ชัวร์ก่อนแชร์: สหรัฐฯ เร่งออกกฎหมายยุติการผลิตรถน้ำมัน จริงหรือ?

09 เมษายน 2566
แปลและเรียบเรียงบทความ : อดิศร สุขสมอรรถ
ตรวจทานและพิสูจน์อักษร : คมส์ธนนท์ ศุขอัจจะสกุล


ข้อมูลที่ถูกแชร์ :

มีคลิปวิดีโอข้อมูลสร้างความเข้าใจผิดเผยแพร่ทางสื่อสังคมออนไลน์ในสหรัฐอเมริกา เมื่อสมาคมผู้ผลิตปิโตรเคมีและเชื้อเพลิงของสหรัฐอเมริกา เผยแพร่คลิปวิดีโอโฆษณาอ้างว่า รัฐบาลกลางสหรัฐฯ ภายใต้การนำของ โจ ไบเดน ออกมาตรการสนับสนุนการผลิตรถยนต์พลังงานไฟฟ้าอย่างเร่งด่วน ด้วยการกำหนดค่าการปลดปล่อยคาร์บอนไดออกไซด์จากรถยนต์อย่างเข้มงวด จนบริษัทผู้ผลิตรถยนต์ไม่อาจผลิตรถยนต์สันดาปภายในที่ขับเคลื่อนด้วยพลังงานเชื้อเพลงได้อีกต่อไป ถือเป็นการลิดรอนสิทธิผู้ใช้รถยนต์ที่ยังจำเป็นต้องใช้รถยนต์น้ำมันในชีวิตประจำวัน


บทสรุป :

แม้หลายหน่วยงานของสหรัฐฯ จะสนับสนุนการใช้รถยนต์พลังงานไฟฟ้าและตั้งข้อกำหนดด้านการปลดปล่อยคาร์บอนจากรถยนต์สันดาปอย่างเง้มงวด แต่ไม่ได้มีนโยบายห้ามการผลิตรถยนต์น้ำมันในอนาคตอันใกล้แต่อย่างใด

FACT CHECK : ตรวจสอบข้อเท็จจริง :


แม้หลายหน่วยงานของสหรัฐฯ จะสนับสนุนการใช้รถยนต์พลังงานไฟฟ้าเพื่อลดปัญหามลภาวะทางอากาศ แต่นโยบายเหล่านั้นก็ไม่ได้ทำให้การผลิตรถยนต์น้ำมันหายไปจากตลาดอย่างสิ้นเชิงแต่อย่างใด

สำนักงานปกป้องสิ่งแวดล้อมสหรัฐ หรือ EPA มีโครงการสร้างสังคมปลดปล่อยไอเสียจากท่อรถยนต์เป็นศูนย์ โดยกำหนดเป้าหมายให้ยอดการจำหน่ายรถยนต์ไฟฟ้าขนาดเล็กและขนาดกลางจะต้องมีสัดส่วนที่ 67% และ 46% ภายในปี 2032

โจ ไบเดน ประธานาธิบดีสหรัฐฯ ตั้งเป้าให้ยอดขายรถยนต์ 50% ในปี 2030 เป็นรถยนต์พลังงานไฟฟ้า จากที่มีอยู่เพียง 7.6% ในปี 2023

เพื่อให้ไปถึงเป้าหมายดังกล่าว กองบริหารความปลอดภัยในจราจรบนทางหลวงแห่งชาติ (NHTSA) สังกัดกระทรวงคมนาคมสหรัฐฯ (DOT) ได้เพิ่มข้อกำหนดการประหยัดเชื้อเพลิงเฉลี่ยขององค์กร (Corporate Average Fuel Economy) สำหรับรถยนต์ที่จะจำหน่ายในสหรัฐฯ ระหว่างปี 2027-2032 โดยกำหนดให้รถยนต์นั่งส่วนบุคคลต้องมีอัตราการประหยัดเชื้อเพลิงเพิ่มขึ้นปีละ 2% รถบรรทุกขนาดเล็กต้องมีอัตราการประหยัดเชื้อเพลิงเพิ่มขึ้นปีละ 4% ส่วนรถกระบะและรถตู้บรรทุกหนักต้องมีอัตราการประหยัดเชื้อเพลิงเพิ่มขึ้นปีละ 10% ในระหว่างปี 2032-2035

