9 เทคนิคโน้มน้าวเหยื่อข่าวปลอมทางการเมืองภายในครอบครัว

26 พฤษภาคม 2566
แปลและเรียบเรียงบทความ : อดิศร สุขสมอรรถ
ตรวจทานและพิสูจน์อักษร : คมส์ธนนท์ ศุขอัจจะสกุล


ผลสำรวจของรัฐวิสคอนซินพบว่า มีผู้คนถึง 1 ใน 5 ที่ยุติความสัมพันธ์กับเพื่อนและสมาชิกในครอบครัว จากการโต้แย้งเกี่ยวกับการเลือกตั้งและประเด็นทางการเมือง บ่อยครั้งที่บทสนทนาเพื่อแลกเปลี่ยนข้อเท็จจริง พัฒนาเป็นการโต้แย้งระหว่างคนในครอบครัว และนำไปสู่ความบาดหมางที่ยากจะเยียวยา

หนังสือพิมพ์วอชิงตัน โพสต์ ได้หารือผู้เชี่ยวชาญด้านการสื่อสารและการตรวจสอบข้อเท็จจริง เพื่อแนะนำ 9 เทคนิคจำเป็นสำหรับการโน้มน้าวเหยื่อข่าวปลอมทางการเมือง เพื่อไม่ให้กระทบต่อความสัมพันธ์ของคนในครอบครัว


1.เริ่มอย่างเป็นมิตร ไม่ใช่จ้องหาคนผิด

ไมค์ วากเนอร์ ศาสตราจารย์คณะรัฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยวิสคอนซิน ระบุว่า คนที่แชร์ข้อมูลเท็จ ไม่ได้ให้ความสำคัญกับข้อเท็จจริงเป็นทุนเดิมอยู่แล้ว คนเหล่านี้ไม่เชื่อทั้งสื่อกระแสหลักหรือข้อมูลจากพรรคการเมือง การจะชนะใจพวกเขา ควรเริ่มจากการพูดคุยทำความเข้าใจ ดีกว่าลงรายละเอียดเรื่องข้อเท็จจริง เพราะถ้าข้อเท็จจริงเปลี่ยนใจคนเหล่านี้ได้ ก็ไม่จำเป็นต้องมานั่งคุยให้เสียเวลาตั้งแต่แรก

2.อย่าใช้อารมณ์


เลทริเซีย โบด ศาสตราจารย์มหาวิทยาลัยจอร์จทาวน์ ผู้ศึกษาการรับมือข้อมูลเท็จ แนะนำให้ผู้อธิบายใช้วิธีละมุนละม่อม เพราะโดยธรรมชาติแล้ว ข่าวปลอมข้อมูลเท็จถูกสร้างขึ้นเพื่อกระตุ้นความรู้สึกของผู้ฟังอยู่แล้ว

เราต้องทำให้ผู้ฟังเข้าใจถึงเจตนาที่ดีของข้อมูลที่นำเสนอ และระลึกเสมอว่า เราทุกคนต่างตกเป็นเหยื่อข่าวปลอมข้อมูลเท็จได้ทุกเมื่อ

3.อธิบายด้วยข้อความที่สั้นกระชับ

ในสถานการณ์ที่ต้องชี้แจงข้อมูลกับสมาชิกในครอบครัวทางห้องแชทออนไลน์ เลทริเซีย โบด แนะนำให้เขียนข้อความเท่าที่จำเป็น แล้วแนบลิงก์ที่น่าเชื่อถือเป็นตัวอธิบาย

4.”ไปฟังมาจากไหน”

จอห์น ซิลวา ผู้อำนวยการศูนย์ News Literacy Project ชี้แจงว่า แทนที่จะบอกคนฟังว่าเป็นฝ่ายผิด ควรถามว่าเค้าไปฟังเรื่องราวเหล่านั้นมาจากที่ไหน แล้วทำการแบ่งปันแหล่งข้อมูลที่เราได้รับ เพื่อเปรียบเทียบความถูกต้องของแหล่งข้อมูล

5.ชี้แจงผลประโยชน์เบื้องหลังข่าวปลอม

ไมค์ วากเนอร์ อธิบายว่า ควรระบุให้ผู้ฟังเข้าใจว่า ใครคือผู้ได้ประโยชน์ หากความเข้าใจผิดแบบเดียวกันนี้ถูกเผยแพร่ในวงกว้าง

ให้เปรียบเทียบกับข้อมูลที่เผยแพร่จากสื่อกระแสหลัก เช่นสำนักข่าว ซึ่งมีกระบวนการตรวจสอบข้อเท็จจริงก่อนเผยแพร่สู่สาธารณชน และมีบทลงโทษที่ชัดเจนหากนำเสนอข้อมูลที่ไม่ถูกต้อง

ต่างจากสื่อที่เผยแพร่ข่าวปลอม ซึ่งผู้เผยแพร่ไม่ต้องรับผิดชอบใด ๆ หากพิสูจน์ได้ว่าข้อมูลที่นำเสนอเป็นเรื่องไม่จริง

