ชัวร์ก่อนแชร์ CyberAlert!🚨: โจรอ้าง กสทช. ใช้ซิมผิดกฎหมาย หลอกโอนเงินเกลี้ยง

6 ตุลาคม 2566


ปัญหาแก๊งคอลเซ็นเตอร์ ถือเป็นหนึ่งในอาชญกรรมทางเทคโนโลยีที่สร้างความเสียหายให้กับคนจำนวนมาก มีรูปแบบการทำงานเป็นขบวนการ แบ่งหน้าที่กันทำ ทั้งการหลอกลวงผู้เสียหายให้เกิดความหวาดกลัว ใช้ความไม่รู้ของผู้เสียหายเป็นเครื่องมือ โดยเฉพาะการแอบอ้างเป็นเจ้าหน้าที่ของหน่วยงานที่มีชื่อเสียง เป็นที่รู้จักของคนในสังคม เช่น เจ้าหน้าที่ตำรวจ เจ้าหน้าที่บริษัทขนส่งสินค้า และแจ้งไปยังผู้เสียหายว่าบัญชีธนาคาร หรือพัสดุที่จัดส่งไปยังต่างประเทศมีส่วนเกี่ยวข้องกับการกระทำความผิดกฎหมาย บัญชีธนาคารถูกอายัด หรือเกี่ยวข้องกับการค้ายาเสพติด รวมถึงหลอกสอบถามข้อมูลส่วนตัวเพื่อนำไปใช้ในการแสวงหาผลประโยชน์โดยผิดกฎหมาย นอกจากนี้แล้วยังมีการหลอกให้ติดตั้งแอปพลิเคชันของหน่วยงานปลอมที่สามารถควบคุมโทรศัพท์มือถือและโอนเงินออกจากบัญชีของผู้เสียหายได้ และตอนนี้อุบายล่าสุดที่คนร้ายใช้ในการหลอกผู้เสียหาย คือ การแอบอ้างเป็นพนักงานผู้ให้บริการเครือข่ายโทรศัพท์มือถือ และแอบอ้างเป็นเจ้าหน้าที่สำนักงาน คณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ (กสทช.)

เปิดกลโกงกระบวนการแก๊งคอลเซ็นเตอร์ อ้าง กสทช. !

เริ่มต้นมิจฉาชีพจะโทรศัพท์ไปหาผู้เสียหาย พร้อมบอกชื่อ นามสกุลอย่างถูกต้อง และแจ้งว่าผู้เสียหายได้เปิดใช้บริการ
ซิมโทรศัพท์มือถือในพื้นที่จังหวัดต่าง ๆ เช่น จังหวัดเชียงใหม่ จังหวัดตาก หรือจังหวัดอื่น ๆ ที่อยู่ห่างไกล โดยหมายเลขที่เปิดใช้บริการในชื่อของผู้เสียหายนั้น ถูกนำไปใช้กระทำผิดกฎหมาย หรือถูกนำไปใช้หลอกลวงบุคคลอื่น โดยแจ้งอีกว่า หากผู้เสียหายไม่ได้เป็นผู้เปิดใช้บริการ ให้ไปดำเนินการแจ้งความยังสถานีตำรวจท้องที่ที่ถูกเปิดใช้งานดังกล่าว แต่หากไม่สามารถเดินทางไปได้ สามารถทำการแจ้งความออนไลน์ผ่านช่องทางไลน์ของสถานีตำรวจดังกล่าวได้ เมื่อผู้เสียหายหลงเชื่อติดต่อไปยังไลน์สถานีตำรวจซึ่งถูกมิจฉาชีพปลอมขึ้นแล้ว ระหว่างการติดต่อ ผู้เสียหายจะได้รับแจ้งว่ามีส่วนเกี่ยวข้องกับการฟอกเงิน ต้องทำการโอนเงินที่มีอยู่ในบัญชีมาตรวจสอบเพื่อแสดงความบริสุทธิ์ใจ พร้อมทั้งข่มขู่ห้ามมิให้ผู้เสียหายแจ้ง หรือติดต่อกับบุคคลใดในระหว่างการโอนเงิน รวมถึงมีการส่งเอกสาราชการปลอมให้ผู้เสียหายตรวจสอบ มีการสร้างสภาพแวดล้อมให้ผู้เสียหายได้ยินเสียงว่าคุยอยู่กับเจ้าหน้าที่ตำรวจที่สถานีตำรวจจริงอีกด้วย