ข้อกำหนดดังกล่าวจะทำให้ค่าเฉลี่ยการสิ้นเปลืองเชื้อเพลิงของรถยนต์นั่งส่วนบุคคลในปี 2032 จะอยู่ที่ 24.65 กิโลเมตรต่อลิตร

ด้านคณะกรรมการทรัพยากรอากาศแคลิฟอร์เนีย ได้รับรองนโยบายที่จะนำไปสู่สังคมที่รถยนต์ไร้มลพิษ โดยเสนอแนวทางให้ผู้ผลิตที่จะจำหน่ายรถยนต์ในแคลิฟอร์เนีย ต้องมียอดจำหน่ายรถยนต์ ZEV หรือรถยนต์มลพิษเป็นศูนย์ และรถยนต์ PHEV หรือรถยนต์ไฮบริดแบบชาร์จไฟได้ ในสัดส่วน 35% ในปี 2026 และเพิ่มเป็น 68% ในปี 2030 และต้องมีต้องสัดส่วนการจำหน่ายรถยนต์พลังงานไฟฟ้าทั้ง 100% ภายในปี 2035

พร้อมกำหนดให้ยอดจำหน่ายรถยนต์ PHEV ต้องมีไม่เกิน 20% ของยอดขายทั้งหมด นอกจากนี้ รถยนต์ PHEV จะต้องออกแบบให้สามารถขับเคลื่อนด้วยพลังงานไฟฟ้าในระยะทางไม่ต่ำกว่า 50 ไมล์หรือ 80 กิโลเมตร

สนับสนุน EV แต่ไม่ได้ทำหมันรถสันดาป

นโยบายดังกล่าวถูกมองจากหลายฝ่ายว่า เป็นการกดดันให้บริษัทผู้ผลิตรถยนต์หันไปพัฒนารถยนต์พลังงานไฟฟ้าหรือรถยนต์พลังงานทางเลือกโดยเฉพาะ เพราะมาตรฐานที่กำหนดไว้ ไม่มีทางทำได้จริงจากการใช้งานรถยนต์พลังงานเชื้อเพลิงล้วน

อย่างไรก็ดี ความเห็นของผู้สันทัดกรณีมองว่า นโยบายดังกล่าวไม่ได้มีจุดประสงค์เพื่อกำจัดรถยนต์สันดาปภายในออกไปจากตลาดยานยนต์ แต่เป็นการส่งเสริมการผลิตยานยนต์ที่ช่วยประหยัดพลังงานและลดการก่อมลภาวะทางอากาศ

จอห์น เฮลเวสตัน ผู้ช่วยศาสตราจารย์ด้านการจัดการวิศวกรรมและวิศวกรรมระบบ มหาวิทยาลัยจอร์จวอชิงตัน ชี้แจงว่า การออกข้อกำหนดให้ผู้ผลิตยานยนต์พัฒนาเครื่องยนต์ที่ใช้พลังงานได้อย่างมีประสิทธิภาพเพิ่มขึ้น เป็นสิ่งที่รัฐบาลสหรัฐฯ ให้ความสำคัญมานานแล้ว บริษัทผู้ผลิตมีทางเลือกในการผลิตรถยนต์ชนิดใด ๆ ก็ได้ที่ผ่านมาตรฐานด้านพลังงานและสิ่งแวดล้อมที่กำหนดไว้

อาเธอร์ แวน เบนเธม รองศาสตราจารย์ภาควิชาเศรษฐศาสตร์ธุรกิจและนโยบายสาธารณะ คณะบริหารธุรกิจ มหาวิทยาลัยเพนซิลเวเนีย มองว่านโยบายสนับสนุนรถยนต์ไฟฟ้าของรัฐบาลกลางสหรัฐฯ ไม่ได้ห้ามการจำหน่ายรถยนต์น้ำมันอย่างสิ้นเชิง เพราะรถยนต์ไฮบริดก็ยังขับเคลื่อนด้วยน้ำมัน และยังต้องใช้เวลาอีกหลายปีกว่านโยบายเหล่านี้จะถูกนำมาใช้อย่างจริงจัง

