ชัวร์ก่อนแชร์: การล็อกดาวน์ไม่ช่วยให้การเสียชีวิตจากโควิด 19 ลดลง จริงหรือ?

23 มิถุนายน 2564
ตรวจสอบข้อเท็จจริงโดย: Science Feedback (สหรัฐอเมริกา)
แปลและเรียบเรียงบทความโดย: พีรพล อนุตรโสตถิ์, อดิศร สุขสมอรรถ


ประเภทข่าวปลอม: ข้อมูลเท็จ

บทสรุป:


  1. เป็นการบิดเบือนผลวิจัยโดยนสพ. New York Post งานวิจัยหลายชิ้นยืนยันว่าการล็อกดาวน์ช่วยลดอัตราการเสียชีวิตจากโควิด 19 และยังช่วยฟื้นฟูเศรษฐกิจในระยะยาว
  2. ผลวิจัยพบว่ามาตรการล็อกดาวน์สามารถช่วยชีวิชาวยุโรปเอาไว้ได้ถึง 3.1 ล้านคน
  3. ธนาคารโลก (World Bank) ที่พบว่าประเทศที่ชะลอมาตรการผ่อนคลายจนกว่าอัตราการแพร่เชื้อและเสียชีวิตจะลดลงแล้ว เศรษฐกิจของชาติเหล่านั้นจะกลับมาฟื้นฟูได้รวดเร็วกว่า ส่วนประเทศที่ผ่อนปรนมาตรการระหว่างที่อัตราการแพร่เชื้อและเสียชีวิตยังสูงอยู่ มักจะประสบปัญหาทางเศรษฐกิจ

ข้อมูลที่ถูกแชร์:

เป็นข้อมูลเท็จที่เผยแพร่โดย New York Post หนังสือพิมพ์แนวอนุรักษ์นิยมของสหรัฐอเมริกา ที่อ้างว่าการล็อกดาวน์ส่งผลเสียต่อเศรษฐกิจ, ก่อให้เกิดการว่างงาน และไม่ช่วยให้การเสียชีวิตจากการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด 19 ลดลงอีกด้วย

FACT CHECK: ตรวจสอบข้อเท็จจริง:


รายงานของ New York Post อ้างงานวิจัยของศูนย์วิจัยนโยบายสาธารณะจากสถาบัน Baker Institute มหาวิทยาลัย Rice University โดยผู้วิจัยศึกษาความสัมพันธ์ระหว่างอัตราการเสียชีวิตจากไวรัสโควิด 19 กับมาตรการล็อกดาวน์ในแต่ละรัฐ ระหว่างเดือนพฤษภาคม 2020 ถึง ตุลาคม 2020 โดยอ้างข้อมูลจากการจัดอันดับโดยเว็บไซต์ WalletHub

ในรายงานของ New York Post ระบุว่า มาตรการล็อกดาวน์และอัตราการเสียชีวิตจากโควิด 19 มีความสัมพันธ์เพียงเล็กน้อย แม้จะยอมรับว่าการจัดอันดับมีข้อจำกัดหลายอย่าง เช่น ไม่มีการคำนวณความหนาแน่นของประชากรในแต่ละรัฐ, ความถี่ของการใช้ระบบขนส่งสาธารณะ, ความแออัดของชุมชนเมือง ซึ่งเป็นปัจจัยสำคัญต่อการแพร่กระจายของเชื้อไวรัส

นอกจากนี้ บทสรุปของ New York Post ยังแตกต่างจากบทสรุปของงานวิจัยที่ระบุว่า มาตรการล็อกดาวน์ประสบความสำเร็จด้านการลดอัตราการเสียชีวิตรายวันในรัฐที่มีอัตราการเสียชีวิตจำนวนมาก ส่วนรัฐที่ไม่เข้มงวดด้านการรวมตัวในที่สาธารณะ จะมีอัตราการเสียชีวิตจากโควิด 19 จะมีแนวโน้มที่สูงกว่า

วิเวียน ฮู นักเศรษฐศาสตร์สาธารณสุขและเจ้าของงานวิจัยของสถาบัน Baker Institute กล่าวว่า เธอผิดหวังที่งานวิจัยถูกบิดเบือน ผลวิจัยชี้ว่าประโยชน์จากมาตรการล็อกดาวน์จะยังไม่เห็นผลในเวลาอันสั้น แต่จะเกิดขึ้นในอีกหลายเดือนนับจากนั้น