ตำรวจไซเบอร์ กล่าวว่า การกระทำลักษณะดังกล่าวเข้าข่ายความผิดฐาน “ร่วมกันฉ้อโกงประชาชนโดยแสดงตนเป็นคนอื่น, ร่วมกันเป็นอั้งยี่, ร่วมกันเป็นซ่องโจร, ร่วมกันมีส่วนร่วมในองค์กรอาชญากรรมข้ามชาติ, ร่วมกันโดยทุจริตหรือโดยหลอกลวง นำเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ซึ่งข้อมูลคอมพิวเตอร์ที่บิดเบือนหรือปลอมไม่ว่าทั้งหมด หรือบางส่วน หรือข้อมูลคอมพิวเตอร์อันเป็นเท็จ โดยประการที่น่าจะเกิดความเสียหายแก่ประชาชน และร่วมกันฟอกเงิน ” หรือกฎหมายอื่นๆที่เกี่ยวข้อง

8 คำเตือนตำรวจไซเบอร์ ป้องกันภัยจากแก๊งคอลเซ็นเตอร์


1. เจ้าหน้าที่ของหน่วยงานรัฐ หรือหน่วยงานเอกชนไม่มีนโยบายที่จะต้องโทรศัพท์ไปหาประชาชน เพื่อแสดงเอกสารราชการ กล่าวอ้างว่าท่านกระทำความผิด หรือมีส่วนในการกระทำความผิด หากพบการกระทำดังกล่าว สันนิษฐานได้ว่าเป็นมิจฉาชีพแน่นอน
2.ไม่ตกใจกลัว ไม่เชื่อเรื่องราวต่าง ๆ จากบุคคลที่ไม่รู้จัก ให้วางสายการสนทนาดังกล่าว และตรวจสอบก่อน โดยการโทรศัพท์ไปยังหมายเลขคอลเซ็นเตอร์ของหน่วยงานนั้นโดยตรง หรือโทรศัพท์สอบถามไปยังสายด่วนตำรวจไซเบอร์ หมายเลข 1441
3.ไม่โอนเงิน หากมีคำพูดว่าให้โอนเงินมาตรวจสอบเพื่อแสดงความบริสุทธิ์ใจ หรือเพื่อสิ่งใดก็ตาม นั่นคือ แก๊งคอลเซ็นเตอร์อย่างแน่นอน
4.ไม่เพิ่มเพื่อนทางแอปพลิเคชันไลน์ เพื่อติดต่อกับเจ้าหน้าที่หน่วยงานต่าง ๆ โดยตรง โดยเฉพาะอย่างยิ่งสถานีตำรวจ หรือหน่วยงานบังคับใช้กฎหมายต่าง ๆ
5.ไม่ให้ข้อมูลส่วนตัว และข้อมูลการเงินกับผู้ใดทั้งนั้น เช่น เลขบัตรประชาชน เลขบัญชีธนาคาร รหัสหลังบัตร รหัส OTP เป็นต้น
6.ท่านสามารถบล็อกสายเรียกเข้าที่มาจากต่างประเทศได้ ด้วยการกด *138*1# แล้วโทรออก
7.ติดตั้งแอปพลิเคชัน Whos Call เพื่อแจ้งเตือนระบุตัวตนสายเรียกเข้าที่ไม่รู้จัก ป้องกันภัยจากมิจฉาชีพที่อาจโทรศัพท์มาหลอกลวง
8.ดูแล แจ้งเตือน ผู้สูงอายุ บุคคลใกล้ตัว เพื่อลดโอกาสในการตกเป็นเหยื่อของมิจฉาชีพ


ทีมข่าวไซเบอร์ ศูนย์ชัวร์ก่อนแชร์
ผู้สื่อข่าว : เสาวภาคย์ รัตนพงศ์


ดูข่าวเพิ่มเติม

หากได้รับอะไรมา อย่าเพิ่งแชร์ต่อ ส่งมาตรวจสอบกับ “ศูนย์ชัวร์ก่อนแชร์”
LINE :: @SureAndShare หรือคลิก http://line.sure.guru
FB :: https://www.facebook.com/SureAndShare
YouTube :: https://www.youtube.com/@SureAndShare
Twitter :: https://www.twitter.com/SureAndShare
IG :: https://instagram.com/SureAndShare
Website :: http://www.ชัวร์ก่อนแชร์.com
TikTok :: https://www.tiktok.com/@sureandshare