เคนเนธ กิลลิงแฮม ศาสตราจารย์ด้านสิ่งแวดล้อมเศรษฐศาสตร์พลังงาน มหาวิทยาลัยเยล มองว่านโยบายจากทั้ง 3 หน่วยงานเป็นตัวเร่งให้ผู้ผลิตยานยนต์หันมาพัฒนารถยนต์ไฟฟ้ามากขึ้น แต่ก็ไม่ได้ห้ามผลิตรถยนต์น้ำมันโดยสิ้นเชิง นโยบายเหล่านี้กลับเปิดทางให้มีการพัฒนายานยนต์ที่สามารถใช้พลังงานได้อย่างมีประสิทธิภาพมากกว่าที่เป็นอยู่ในปัจจุบัน

ข้อมูลอ้างอิง :

https://www.factcheck.org/2024/02/experts-say-proposed-vehicle-emissions-and-fuel-rules-not-an-epa-ban-on-gas-powered-cars/
https://apnews.com/article/vehicle-fuel-economy-requirement-nhtsa-epa-85e4c3b7bbba9a9a9b7e5b117fe099bd

ดูข่าวเพิ่มเติม

หากได้รับอะไรมา อย่าเพิ่งแชร์ต่อ ส่งมาตรวจสอบกับ “ศูนย์ชัวร์ก่อนแชร์”
LINE :: @SureAndShare หรือคลิก http://line.sure.guru
FB :: https://www.facebook.com/SureAndShare
YouTube :: https://www.youtube.com/@SureAndShare
Twitter :: https://www.twitter.com/SureAndShare
IG :: https://instagram.com/SureAndShare
Website :: http://www.ชัวร์ก่อนแชร์.com
TikTok :: https://www.tiktok.com/@sureandshare

สมัครรับฟรี ชัวร์ก่อนแชร์ Newsletter ส่งถึงกล่องอีเมลของคุณทุกสัปดาห์ :: https://i.sure.guru/sureandshareNewsletter

หมายเหตุ : โฆษณาที่ปรากฏอยู่บนหน้าเว็บไซต์นี้ แสดงผลโดยอัตโนมัติจากบริษัทผู้ให้บริการโฆษณา ไม่ใช่การสนับสนุนหรือส่งเสริมจากศูนย์ชัวร์ก่อนแชร์แต่อย่างใด

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

ผบ.พล.7 ของเขมร โดนกระสุนปืนใหญ่ยิงดับ บนช่องตาเฒ่า-ภูมะเขือ

26 ก.ค. – พลตรีดวง ซอมเนียง ผบ.พล.7 ถูกกระสุนปืนใหญ่ยิงเสียชีวิต ที่ช่องตาเฒ่า-ภูมะเขือ จากการปะทะแย่งชิงพื้นที่ระหว่างทหารไทย-กัมพูชา ตลอดวันนี้ ผู้สื่อข่าวรายงานว่า การปะทะระหว่างทหารไทย กับทหารกัมพูชา บริเวณภูมะเขือ และช่องตาเฒ่า ตั้งแต่เช้ามืดวันนี้ ทหารไทยสามารถปกป้องพื้นที่ภูมะเขือ และกดดันทหารกัมพูชาออกจากพื้นที่ได้สำเร็จ ในขณะที่ทหารกัมพูชา พยายามกลับเข้ามาโจมตีกลับ เพื่อยึดภูมะเขือ ส่งผลให้มีทหารกัมพูชาเสียชีวิตหลายนาย หนึ่งในนั้นคือ พลตรีดวง ซอมเนียง ผบ.พล.7 ถูกกระสุนปืนใหญ่ยิงเสียชีวิต ที่ช่องตาเฒ่า-ภูมะเขือ. – สำนักข่าวไทย