ดีน ฟรีลอน ศาสตราจารย์และนักวิจัยมหาวิทยาลัยนอร์ท แคโรไลนา อธิบายว่า ประชาชนควรรู้ว่าข้อมูลเท็จคือเครื่องมือสร้างกำไร ทั้งแก่ผู้ที่แชร์ข้อมูล และสื่อที่ใช้แชร์ข้อมูล ข้อมูลเท็จเป็นประโยชน์สำหรับนักเก็งกำไร แต่ส่งผลเสียต่อสังคมและประชาธิปไตย

6.อย่าหักล้างข้อมูลบนโต๊ะอาหาร

ผู้เชี่ยวชาญต่างลงความเห็นว่า สถานที่รวมตัวของสมาชิกทั้งครอบครัว ไม่ใช่ที่ ๆ ควรมีการโต้แย้งเรื่องข้อเท็จจริง

จอห์น ซิลวา ผู้อำนวยการศูนย์ News Literacy Project แนะนำให้มีการนัดคุยกันตัวต่อตัวที่ร้านกาแฟ จะดียิ่งกว่าถ้ารอให้ฝ่ายตรงข้ามเป็นผู้เปิดประเด็นด้วยตนเอง เพราะไม่มีใครอยากถูกตราหน้าว่าเป็นคนผิด การจะทำให้คนเหล่านั้นรู้ตัวว่ากำลังถูกใช้ประโยชน์จากข้อมูลเท็จจำเป็นต้องทำอย่างค่อยเป็นค่อยไป

7.ยืนยันความถูกต้องตั้งแต่ในห้องแชทของครอบครัว

เลทริเซีย โบด ศาสตราจารย์ ผู้ศึกษาการรับมือข้อมูลเท็จ ระบุว่าคนที่โน้มน้าวใจได้ยากที่สุด คือคนที่นำข้อมูลเท็จมาเผยแพร่เป็นคนแรกในครอบครัว วิธีแก้คือทำให้สมาชิกคนอื่น ๆ ในห้องแชทได้เห็นข้อมูลที่ได้รับการหักล้างข้อเท็จจริง เพราะมีหลักฐานพบว่า คนจะเชื่อข้อความเท็จลดลง หากเห็นว่าข้อมูลถูกนำเสนอโดยบุคคลที่มีประวัติเผยแพร่ข้อความที่ถูกหักล้างข้อเท็จจริงมาก่อน

เพื่อป้องกันการถูกมองว่ามุ่งแต่จับผิดทางออนไลน์ เลทริเซีย โบด แนะนำแนวทาง hybrid approach ด้วยการหักล้างข้อมูลทั้งออนไลน์และออฟไลน์ควบคู่กันไป เพื่อลดความตึงเครียดจากการหักล้างข้อมูลทางออนไลน์เพียงอย่างเดียว

8.พร้อมที่จะถอย

จอห์น ซิลวา ผู้อำนวยการศูนย์ News Literacy Project แนะนำว่า หากการสนทนาเริ่มกลายเป็นโต้แย้ง มันคงเป็นไปไม่ได้ที่จะสร้างความเข้าใจเมื่อผู้สนทนาไม่พร้อมที่จะเปิดใจ

ไม่จำเป็นที่การสร้างความเข้าใจที่ถูกต้องจะสำเร็จในการสนทนาเพียงครั้งเดียว เพราะไม่ใช่ทุกคนที่จะสามารถโน้มน้าวใจได้ง่าย ๆ ต่อให้คำอธิบายสมบูรณ์แบบแค่ไหน ก็ไม่รับประกันว่าจะสามารถโน้มน้าวใจได้ ซึ่งไม่ใช่เรื่องผิดปกติอะไร

9.การเปลี่ยนใจต้องใช้เวลา

ดีน ฟรีลอน ศาสตราจารย์และนักวิจัยมหาวิทยาลัยนอร์ท แคโรไลนา ย้ำว่า การเปลี่ยนใจคนสามารถทำได้ แต่อาจจะไม่เกิดขึ้นจากการสนทนาเพียงรอบเดียว ทั้งหมดคือเกมที่ต้องใช้การวางแผนระยะยาว สำคัญที่สุดคือทำให้คู่สนทนามองเห็นว่า เรามีความจริงใจในการหักล้างความเข้าใจผิดของเขาอย่างแท้จริง

เมเดอลีน จาลเบิร์ต นักวิชาการจากมหาวิทยาลัยวอชิงตัน ผู้ศึกษาวิธีการตัดสินความถูกต้องของผู้รับสาร ชี้แจงว่า คนทุกคนล้วนมีจุดอ่อนต่อการหลงเชื่อความปลอมข้อมูลเท็จ เมื่อใครสักคนเริ่มเชื่อข้อมูลเท็จแล้ว การจะทำให้พวกเขาย้อนกลับไปยังจุดที่ไม่เคยเชื่อเรื่องเท็จเหล่านั้นเป็นเรื่องยากมาก มนุษย์แต่ละคนล้วนมีความเชื่อที่ขัดแย้งกับข้อเท็จจริงเป็นทุนเดิม และเป็นเรื่องยากที่จะทำให้คนเหล่านั้นเปลี่ยนใจหันมามองความเป็นจริงได้ง่าย ๆ