สมัครรับฟรี ชัวร์ก่อนแชร์ Newsletter ส่งถึงกล่องอีเมลของคุณทุกสัปดาห์ :: https://i.sure.guru/sureandshareNewsletter

หมายเหตุ : โฆษณาที่ปรากฏอยู่บนหน้าเว็บไซต์นี้ แสดงผลโดยอัตโนมัติจากบริษัทผู้ให้บริการโฆษณา ไม่ใช่การสนับสนุนหรือส่งเสริมจากศูนย์ชัวร์ก่อนแชร์แต่อย่างใด

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

ค้น 17 จุดกรุงเทพฯ-ลพบุรี คุมตัว “หลวงพ่ออลงกต-หมอบี”

26 ส.ค.- ตำรวจสอบสวนกลาง ปิดล้อมตรวจค้น 17 จุด “กรุงเทพฯ-ลพบุรี” บุกรวบ “หลวงพ่ออลงกต” หลังพฤติกรรมชัดทุจริตยักยอกเงินบริจาค ขณะที่ “หมอบี” โดนด้วย หิ้วตัวเค้นสอบ เมื่อเวลา 01.00 น.วันที่ 26 ส.ค. มีรายงานว่าทางตำรวจสอบสวนกลาง (CIB) นำโดย พล.ต.ท.จิรภพ ภูริเดช ผบช.ก. สั่งการให้ พล.ต.ต.จรูญเกียรติ ปานแก้ว พล.ต.ต.สุวัฒน์ แสงนุ่ม รองผบช.ก. พล.ต.ต. วิทยา ศรีประเสิรฐภาพ ผบก.ป.พล.ต.ต.ประสงค์ เฉลิมพันธ์ ผบก.ปปปพ.ต.อ.มนูญ แก้วก่ำ ผกก.1 บก.ป ปิดล้อมตรวจค้น 17 จุด ในพื้นที่กรุงเทพฯ-ลพบุรี เพื่อควบคุม หลวงพ่ออลงกต อดีตเจ้าอาวาสวัดพระบาทน้ำพุ จ.ลพบุรี และนายเสกสันน์ หรือหมอบี และพวก ตามหมายจับ ความผิด ม.147, 157 […]

ศาล รธน. สั่งเอาผิดเผยแพร่คลิป “นั่งลงลูก”

ศาล รธน. 25 ส.ค.-ศาลรัฐธรรมนูญ สั่งเอาผิดเผยแพร่คลิป “นั่งลงลูก” ชี้บิดเบือน-ทำเสียหาย ศาลรัฐธรรมนูญได้ออกเอกสารข่าว ระบุว่า ตามที่ศาลรัฐธรรมนูญออกนั่งพิจารณาคดี เมื่อวันพฤหัสบดีที่ 21 สิงหาคม 2568 ไต่สวนพยานบุคคลที่ศาลรัฐธรรมนูญเรียกมาให้ถ้อยคำ จำนวน 2 ปาก ได้แก่ นางสาวแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ผู้ถูกร้อง และนายฉัตรชัย บางขวด เลขาธิการสภาความมั่นคงแห่งชาติ เรื่อง ประธานวุฒิสภา ส่งคำร้องขอให้ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 170 วรรคสาม ประกอบมาตรา 82 ว่า ความเป็นรัฐมนตรีของนางสาวแพทองธาร นายกรัฐมนตรี สิ้นสุดลงเฉพาะตัวตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 170 วรรคหนึ่ง (4) ประกอบมาตรา 160 (4) และ (5) หรือไม่ เมื่อเสร็จสิ้นการไต่สวนแล้ว ศาลมีคำสั่งห้ามมิให้ผู้เข้าฟังการไต่สวนนำข้อมูลการไต่สวนไปเผยแพร่ และห้ามไม่ให้บิดเบือนข้อเท็จจริงหรือข้อกฎหมายในลักษณะที่สร้างความเข้าใจผิดต่อสาธารณชน อันเป็นคำสั่งศาลตาม พ.ร.ป.ว่าด้วยวิธีพิจารณาของศาลรัฐธรรมนูญ พ.ศ. 2561 […]

“แพทองธาร” รีโพสต์โต้คลิปบิดเบือน ยันศาลบอก “นั่งลงครับ”