ทอ.ส่ง F-16 และ กริพเพน โจมตีสกัดอาวุธวิถีโค้งกัมพูชา

26 ก.ค.- กองทัพอากาศส่ง F-16 และ กริพเพน โจมตียุทธบริเวณ “ภูมะเขือ” สกัดอาวุธวิถีโค้งกัมพูชา อีกจุดปราสาทตาเมือนธม ผลปฏิบัติลุล่วงกลับฐานปฏิบัติด้วยความปลอดภัย เมื่อวันที่ 26 ก.ค.68 กองทัพอากาศ ส่งเครื่องบินขับไล่ F-16 จำนวน 2 ลำ และเครื่องบินกริพเพน จำนวน 2 ลำ ออกปฏิบัติการโจมตี พื้นที่ยุทธบริเวณเป้าหมายทหาร ของทางทหารกัมพูชาบริเวณภูมะเขือ หลังทหารกัมพูชาเตรียมใช้อาวุธวิธีโค้งยิงใส่ฝ่ายไทยหวังยึดภูมะเขือ ส่วนอีกจุดบริเวณปราสาทตาเหมือนธม โดยเป็นจุดที่ทางทหารกัมพูชาได้ตั้งปืนใหญ่และกำลังพลยิงข้ามมายังฝั่งประเทศไทยโดยไร้ทิศทาง ทั้งนี้ผลการปฏิบัติการ ทำลายเป้าหมายได้ทั้งสองจุด ลุล่วงไปด้วยดี และได้บินกลับฐานปฏิบัติด้วยความปลอดภัย ผู้สื่อข่าวรายงานว่า การขึ้นบินกริพเพนของกองทัพ ในภารกิจสู้รบตามแนวชายแดนไทย-กัมพูชา ครั้งนี้ ถือเป็น ‘ประวัติศาสตร์’ ของเครื่องบินขับไล่กริพเพนที่มีประจำการในหลายประเทศ ที่ใช้ในภารกิจสู้รบ-ใช้อาวุธจริงครั้งแรก ที่ผ่านมา กริพเพน ถูกใช้เพียงภารกิจบินรักษาอาณาเขต เช่น บริเวณทะเลบอลติกในทวีปยุโรป ในฐานะสมาชิก ‘นาโต้’ ผ่านเหตุการณ์สู้รบ ‘ยูเครน-รัสเซีย’ และภารกิจเฝ้าตรวจ-คุ้มกันน่านฟ้า ประเทศลิเบีย ที่กองทัพอากาศสวีเดนเข้าร่วมภารกิจ -สำนักข่าวไทย

กริพเพน

ทอ. ส่ง F16 – กริพเพน ปฏิบัติการรอบ 2 ทิ้งบอมบ์พื้นที่ทางทหารเขมร

26 ก.ค. – ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เครื่องบินขับไล่ F-16 จำนวน 2 ลำ และกริพเพน 2 ลำ ออกปฏิบัติการรอบสอง โจมตียุทธบริเวณทำลายพื้นที่ทหารกัมพูชา บริเวณปราสาทตาควาย อ.พนมดง จ.สุรินทร์ ภารกิจลุล่วง และกับฐานปฏิบัติโดยปลอดภัย สำหรับพื้นที่บริเวนนี้ ทหารไทยกับทหารกัมพูชา ปะทะกันดุเดือด โดยทหารไทยพยายามทำลายพื้นที่กัมพูชาวางกำลังไว้หลายระลอก ในขณะที่กัมพูชาโต้กลับและระดมกำลังทหารมาเพิ่มเติม ส่งผลให้พื้นที่บริเวนนี้มีการปะทะดุเดือดตั้งแต่วันที่ 24 ก.ค.ถึงวันนี้. – สำนักข่าวไทย

เปิดภาพคลังอาวุธทหารเชมร “สมรภูมิภูมะเขือ”

26 ก.ค.- เปิดภาพคลังอาวุธทหารเชมร “สมรภูมิภูมะเขือ” ทหารไทยยึดอาวุธปืน-โดรน 11 รายการ พร้อมมือถือ 7 เครื่อง ใช้ถ่ายคลิปยั่วยุทหารไทย เมื่อวันที่ 26 ก.ค.68 รายงานข่าวจากกองทัพภาคที่ 2 ระบุว่า สำหรับปฏิบัติการ ของเจ้าที่ทหารกองทัพภาคที่ 2 บนภูมะเขือที่สามารถยึดกลับคืนมาได้ ทำให้ทหารกัมพูชาเสียชีวิต 10 นาย พร้อมทั้งตรวจพบและสามารถยึดอาวุธ ยุทโธปกรณ์ จำนวน 11 รายการ ประกอบด้วย นอกจากนี้ยังพบโทรศัพท์มือถือ 7 เครื่อง ที่ทางทหารกัมพูชาชอบถ่ายในเวลาทำคลิปเมื่อเจอกับทหารไทยบริเวณแนวชายแดน -สำนักข่าวไทย

