23 สิงหาคม 2566
แปลและเรียบเรียงบทความโดย: อดิศร สุขสมอรรถ
ตรวจทานและพิสูจน์อักษร : คมส์ธนนท์ ศุขอัจจะสกุล
ความโด่งดังของภาพยนตร์ Oppenheimer ทำให้การทดลองระเบิดนิวเคลียร์เมื่อปี 1945 กลับมาอยู่ในความสนใจของสาธารณชนอีกครั้ง แต่ก็มีเสียงวิจารณ์ต่อผู้สร้างภาพยนตร์เรื่องการละเลยผลกระทบต่อประชาชนที่อาศัยอยู่ใกล้กับสถานที่ทดสอบการจุดระเบิด ทั้งกลุ่มคนที่ถูกบังคับได้ย้ายถิ่นฐาน และกลุ่มคนที่อาศัยอยู่ใกล้กับสถานที่จุดระเบิดและต้องล้มป่วยจากการสัมผัสกัมมันตรังสี
เมื่อวันที่ 21 กรกฎาคม 2023 ที่ Oppenheimer ออกฉาย อลิสซา วัลเดซ นักประพันธ์ชาวอเมริกัน ทวิตข้อความอ้างอิงบทความรีวิวหนัง Oppenheimer ของเว็บไซต์หนังสือพิมพ์ New York Times โดยกล่าวหาว่า แต่เดิมห้องปฏิบัติการเพื่อพัฒนาอาวุธนิวเคลียร์ใกล้กับเมืองลอสอลาโมส รัฐนิว เม็กซิโก เป็นพื้นที่อาศัยของชุมชนชาวฮิสแปนิก แต่พวกเขาถูกบังคับให้ย้ายออกจากพื้นที่ในเวลาเพียงแค่ 24 ชั่วโมง เรือกสวนไร่นาที่ปลูกไว้ถูกทำลายจนสิ้น
การไล่ที่เพื่อทดสอบระเบิด
สถานที่ที่รัฐบาลสหรัฐอเมริกาเลือกสำหรับโครงการ Manhattan Project กำหนดว่าต้องมีขนาดประมาณ 50,000 เอเคอร์หรือประมาณ 200 ตารางกิโลเมตร เป็นพื้นที่ราบ ห่างไกลชุมชน และมีทิศทางกระแสลมที่ง่ายต่อการคาดการณ์ จึงมีการเลือกเมืองลอสอลาโมส รัฐนิว เม็กซิโก เป็นสถานที่ทดลองระเบิดนิวเคลียร์ในปี 1942
แม้พื้นที่บางส่วนของลอสอลาโมสจะเป็นกรรมสิทธิ์ของรัฐบาล แต่ก็มีพื้นที่ที่เป็นของกลุ่มคนที่เรียกว่า Homesteaders หรือชาวบ้านที่ได้รับมอบพื้นที่จากรัฐบาลเพื่อทำเกษตรกรรมและปศุสัตว์
ชาวบ้านในเมืองลอสอลาโมส ได้รับมอบที่ดินตามพ.ร.บ. Homestead Act ครั้งแรกในปี 1887 โดยในปี 1942 ที่เริ่มโครงการวิจัยระเบิดนิวเคลียร์ ยังมีบ้านของ Homesteaders ตั้งอยู่ในพื้นที่ 12 หลัง และอีก 7 หลังเป็นของทายาทของ Homesteaders ที่ได้รับสิทธิ์รุ่นแรก
ในบทความรีวิวของหนังสือพิมพ์ New York Times อ้างคำบอกเล่าโดยทายาทของ Homesteaders ว่า ตอนนั้นชาวบ้านหลายรายถูกเจ้าหน้าที่รัฐบาลหลอกและบังคับให้ยอมย้ายบ้าน บางรายอ้างว่าถูกเจ้าหน้าที่ใช้อาวุธบังคับให้ลงชื่อยินยอม บางรายถูกหลอกให้ขึ้นรถของรัฐบาล แล้วถูกพาตัวออกจากพื้นที่โดยไม่มีโอกาสกลับมายังบ้านของตนเองอีกเลย
นอกจากนี้ ยังมีข้อกล่าวหาเรื่องการจ่ายเงินชดเชยการย้ายถิ่นฐานอย่างไม่เป็นธรรม
บนพื้นที่ของลอสอลาโมส มีสถานที่ 2 แห่งที่เป็นกรรมสิทธิ์ของชาวอเมริกันผิวขาวได้แก่ Los Alamos Ranch School และ Anchor Ranch โดยเจ้าของพื้นที่ทั้ง 2 แห่งได้รับเงินชดเชยการย้ายถิ่นฐานที่ 225 ดอลลาร์สหรัฐอเมริกาต่อเอเคอร์ และ 43 ดอลลาร์สหรัฐอเมริกาต่อเอเคอร์ตามลำดับ