กรุงเทพฯ 25 ส.ค.- “แพทองธาร” รีโพสต์สตอรี่ไอจี โต้ดรามาคลิปบิดเบือน ยันศาล รธน. บอก “นั่งลงครับ” นางสาวแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงวัฒนธรรม รีโพสต์สตอรี่ในอินสตราแกรมของสำนักข่าว VOICE TV ยืนยันไม่เป็นความจริง ต่อกระแสดรามาปล่อยคลิปเสียงตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ พูดว่า “นั่งลงลูก” ภายหลัง น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงวัฒนธรรม กล่าวคําปฏิญาณ ในระหว่างที่ศาลรัฐธรรมนูญไต่สวนพยาน คดีคลิปสนทนากับ ฮุน เซน เมื่อวันที่ 21 สิงหาคมที่ผ่านมา ซึ่งในคลิปดังกล่าวมีข้อความระบุว่า ฟังชัดๆๆ ศาลบอกว่า “นั่งลงครับ” ไม่ใช่ “นั่งลงลูก” อย่างที่มีคนปั่น!! อย่ามั่ว อย่าบิดเบือนข่าว อย่างไรก็ตาม คาดว่าในช่วงเช้าวันนี้ (25 ส.ค.) นางสาวแพทองธาร จะดำเนินการเรื่องการส่งคำแถลงปิดคดีต่อศาลรัฐธรรมนูญ เนื่องจากศาลนัดยื่นคำแถลงปิดคดีภายในวันนี้ ก่อนจะนัดฟังคำวินิจฉัยในวันที่ 29 สิงหาคม เวลา 15.00 น.-316 -สำนักข่าวไทย

ปลัด มท. สั่งสอบด่วน ปมสแกนม่านตาแลกเหรียญ

ไอคอนสยาม 25 ส.ค.- ปลัด มท. เผยยังไม่ได้รับรายงานปมสแกนม่านตาแลกเหรียญ สั่งกรมการปกครองสอบด่วน นายอรรษิษฐ์ สัมพันธรัตน์ ปลัดกระทรวงมหาดไทย กล่าวถึงกรณีที่มีรายงานว่า มีกลุ่มบุคคลสแกนม่านตาประชาชนและชักชวนให้เข้าไปใช้แอปพลิเคชันเพื่อแลกกับเงินหรือเหรียญในระบบ ว่า ขณะนี้ยังไม่ได้รับรายงาน แต่หากเป็นการกระทำที่ไม่ถูกต้อง กระทรวงมหาดไทยจะสั่งการให้กรมการปกครองดำเนินการแก้ไขและจัดการอย่างถูกต้องทั่วประเทศอย่างไรก็ตาม หากประชาชนพบเห็นพฤติกรรมที่ไม่ถูกต้อง สามารถแจ้งเรื่องมายังกระทรวงมหาดไทย เพื่อให้ทุกจังหวัดดำเนินการตรวจสอบตามข้อเท็จจริง ส่วนกรณีที่มีรายงานว่ายังมีการดำเนินการในจังหวัดสุราษฎร์ธานี ปลัดกระทรวงมหาดไทยยืนยันว่าจะเร่งตรวจสอบทั้งที่สุราษฎร์ธานีและทุกจังหวัดที่ได้รับเรื่องร้องเรียน ทั้งนี้ การตรวจสอบจะพิจารณาว่าความผิดปกติเกิดจากเจ้าหน้าที่ของรัฐหรือบุคคลอื่น หากพบว่าเป็นเจ้าหน้าที่ของรัฐ กระทรวงมหาดไทยจะดำเนินการตามระเบียบอย่างเคร่งครัด โดยย้ำให้ประชาชนมั่นใจว่า กระทรวงพร้อมตรวจสอบอย่างโปร่งใส.-319 -สำนักข่าวไทย

