23 ก.พ. – ตำรวจกัมพูชาให้ความร่วมมือตำรวจไทย บุกทลายแก๊งคอลเซ็นเตอร์ บนตึกสูงฝั่งปอยเปต ช่วยเหยื่อ 227 คน ขณะที่ตำรวจสระแก้ว สั่งปิดรีสอร์ตเถื่อนให้ที่พักบัญชีม้า
เจ้าหน้าที่ตำรวจไทยและกัมพูชา บุกเข้าไปช่วยเหยื่อแก๊งคอลเซ็นเตอร์ บนตึกสีฟ้าสูง 4 ชั้น ตั้งอยู่ในพื้นที่ฝั่งปอยเปต ในจังหวัดบันเตียเมียนเจย ประเทศกัมพูชา ได้ทั้งหมด 227 คน แบ่งเป็นหญิง 60 ชาย 65 คน และ ชาวอินโดนีเซีย 3 คน ชาวอินเดีย 48 คน และปากีสถาน 51 คน หลังจากที่เจ้าหน้าที่ตำรวจฝั่งไทยจึงได้ประสานงานขอความช่วยเหลือกับเจ้าหน้าที่กัมพูชา ช่วยปราบปรามแก๊งคอลเซ็นเตอร์ซึ่งเป็นภัยอันใหญ่หลวงและระบาดหนักอยู่ตอนนี้ หลังจากนั้น เจ้าหน้าที่ทางฝั่งไทยได้เดินทางไปร่วมประชุม ปรึกษาหารือกับทางตำรวจกัมพูชา ซึ่งเจ้าหน้าที่กัมพูชาให้ความร่วมมือช่วยเหลือเป็นอย่างดี ซึ่งก่อนหน้านี้ทางตำรวจไทยได้รับการประสานงานมาจาก เหยื่อแก๊งคอลเซ็นเตอร์ ที่ทำงานอยู่บนตึกดังกล่าว มีการแอบส่งข้อความและคลิปวิดีโอขอความช่วยเหลือมา จนสามารถสืบทราบถึงแหล่งกบดานของขบวนการแก๊ง Call Center ชุดดังกล่าว จึงนำไปสู่การจับกุม
หลังจากเข้าช่วยเหยื่อทั้งหมดแล้ว เจ้าหน้าที่กัมพูชาจะต้องนำไปคัดกรองเพื่อส่งต่อให้กับประเทศไทย โดยใช้ช่องทางจุดผ่านแดนถาวรบ้านคลองลึก บนพื้นที่สะพานมิตรภาพไทย-กัมพูชา อีกไม่เกิน 1-2 วันนี้ โดยจะมีทางเจ้าหน้าที่ตำรวจฝั่งไทย รับตัวเหยื่อทั้งหมดแล้วทางเจ้าหน้าที่ตำรวจไทยจะนำ ตัวเหยื่อแก๊งคอลเซ็นเตอร์ทั้งหมดส่งไปที่ศูนย์คัดกรองจังหวัดสระแก้ว เพื่อคัดกรอง การเข้า-ออก ว่าแต่ละคนมีการเข้าออกแบบไหน ถูกหลอกมาเป็นเหยื่อแก๊งคอลเซ็นเตอร์หรือสมัครใจเข้ามาทำงาน เมื่อคัดกรองแล้วถ้าเจ้าหน้าที่พบว่าตั้งใจ หรือสมัครใจที่จะกระทำผิดดังกล่าวก็จะส่งดำเนินคดีตามกฎหมายส่วนคนที่ถูกหลอกมาทางเจ้าหน้าที่ก็จะส่งกลับภูมิลำเนาต่อไป

ขณะที่วันนี้ ตำรวจภูธรจังหวัดสระแก้ว สภ.คลองลึก พร้อมด้วย ตำรวจสืบฯ ภาค 2 ชุดสืบฯ ตม.สระแก้ว และปลัดอำเภออรัญประเทศ เข้าตรวจสอบที่รีสอร์ตแห่งหนึ่ง ถนน กม.3 ต.อรัญประเทศ อ.อรัญประเทศ จ.สระแก้ว และจับกุมตัว น.ส.อรุณี อายุ 55 ปี ความผิดฐาน “เปิดโรงแรมโดยไม่ได้รับอนุญาต หลังสืบสวนหาข่าว ทราบว่า รีสอร์ตแห่งนี้เป็นสถานที่พักพิงของกลุ่มผู้เปิดบัญชีม้าเพื่อที่จะเดินทางข้ามแดนไปยังประเทศกัมพูชาเพื่อสแกนใบหน้ารับเงินในการกลับมาหลอกลวงคนในประเทศไทย
จากการตรวจสอบพบ น.ส.อรุณี แสดงตัวเป็นผู้จัดการรีสอร์ต เจ้าหน้าที่จึงขอดูใบอนุญาตประกอบการโรงแรม ซึ่งไม่สามารถนำใบอนุญาตมาแสดงได้ โดยรับว่ามีหน้าที่เป็นเพียงผู้จัดการรีสอร์ต และไม่มีใบอนุญาตการเปิดโรงแรมกับนายทะเบียน และให้การอ้างว่าไม่ทราบว่าบุคคลบางกลุ่มที่เดินทางเข้ามาพักในรีสอร์ต เป็นกลุ่มที่จะไปเปิดบัญชีม้าให้กับแก๊งคอลเซ็นเตอร์ ในประเทศกัมพูชา
อย่างไรก็ตามทางการสืบสวนของตำรวจพบว่าเมื่อประมาณ 2 อาทิตย์ที่ผ่านมา ได้พบข้อมูลมีกลุ่มบัญชีม้า จำนวน 7 คน ที่รอข้ามไปฝั่งประเทศกัมพูชา ซึ่งได้ข้อมูลอีกว่า รีสอร์ตดังกล่าว มีนายบัณฑิต เป็นเจ้าของ และให้ น.ส.อรุณี เป็นผู้จัดการ โดยนายบัณฑิต ได้มอบโทรศัพท์มือถือถือซึ่งเป็นของกลางที่ไว้ใช้ในการติดต่อกับลูกค้าและสื่อสารกันผ่านกลุ่มไลน์ เพื่อส่งข้อมูลลูกค้าในการเข้าพักสลิปการโอนเงินเข้าพักไปยังบัญชีที่ระบุชื่อนายบัณฑิต นอกจากนี้ยังพบใบเสร็จรับเงิน ระบุชื่อลูกค้าชาวอินโดนีเชีย จำนวน 9 แผ่น ได้ยอมรับว่ามีชาวต่างชาติมาเข้าพักจริงและไม่ได้แจ้งการเข้าพักต่อเจ้าหน้าที่ตำรวจตรวจคนเข้าเมืองจังหวัดสระแก้ว จากนั้นจึงนำตัวและของกลางทั้งหมดส่งให้พนักงานสอบสวน สภ.คลองลึก เพื่อดำเนินดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป.-สำนักข่าวไทย