มีงานวิจัยเชิงวิทยาศาสตร์หลายชิ้นที่ยืนยันว่ามาตรการล็อกดาวน์ช่วยลดอัตราการเสียชีวิตจากโควิด 19 ได้จริง

งานวิจัยของเมการ์บานและคณะที่ตีพิมพ์ในวารสารทางการแพทย์ Journal of General Internal Medicine เปรียบเทียบอัตราการแพร่เชื้อในประเทศต่างๆ ได้แก่ ประเทศที่ใช้มาตรการล็อกดาวน์แต่เนิ่นๆ แล้วค่อยๆ ผ่อนปรนตามสถานการณ์, ประเทศที่ปฏิเสธมาตรการล็อกดาวน์อย่างสวีเดน และประเทศที่มาตรการล็อกดาวน์แตกต่างกันในแต่ละรัฐเช่นสหรัฐอเมริกา ผลวิจัยพบว่าประเทศที่ใช้มาตรการล็อกดาวน์แต่เนิ่นๆ จะมีอัตราการติดเชื้อที่ลดลงอย่างรวดเร็ว ส่วนประเทศอย่างสวีเดนและสหรัฐฯ ต้องเผชิญกับการแพร่ระบาดที่ยาวนานกว่า

งานวิจัยของบรานเนอร์และคณะที่ตีพิมพ์ในวารสารทางการแพทย์ Science พบว่า มาตรการห้ามการชุมชนในที่สาธารณะเกิน 10 คน ช่วยลดอัตราการแพร่เชื้อได้ 42%, การปิดโรงเรียนและมหาวิทยาลัยช่วยลดอัตราการแพร่เชื้อได้ 38%, การปิดร้านอาหารและเครื่องดื่ม ช่วยลดอัตราการแพร่เชื้อได้เช่นกัน เมื่อมาตรการเหล่านี้นำมาใช้อย่างเคร่งครัด มาตรการเสริมอย่างคำสั่งให้ประชาชนอยู่กับบ้าน ช่วยลดอัตราการแพร่เชื้อได้มากกว่าเดิมเพียงเล็กน้อย

งานวิจัยของเฟล็กแมนและคณะที่ตีพิมพ์ในวารสารทางการแพทย์ Nature ได้คำนวณอัตราการเสียชีวิตที่อาจเพิ่มขึ้น หากไม่มีการใช้มาตรการล็อกดาวน์ใน 11 ประเทศของยุโรป ในช่วงที่การแพร่ระบาดของไวรัสโควิด 19 เริ่มขึ้นจนถึงวันที่ 4 พฤษภาคมปี 2020 ซึ่งผลวิจัยพบว่ามาตรการล็อกดาวน์สามารถช่วยชีวิตคนเอาไว้ได้ถึง 3.1 ล้านคน

ส่วนผลเสียต่อเศรษฐกิจจากมาตรการล็อกดาวน์ที่ New York Post รายงาน ทางกองทุนการเงินระหว่างประเทศ (IMF) พบว่าการล็อกดาวน์หรือการปล่อยให้การแพร่เชื้อเป็นไปอย่างเสรี ล้วนส่งผลเสียต่อเศรษฐกิจทั้งสิ้น

แต่ IMF เชื่อว่า แม้การล็อกดาวน์จะส่งผลเสียต่อเศรษฐกิจในระยะสั้น แต่อาจจะช่วยให้เศรษฐกิจกลับมาฟื้นตัวได้เร็วกว่า เพราะหากอัตราการแพร่เชื้อยังสูง การผ่อนปรนมาตรการล็อกดาวน์จะไม่ถือเป็นฟื้นฟูเศรษฐกิจ เนื่องจากประชาชนยังไม่กล้าที่จะออกมารวมตัวในที่สาธารณะ และอัตราการเสียชีวิตที่สูงก็ส่งผลเสียต่อการเติบโตทางเศรษฐกิจเช่นกัน