ข่าวแนะนำ

“บิ๊กเต่า” ยันไม่น้อยใจ หลังหลุดโผแต่งตั้ง-โยกย้าย

กทม. 1 ก.ย.-“บิ๊กเต่า” ยันไม่น้อยใจ หลังหลุดโผแต่งตั้ง-โยกย้าย เผยชีวิตนี้ผ่านอะไรมาเยอะ ยันทำเพื่อส่วนรวมไม่ใช่เพื่อตนเอง หลังจากนี้จะเดินหน้าทำงานต่อไปและทำงานให้หนักขึ้น จากการประชุมคณะกรรมการข้าราชการตำรวจ (ก.ตร.) เมื่อวานนี้ใช้เวลานานถึง 8 ชั่วโมงจัดทำบัญชีรายชื่อ ซึ่งมีตำรวจที่ได้รับการแต่งตั้งโยกย้ายครั้งนี้ 250 นาย แต่ปรากฎว่า พลตำรวจตรีจรูญเกียรติ ปานแก้ว รองผู้บัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง ไม่มีชื่อในการแต่งตั้งโยกย้าย ซึ่งก่อนหน้านี้ออกมาเปิดหน้ายื่นขอความเป็นธรรมกับ นายภูมิธรรม เวชยชัย รักษาราชการแทนนายกรัฐมนตรี พลตำรวจตรีจรูญเกียรติ เปิดเผยว่า ไม่น้อยใจที่ไม่ได้รับการแต่งตั้ง ซึ่งก่อนหน้านี้เคยให้สัมภาษณ์ไปแล้วว่าอยากให้คนทำงานมีโอกาสได้รับการแต่งตั้ง สำหรับคนที่ได้รับการแต่งตั้งก็ยินดีและดีใจด้วย อย่าง พลตำรวจตรีนพศิลป์ พูลสวัสดิ์ รองผู้บัญชาการตำรวจนครบาล ที่ได้รับการแต่งตั้งเป็นผู้บัญชาการประจำสำนักงานผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ เพราะเป็นคนเก่งและมีความสามารถ ทำงานด้านสืบสวน มองว่าหากตนเองไม่ออกมาให้สัมภาษณ์และให้มีการแก้ไขก็คงแก้ยากเพราะทุกคนไม่มีรายชื่อเข้าไป เพราะฉะนั้นตนเองก็เห็นด้วยที่ ก.ตร. เข้ามาแก้ไขปัญหา ส่วนที่ตนเองไม่ได้เลื่อนตำแหน่งก็ไม่เป็นไร เพราะเชื่อว่าการทำเพื่อส่วนรวมและให้ระบบเดินต่อไปได้เป็นสิ่งที่ดี และอยากสร้างมาตรฐานอีกหนึ่งอย่างคือ อยากเห็นแนวทางการพิจารณาเรื่องการแต่งตั้งในหมวดความรู้ความสามารถ อยากให้คณะกรรมการพิทักษ์ระบบคุณธรรมข้าราชการตำรวจ (ก.พ.ค.ตร.) หาแนวทางในการให้ความเป็นธรรมกับตำรวจที่จะมีการแต่งตั้งในระดับผู้บัญชาการและรองผู้บัญชาการในปีต่อไป หลังจากนี้จะต้องปรึกษากับฝ่ายกฎหมายว่าการพิจารณาต่าง ๆ ที่จะเกิดขึ้นในการประชุมคณะกรรมการชุดเล็กและชุดใหญ่ ควรนำหลักการอะไรมาพิจารณาเพื่อความเป็นธรรมกับเจ้าหน้าที่ทุกฝ่าย และเพื่อประโยชน์กับสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ในการเป็นขวัญกำลังใจ ทำให้ตำรวจและส่วนรวมได้มีความมุมานะในการทำงานเพื่อประโยชน์ของประชาชน […]

เปิดโผตำรวจ ประชุม ก.ตร. กว่า 8 ชม. แต่งตั้งนายพล 250 ตำแหน่ง

1 ก.ย. – เปิดโผตำรวจ ประชุม ก.ตร. กว่า 8 ชม. บัญชีแต่งตั้งนายพลตำรวจ 250 ตำแหน่ง “บิ๊กเต่า” แห้ว “นพศิลป์” ได้ขึ้น พล.ต.ท. เมื่อเวลา 15.00 น. วันที่ 31 สิงหาคม 2568 ที่ห้องศรียานนท์ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ตร.) พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ พันธุ์เพ็ชร์ ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (ผบ.ตร.) ในฐานะรองประธานคณะกรรมการข้าราชการตำรวจ (รองประธาน ก.ตร.) เป็นประธานการประชุม ก.ตร. ครั้งที่ 8/2568 วาระแต่งตั้งโยกย้ายข้าราชการตำรวจ ระดับผู้บังคับการ (ผบก.) ถึง รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (รอง ผบ.ตร.) ประจำปี 2568 โดยแต่งตั้งเลื่อนตำแหน่งสูงขึ้น และโยกย้ายสับเปลี่ยน กว่า 250 ตำแหน่ง ทั้งนี้ ก.ตร.ครบองค์ประชุม ขาดเพียงนายภูมิธรรม […]