ข่าวแนะนำ

ทบ.ออกแถลงการณ์กัมพูชาละเมิดข้อตกลงหยุดยิง

30 ก.ค.- กองทัพบกออกแถลงการณ์ กัมพูชาละเมิดข้อตกลงหยุดยิงเป็นครั้งที่สอง บ่อนทำลายการคลี่คลายสถานการณ์ด้วยสันติวิธี ขอประณามการกระทำอันไม่รับผิดชอบ ย้ำจะดำเนินการอย่างเหมาะสม เด็ดขาด เพื่อปกป้องอธิปไตยไทย ตามที่รัฐบาลแห่งราชอาณาจักรไทยและรัฐบาลแห่งราชอาณาจักรกัมพูชาได้ตกลงร่วมกันในการประกาศหยุดยิง เพื่อยุติการปะทะทางทหารบริเวณแนวชายแดน โดยข้อตกลงดังกล่าวมีผลบังคับใช้ตั้งแต่เวลา 24.00 นาฬิกา ของวันที่ 28 กรกฎาคม 2568 นั้น กองทัพบกขอยืนยันว่า ฝ่ายไทยได้ปฏิบัติตามข้อตกลงดังกล่าวอย่างเคร่งครัดมาโดยตลอด โดยได้ระงับการใช้กำลังทุกรูปแบบ และลดกิจกรรมทางทหารในพื้นที่ เพื่อเปิดโอกาสให้เกิดบรรยากาศแห่งสันติภาพ ความไว้เนื้อเชื่อใจ และความร่วมมือที่สร้างสรรค์ระหว่างทั้งสองประเทศ อย่างไรก็ตาม กองทัพบกได้รับรายงานจากหน่วยในพื้นที่ว่า ในวันที่ 29 – 30 กรกฎาคม 2568 กองทัพกัมพูชาได้กระทำการละเมิดข้อตกลงหยุดยิงอีกครั้ง โดยมีรายละเอียดดังต่อไปนี้ การกระทำของกองทัพกัมพูชาในครั้งนี้ ถือเป็นการละเมิดข้อตกลงหยุดยิงอย่างร้ายแรง นับเป็นครั้งที่สองภายหลังจากที่ข้อตกลงมีผลบังคับใช้ และสะท้อนถึงพฤติกรรมที่ไม่เคารพต่อพันธกรณีระหว่างประเทศ ตลอดจนเป็นการบ่อนทำลายความพยายามในการคลี่คลายสถานการณ์ด้วยสันติวิธี อีกทั้งยังส่งผลกระทบต่อเสถียรภาพและความไว้วางใจที่ควรมีระหว่างสองประเทศ กองทัพบกขอประณามการกระทำอันไม่รับผิดชอบของกองทัพกัมพูชาอย่างถึงที่สุด และขอแจ้งให้ทราบว่า ฝ่ายไทยจะยังคงดำรงตนอยู่บนหลักแห่งความอดกลั้น สันติภาพ และมนุษยธรรมอย่างสูงสุด อย่างไรก็ดี หากมีการละเมิดต่อเนื่อง กองทัพบกจะดำเนินการตามขั้นตอนที่เหมาะสมและจำเป็นอย่างเด็ดขาด เพื่อปกป้องอธิปไตยและความปลอดภัยของประชาชนไทยโดยไม่ละเว้น จึงเรียนมาเพื่อทราบโดยทั่วกัน -สำนักข่าวไทย

กัมพูชาละเมิดข้อตกลงหยุดยิง เปิดแนวปะทะพื้นที่ “อานม้า-ภูมะเขือ”

