสืบพระชะตาหลวง เนื่องในโอกาสพระราชพิธีสมมงคล

รัฐบาลจัดพิธีสืบพระชะตาหลวงและพิธีแห่ไม้ค้ำโพธิ์หลวง อย่างยิ่งใหญ่ เนื่องในโอกาสพระราชพิธีสมมงคล

เรือใบคาตามารันพร้อม 38 ชีวิต ล่มทะเลภูเก็ต

เรือใบคาตามารันล่ม ขณะนำนักท่องเที่ยวพร้อมลูกเรือรวม 38 ชีวิต ออกไปดำน้ำบนเกาะราชา จ.ภูเก็ต ล่าสุดทุกคนได้รับการช่วยเหลือกลับเข้าฝั่งปลอดภัย