ฤทธิ์พายุหนองฟ้าทำหลายจังหวัดอ่วม ชาวบ้านเดือดร้อนหนัก

31 ส.ค. – พายุหนองฟ้าทำพิษ สุโขทัยเจอน้ำท่วมไหลเชี่ยวกรากหลายอำเภอ ชาวบ้านเดือดร้อนหนัก ขณะที่ จ.พิษณุโลก น้ำป่าหลากท่วมหลายจุด ต้นพะยอม 100 ปี โค่นขวางถนนกลางเมือง ส่วน จ.สกลนคร พายุกระหน่ำกระทบงานไหว้สาพญาเต่างอย พายุหนองฟ้าทำพิษ จ.สุโขทัย น้ำท่วมหลายอำเภอ โดยพื้นที่ที่กระทบหนักคือ อ.ศรีสัชนาลัย อ.สวรรคโลก อ.ศรีสำโรง อ.เมือง อ.กงไกรลาศ อ.บ้านด่านลานหอย และ อ.คีรีมาศ ซึ่งเช้าวันนี้ ปภ.แจ้งเตือนผ่าน Cell Broadcast ไปยังโทรศัพท์มือถือของประชาชนให้รับมือ นอกจากนี้พบว่าพื้นที่หมู่ 2 หมู่ 4 ต.ปากแคว อ.เมือง มวลน้ำล้นตลิ่งจากแม่น้ำยม ไหลบ่าเข้าท่วมอย่างรุนแรงและเชี่ยวกราก บ้านเรือนได้รับผลกระทบเกือบ 100 หลัง น้ำป่าเข้าท่วมหลายจุดในพิษณุโลกที่ จ.พิษณุโลก น้ำป่าไหลหลากจากเทือกเขาเพชรบูรณ์ลงสู่ อ.วังทอง และ อ.เนินมะปราง หลังเกิดฝนตกหนักตั้งแต่ช่วงกลางดึกที่ผ่านมา ส่งผลให้บ้านเรือนประชาชน พื้นที่การเกษตรเสียหาย โดยถนนทางหลวงช่วงบ้านกกไม้แดง ต.ดินทอง […]

ปชป.ยังไม่มีมติร่วมรัฐบาล กก.บห.มอบหัวหน้าพรรคตัดสินใจ

ปชป. 31 ส.ค. – “เฉลิมชัย” บอก​ ปชป. ยังไม่มีมติเข้าร่วมรัฐบาล ที่ประชุม กก.บห. มอบอำนาจหัวหน้าพรรคตัดสินใจ แจง​จับมือแถลงร่วมเพื่อไทย​ เป็นมารยาท​ เหตุยังร่วม ครม.​ ลั่นสถานการณ์​ปัจจุบัน​ยังไม่มีใครตัดสินใจได้​ ต้องรอฝุ่นจางจะเห็นภาพชัด​ ถ้าด่วนตัดสินใจอาจพลาด​ ย้ำทุกอย่างต้องผ่านมติพรรค ไม่เช่นนั้นเป็นของเถื่อน​ นายเฉลิมชัย ศรีอ่อน​ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม​ ในฐานะหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวภายหลังการประชุมกรรมการบริหารพรรค โดยใช้เวลากว่า​ 1 ชั่วโมง​ ว่า ต้องบอกว่าวันนี้การเมืองยังไม่มีข้อยุติ ดังนั้น พรรคประชาธิปัตย์ จึงต้องเรียกประชุมกรรมการบริหารพรรค เพื่อพูดคุยสถานการณ์การเมืองทั้งหมด และกำหนดแนวทางการขับเคลื่อนตามข้อบังคับพรรค ซึ่งเมื่อ น.ส.แพทองธาร​ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี พ้นจากตำแหน่ง เท่ากับว่ารัฐบาลได้หมดสิ้นไป การดำเนินการของพรรคประชาธิปัตย์จะต้องมาเริ่มกระบวนการใหม่ทั้งหมดตามข้อบังคับพรรค เพื่อให้สามารถบริหารงานได้ทันการ ซึ่งที่ประชุมมีมติ ใช้ข้อบังคับ 1 3 และ 4 ยกเว้นการใช้ข้อบังคับพรรค โดยใช้เสียงไม่เกิน 3 ใน 5 ของกรรมการบริหารพรรคที่เข้าร่วมประชุม […]