สอดคล้องกับการศึกษาของธนาคารโลก (World Bank) ที่พบว่าประเทศที่ชะลอมาตรการผ่อนคลายจนกว่าอัตราการแพร่เชื้อและเสียชีวิตจะลดลงแล้ว เศรษฐกิจของชาติเหล่านั้นจะกลับมาฟื้นฟูได้รวดเร็วกว่า ส่วนประเทศที่ผ่อนปรนมาตรการระหว่างที่อัตราการแพร่เชื้อและเสียชีวิตยังสูงอยู่ มักจะประสบปัญหาทางเศรษฐกิจ

ข้อมูลอ้างอิง:

https://healthfeedback.org/claimreview/evidence-shows-that-lockdowns-implemented-to-tackle-the-spread-of-covid-19-have-saved-lives-contrary-to-claims-in-the-new-york-post/

หากได้รับอะไรมา อย่าเพิ่งแชร์ต่อ ส่งมาตรวจสอบกับ “ศูนย์ชัวร์ก่อนแชร์”
LINE :: @SureAndShare หรือคลิก http://line.sure.guru
FB :: https://www.facebook.com/SureAndShare
Twitter :: https://www.twitter.com/SureAndShare
IG :: https://instagram.com/SureAndShare
Website :: https://www.ชัวร์ก่อนแชร์.com
TikTok :: https://www.tiktok.com/@sureandshare

ดูข่าวเพิ่มเติม

หากได้รับอะไรมา อย่าเพิ่งแชร์ต่อ ส่งมาตรวจสอบกับ “ศูนย์ชัวร์ก่อนแชร์”
LINE :: @SureAndShare หรือคลิก http://line.sure.guru
FB :: https://www.facebook.com/SureAndShare
YouTube :: https://www.youtube.com/@SureAndShare
Twitter :: https://www.twitter.com/SureAndShare
IG :: https://instagram.com/SureAndShare
Website :: http://www.ชัวร์ก่อนแชร์.com
TikTok :: https://www.tiktok.com/@sureandshare

สมัครรับฟรี ชัวร์ก่อนแชร์ Newsletter ส่งถึงกล่องอีเมลของคุณทุกสัปดาห์ :: https://i.sure.guru/sureandshareNewsletter

หมายเหตุ : โฆษณาที่ปรากฏอยู่บนหน้าเว็บไซต์นี้ แสดงผลโดยอัตโนมัติจากบริษัทผู้ให้บริการโฆษณา ไม่ใช่การสนับสนุนหรือส่งเสริมจากศูนย์ชัวร์ก่อนแชร์แต่อย่างใด

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

พ่อเลี้ยงล่วงละเมิด

“ต้นอ้อ” แฉพิรุธพ่อเลี้ยงปมคลิปเสียง-DNA ส่วนเด็กอาการดีขึ้น

“ต้นอ้อ” แฉพิรุธพ่อเลี้ยงปมคลิปเสียง-DNA เชื่อ แม่ไม่มีส่วนเกี่ยวข้อง แค่เชื่อผัวเพราะลูกเคยโกหก เผย ตอนแม่รู้ความจริงว่าใครทำลูกถึงกับร้องไห้โฮโผกอดลูก ส่วนเด็ก 10 ขวบอาการดีขึ้น แต่ต้องรักษาตัวอีกหลายสัปดาห์

งานแต่งธนกร

วิวาห์ชื่นมื่น “ธนกร-แคทลีน” คนดังการเมือง-นักธุรกิจ ร่วมยินดีครึกครื้น

งานวิวาห์ “ธนกร-แคทลีน” ชื่นมื่น คนดังการเมือง-นักธุรกิจ ร่วมยินดีครึกครื้น ด้าน “ทักษิณ” ไม่ได้มาร่วม แต่ส่งของขวัญแสดงความยินดี

ทรัมป์สั่งปลด

“ทรัมป์” สั่งปลดประธานคณะเสนาธิการร่วมตามแผนปรับปรุงกลาโหม

ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ของสหรัฐ ออกคำสั่งในวันศุกร์ตามเวลาท้องถิ่นปลด พลอากาศเอก ซี. คิว. บราวน์ จูเนียร์ (Charles Quinton Brown Jr.) เป็นประธานคณะเสนาธิการทหารร่วมของสหรัฐออกจากตำแหน่ง