ต่างจากครอบครัวของชาวฮิสแปนิกที่ได้รับเงินชดเชยการย้ายถิ่นฐานน้อยกว่าชาวอเมริกันผิวขาวอย่างชัดเจน โดยบางรายได้รับเงินเพียง 7 ดอลลาร์สหรัฐอเมริกาต่อเอเคอร์ ส่วนชาวบ้านบางรายก็ไม่ได้รับเงินเยียวยาแม้แต่น้อย
ในปี 2004 สภาคองเกรสของสหรัฐอเมริกาได้อนุมัติการก่อตั้งกองทุนมูลค่า 10 ล้านดอลลาร์สหรัฐอเมริกา เพื่อหาเงินชดเชยให้กับลูกหลานของชาวอเมริกันเชื้อสายฮิสแปนิกที่ถูกไล่ที่ในโครงการ Manhattan Project แม้รัฐบาลจะยืนยันว่าไม่มีการใช้มาตรการผิดกฎหมายบังคับให้กลุ่มคน Homesteaders ย้ายออกไปจากลอสอลาโมส แต่ยอมรับว่ามีการปฏิบัติที่ไม่เป็นธรรมต่อเจ้าของที่ดินชาวฮิสแปนิก ทั้งการขาดโอกาสว่าจ้างตัวแทนทางกฎหมาย และยังได้รับเงินชดเชยน้อยกว่าเจ้าของที่ดินรายอื่น ๆ
ผู้ป่วยมะเร็งจากกัมมันตรังสี
ผลกระทบจากโครงการ Manhattan Project ยังส่งผลต่อประชาชนที่อาศัยในบริเวณใกล้เคียง จากกัมมันตรังสีของการทดสอบระเบิดนิวเคลียร์เมื่อ 78 ปีที่แล้ว
ทูลาโรซาเบซิน เมืองในรัฐนิว เม็กซิโก คือเมืองที่อยู่ไม่ไกลจาก Trinity Site พื้นที่ทดสอบการจุดระเบิดนิวเคลียร์ในเมืองโซคอร์โร รัฐนิว เม็กซิโก โดยตัวเมืองตั้งอยู่ในทิศทางใต้ลมจาก Trinity Site
อาชีพส่วนใหญ่ของชาวเมืองคือการทำปศุสัตว์และการทำสวน แหล่งน้ำที่ใช้ในการอุปโภคบริโภคมาจากน้ำบาดาลและแหล่งน้ำธรรมชาติ
หลังการทดสอบจุดระเบิดนิวเคลียร์เสร็จสิ้นลงในวันที่ 16 กรกฎาคม 1945 ชาวเมืองทูลาโรซาเบซินพบฝุ่นปริมาณมากกระจายไปทั่วเมือง
คำชี้แจงของรัฐบาลในยุคนั้นอ้างว่า เสียงระเบิดและแสงสว่างที่มองเห็นได้ไกลกว่า 257 กิโลเมตร เป็นเพราะการระเบิดของคลังเก็บอาวุธ
กระทั่งข่าวการทิ้งระเบิดนิวเคลียร์ที่เมืองฮิโรชิมะและนางาซากิได้รับเผยแพร่ในวงกว้าง ชาวเมืองทูลาโรซาเบซินจึงได้รู้ว่า ฝุ่นที่กระจายไปทั่วเมืองและปนเปื้อนแหล่งน้ำของพวกเขา เป็นผลจากการทดสอบระเบิดนิวเคลียร์ของรัฐบาลสหรัฐอเมริกา
ข้อมูลจาก Manhattan Project National Historical Park รายงานว่า สารกัมมันตรังสีจาก Trinity Site ได้ลอยไปในชั้นบรรยากาศและตกลงในพื้นที่ที่มีความยาว 402 กิโลเมตร และกว้าง 322 กิโลเมตร บางส่วนสามารถลอยไปไกลถึงมหาสมุทรแอตแลนติก ปริมาณกัมมันตรังสีเข้มข้นที่สุดจะอยู่ในบริเวณพื้นที่ 48 กิโลเมตรรอบ ๆ Trinity Site
หลายปีต่อมา พบว่าประชากรในเมืองที่อยู่ฝั่งใต้ลมของ Trinity Site ป่วยเป็นมะเร็งมากกว่าปกติ แต่กลายเป็นว่ากลุ่มคนเหล่านี้ กลับไม่มีสิทธิรับค่าชดเชยจากการสัมผัสกัมมันตรังสีโดยรัฐบาลสหรัฐอเมริกา