30 ก.ค. – กัมพูชากลับกลอก ละเมิดข้อตกลงอีก เปิดแนวปะทะ 2 พื้นที่ “อานม้า และภูมะเขือ” ขณะที่ ทบ.เผยทหารกัมพูชาใช้ปืนเล็ก สลับระเบิดขว้าง เมื่อคืนนี้ (29 ก.ค.) กัมพูชาเปิดฉากยิงไทยก่อนอีกแล้ว ละเมิดข้อตกลงถึง 2 ครั้ง โดยเปิดแนวปะทะ 2 พื้นที่ที่ อานม้า และภูมะเขือ ทบ.เปิดเผยว่า ทหารกัมพูชาใช้ปืนเล็กสลับระเบิดขว้าง โดยเมื่อเวลา 20.45 น. แหล่งข่าวฝ่ายมั่นคงรายงานว่า ช่องอานม้า มีเหตุปะทะ กัมพูชาเปิดฉากยิง หวังยึดพื้นที่ ฝ่ายไทยตอบโต้ ขณะที่ช่วงเวลา 22.19 น. พ.อ.ริชฌา สุขสุวานนท์ รองโฆษกกองทัพบก เปิดเผยว่า จากการตรวจสอบขั้นต้นเกิดเหตุปะทะที่ภูมะเขือ และช่องอานม้า โดยมีปืนเล็กกับระเบิดขว้างเข้ามาที่ฐานฝั่งไทย ประมาณ 30 นาที ขณะที่เพจกองทัพบก ทันกระแส โพสต์ไม่ต้องนอน ตามคาด! กัมพูชาละเมิดอีกแล้ว อานม้าปะทะภูมะเขือ […]

อุตุฯ เตือนเหนือ-อีสาน-กลาง-ตอ.ฝนตกหนัก กทม.ฟ้าคะนอง 70%

กรุงเทพฯ 30 ก.ค. – กรมอุตุฯ เผยภาคเหนือตอนบน ภาคอีสานเหนือตอนบน ภาคกลาง และภาคตะวันออก มีฝนตกหนักบางแห่ง โดยเฉพาะบริเวณ จ.เชียงราย พะเยา น่าน ตาก บึงกาฬ สกลนคร และนครพนม ขอให้ประชาชนบริเวณดังกล่าวระวังอันตรายจากฝนตกหนัก ส่วน กทม.-ปริมณฑล ฝนฟ้าคะนอง 70% กรมอุตุนิยมวิทยาพยากรณ์อากาศ 24 ชั่วโมงข้างหน้า ภาคเหนือตอนบน ภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนบน ภาคกลาง และภาคตะวันออก มีฝนตกหนักบางแห่ง โดยเฉพาะบริเวณจังหวัดเชียงราย พะเยา น่าน ตาก บึงกาฬ สกลนคร และนครพนม ขอให้ประชาชนในบริเวณดังกล่าวระวังอันตรายจากฝนตกหนักและฝนที่ตกสะสม ซึ่งอาจทำให้เกิดน้ำท่วมฉับพลัน น้ำป่าไหลหลาก และน้ำล้นตลิ่ง โดยเฉพาะพื้นที่ลาดเชิงเขาใกล้ทางน้ำไหลผ่านและพื้นที่ลุ่ม ทั้งนี้ เนื่องจากมีหย่อมความกดอากาศต่ำปกคลุมบริเวณประเทศเวียดนามตอนบน ประกอบกับมรสุมตะวันตกเฉียงใต้กำลังปานกลางพัดปกคลุมทะเลอันดามันประเทศไทย และอ่าวไทย สำหรับคลื่นลมบริเวณทะเลอันดามันตอนบน และอ่าวไทยตอนบน มีกำลังปานกลาง โดยมีคลื่นสูงประมาณ 2 เมตร บริเวณที่มีฝนฟ้าคะนอง คลื่นสูงมากกว่า […]

แนวป้องกันน้ำท่วมฝีมือทหารช่าง ลดความรุนแรงน้ำท่วม

เชียงราย 29 ก.ค. – น้ำจากลำน้ำสายที่ทะลักเข้าท่วมชุมชนชายแดนแม่สายที่เชียงรายลดลงแล้ว แต่ทิ้งเศษซากความเสียหายไว้จำนวนมากและทำให้ชาวแม่สายอย่างน้อย 500 ครัวเรือนได้รับความเดือดร้อน แต่ยังถือว่าไม่หนักหนาสาหัสเหมือนน้ำท่วมใหญ่เมื่อปีที่แล้ว ส่วนหนึ่งมาจากแนวป้องกันน้ำท่วมยาวเกือบ 4 กิโลเมตร จากฝีมือของทหารช่าง.-สำนักข่าวไทย