ข่าวแนะนำ

“ทักษิณ” ถึงนราธิวาส กลับมาในรอบ 19 ปี

“ทักษิณ” ถึงนราธิวาส บอกคนนราธิวาสน่ารักเสมอ ต้อนรับอบอุ่นกับการกลับมาในรอบ 19 ปี ก่อนเดินทางต่อตามกำหนดเดิม แม้มีระเบิดที่สนามบิน

บึ้มรถกระบะ สนามบินนราธิวาส ก่อน “ทักษิณ” ลงพื้นที่

บึ้มรถกระบะจอดใกล้กับหอบังคับการบิน ท่าอากาศยานนราธิวาส ก่อน “ทักษิณ” ลงพื้นที่สนามบินบ้านทอน ในอีก 50 นาที ไม่มีรายงานผู้ได้รับบาดเจ็บ

น้ำป่าหลากท่วม อ.ไทรโยค กลางดึก

ระทึกกลางดึก น้ำป่าหลากท่วมบ้านเรือนประชาชน อ.ไทรโยค จ.กาญจนบุรี ถนนหลายเส้นถูกน้ำป่าพัดขาด จนท.เร่งอพยพประชาชนด้วยความยากลำบาก

Pope at Vatican on Feb 5, 2025 says have a strong cold

โป๊ปฟรันซิสพระอาการวิกฤต

วาติกัน 23 ก.พ.- พระอาการประชวรของสมเด็จพระสันตะปาปาฟรันซิส พระประมุขแห่งพระศาสนจักรโรมันคาทอลิก ทรุดลงอยู่ในขั้นวิกฤตในช่วง 24 ชั่วโมงที่ผ่านมา สำนักวาติกันออกแถลงการณ์ฉบับล่าสุดเมื่อวันเสาร์ว่า พระอาการประชวรของสมเด็จพระสันตะปาปาทรุดลงในช่วง 24 ชั่วโมงที่ผ่านมา และระบุเป็นครั้งแรกว่า พระอาการของพระองค์อยู่ในขั้นวิกฤตจากโรคระบบทางเดินหายใจคล้ายกับโรคหอบหืดในช่วงเช้าวันเสาร์ ทำให้ขณะนี้พระองค์จำเป็นต้องได้รับออกซิเจนเสริมและการถ่ายเลือด โดยรวมแล้วถือว่า พระอาการอยู่ในขั้นวิกฤตและยังไม่พ้นขีดอันตราย อย่างไรก็ดี พระองค์ยังทรงตื่นตัว และประทับนั่งบนเก้าอี้ตลอดวัน แม้ว่าทรงประชวรมากกว่าวันก่อนหน้านี้ก็ตาม พระสันตะปาปาฟรันซิส พระชนมายุ 88 พรรษา ทรงเข้ารับการถวายการรักษาที่โรงพยาบาลเจเมลลี ในกรุงโรม ตั้งแต่วันที่ 14 กุมภาพันธ์ หลังทรงมีพระอาการหายใจติดขัดต่อเนื่องหลายวัน และตรวจพบว่าปอดอักเสบทั้งสองข้าง ทรงร้องขอให้เปิดเผยรายละเอียดเกี่ยวกับพระอาการของพระองค์อย่างตรงไปตรงมา สำนักวาติกันจึงออกแถลงการณ์ชี้แจงความคืบหน้าอาการประชวรของพระองค์ต่อเนื่องทุกวัน แต่แถลงการณ์ฉบับล่าสุดถือเป็นครั้งแรกที่มีเนื้อหาระบุชัดเจนว่า อาการประชวรของพระองค์อยู่ในขั้นวิกฤต ขณะที่แพทย์คาดการณ์ว่า พระองค์จะต้องประทับอยู่ในโรงพยาบาลอย่างน้อยตลอดสัปดาห์หน้า ภารกิจต่อสาธารณชนทั้งหมดของพระสันตะปาปาจึงถูกยกเลิกตลอดสัปดาห์ ทั้งพิธีมิสซาประจำวันอาทิตย์ รวมถึงการสวดภาวนาแองเจลัส (Angelus) ตามปกติทุกสัปดาห์ด้วย.-815(814).-สำนักข่าวไทย