การเรียกร้องความเป็นธรรม
เมื่อวันที่ 16 กรกฎาคม 2023 มีการจัดงานรำลึก 78 ปีการทดสอบระเบิดนิวเคลียร์ Trinity Test ในนิว เม็กซิโกและนิวยอร์ก ซิตี้ ตัวแทนของชาวเมืองทูลาโรซา เบซินในชื่อ Tularosa Basin Downwinders Consortium ได้รวมตัวที่หน้าสถานที่จัดงานเพื่อประท้วงผู้สร้างภาพยนตร์ Oppenheimer ที่จงใจละเลยการถ่ายทอดชะตากรรมของชาวเมืองที่ได้รับผลกระทบจากการทดลองระเบิดนิวเคลียร์
ทีน่า คอร์โดบา ผู้ก่อตั้งกลุ่ม Tularosa Basin Downwinders Consortium ซึ่งเคยเป็นผู้ป่วยมะเร็ง กล่าวต่อสำนักข่าว AP ว่า เธอและลูกหลานของชาวเมืองทูลาโรซาเบซินที่ต้องป่วยด้วยโรคมะเร็งจากกัมมันตรังสีและไม่เคยได้รับความเหลียวแลจากรัฐบาล พวกเขาบุกรุกพื้นที่ของชาวเมืองแล้วจากไป ทิ้งให้ผู้คนต้องเผชิญกับผลลัพธ์จากการทดลอง จากนั้นก็มีการทำหนังเพื่อเชิดชูนักวิทยาศาสตร์ที่ผลิตระเบิดนิวเคลียร์ แต่ไม่กล่าวถึงประชาชนที่ได้รับผลกระทบแม้แต่น้อย นับเป็นเรื่องที่น่าละอายอย่างมาก
ลิลลี อดัมส์ ตัวแทนจากกลุ่มนักวิทยาศาสตร์ Union of Concerned Scientists ที่ร่วมเรียกร้องความเป็นธรรมให้กับชาวเมืองที่ได้รับผลกระทบจากการทดสอบระเบิดนิวเคลียร์ กล่าวว่า สิ่งที่รัฐบาลสหรัฐอเมริกากระทำในยุคนั้นไม่ต่างจากการวางยาพิษประชาชน การมาถึงของหนัง Oppenheimer น่าจะช่วยให้ชะตากรรมของเหยื่อการทดสอบระเบิดนิวเคลียร์เป็นที่รับรู้ในวงกว้างมากขึ้น พร้อมย้ำว่าการเข้าใจมรดกที่ออปเพนไฮเมอร์มอบไว้แก่วงการวิทยาศาสตร์ได้อย่างสมบูรณ์ สังคมจำเป็นต้องรับรู้ชะตากรรมของผู้ป่วยและเสียชีวิตจากการทดสอบระเบิด รวมถึงอันตรายจากการคิดค้นอาวุธนิวเคลียร์อีกด้วย
ข้อมูลอ้างอิง :
https://www.snopes.com/fact-check/manhattan-project-hispanos-forced-out/
https://apnews.com/article/oppenheimer-atomic-bomb-radiation-legacy-new-mexico-85d2b6f57395520a924dd44c492e4c56
หากได้รับอะไรมา อย่าเพิ่งแชร์ต่อ ส่งมาตรวจสอบกับ “ศูนย์ชัวร์ก่อนแชร์”
LINE :: @SureAndShare หรือคลิก http://line.sure.guru
FB :: https://www.facebook.com/SureAndShare
YouTube :: https://www.youtube.com/@SureAndShare
Twitter :: https://www.twitter.com/SureAndShare
IG :: https://instagram.com/SureAndShare
Website :: http://www.ชัวร์ก่อนแชร์.com
TikTok :: https://www.tiktok.com/@sureandshare
สมัครรับฟรี ชัวร์ก่อนแชร์ Newsletter ส่งถึงกล่องอีเมลของคุณทุกสัปดาห์ :: https://i.sure.guru/sureandshareNewsletter