ข้อมูลอ้างอิง :

https://www.washingtonpost.com/wellness/2022/10/05/debunk-political-misinformation-advice/

ดูข่าวเพิ่มเติม

หากได้รับอะไรมา อย่าเพิ่งแชร์ต่อ ส่งมาตรวจสอบกับ “ศูนย์ชัวร์ก่อนแชร์”
LINE :: @SureAndShare หรือคลิก http://line.sure.guru
FB :: https://www.facebook.com/SureAndShare
YouTube :: https://www.youtube.com/@SureAndShare
Twitter :: https://www.twitter.com/SureAndShare
IG :: https://instagram.com/SureAndShare
Website :: http://www.ชัวร์ก่อนแชร์.com
TikTok :: https://www.tiktok.com/@sureandshare

สมัครรับฟรี ชัวร์ก่อนแชร์ Newsletter ส่งถึงกล่องอีเมลของคุณทุกสัปดาห์ :: https://i.sure.guru/sureandshareNewsletter

หมายเหตุ : โฆษณาที่ปรากฏอยู่บนหน้าเว็บไซต์นี้ แสดงผลโดยอัตโนมัติจากบริษัทผู้ให้บริการโฆษณา ไม่ใช่การสนับสนุนหรือส่งเสริมจากศูนย์ชัวร์ก่อนแชร์แต่อย่างใด

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

ชูความสำเร็จทีมไทยแลนด์ ปิดดีลภาษีสหรัฐที่ 19%

ทำเนียบ 1 ส.ค.-โฆษกรัฐบาล เผย ปิดดีลภาษีนำเข้าสหรัฐสำเร็จที่ 19% เกาะกลุ่มระดับใกล้เคียงกับประเทศในภูมิภาค ชู เป็นอีกหนึ่งความสำเร็จสำคัญของทีมไทยแลนด์ ในแนวทาง Win-Win นายจิรายุ ห่วงทรัพย์ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า รัฐบาลไทยสามารถเจรจาและบรรลุข้อตกลงเกี่ยวกับอัตราภาษีนำเข้าต่างตอบแทน (Reciprocal Tariffs) กับสหรัฐอเมริกาได้สำเร็จ โดยขณะนี้ รัฐบาลสหรัฐได้ประกาศแล้วว่าจะเรียกเก็บอัตราภาษีนำเข้าฯ จากสินค้าของไทยในอัตรา 19 % ซึ่งข้อตกลงดังกล่าวจะมีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันนี้วันที่ 1 สิงหาคม 2568 เป็นต้นไป นายจิรายุ กล่าวว่า อัตราภาษีดังกล่าวที่ ต่ำกว่า อัตราเดิม 36 % และเกาะอยู่อยู่ในระดับใกล้เคียงกับประเทศในภูมิภาค อาทิ เวียดนาม ฟิลิปปินส์ และญี่ปุ่น สามารถรักษาการแข่งขันได้ เมื่อเทียบกับประเทศอื่นในภูมิภาคอาเซียน ซึ่งได้เจรจากับสหรัฐสำเร็จแล้วก่อนหน้านี้ “การปิดดีลครั้งนี้ของรัฐบาลไทย ในระดับภาษีนำเข้าฯ ไว้ที่ 19% ถือเป็นอีกหนึ่งความสำเร็จสำคัญของทีมไทยแลนด์ ในแนวทาง Win-Win เพื่อรักษาฐานการส่งออกและเสถียรภาพทางเศรษฐกิจของประเทศในระยะยาว ย้ำถึงศักยภาพของประเทศไทยในเวทีการค้าโลก ท่ามกลางความเปลี่ยนแปลงในนโยบายการค้าระหว่างประเทศ” นายจิรายุกล่าว […]

รพ.สรรพสิทธิประสงค์ แจ้งยกเลิกรับผู้ป่วยกัมพูชาชั่วคราว

อุบลราชธานี 31 ก.ค. – โรงพยาบาลสรรพสิทธิประสงค์ จังหวัดอุบลราชธานี ออกหนังสือขอยกเลิกการให้บริการผู้ป่วยชาวกัมพูชา และยกเลิกการปฏิบัติงานชั่วคราวของผู้ช่วยสื่อสารภาษากัมพูชา เนื่องจากสถานการณ์ความไม่สงบแนวชายแดนไทย-กัมพูชา ซึ่งส่งผลต่อความมั่นคงของประเทศ เมื่อวานนี้ (30 ก.ค.) พล.ท.บุญสิน พาดกลาง แม่ทัพภาคที่ 2 ลงพื้นที่เยี่ยมให้กำลังใจผู้ได้รับบาดเจ็บจากสถานการณ์ความไม่สงบในพื้นที่ชายแดนไทย-กัมพูชา พร้อมทั้งให้กำลังใจแก่เจ้าหน้าที่ผู้ปฏิบัติ งานด้านการแพทย์และพยาบาล ณ โรงพยาบาลสรรพสิทธิประสงค์ จังหวัดอุบลราชธานี นายแพทย์ มนต์ชัย วิวัฒนาสิทธิพงศ์ ผู้อำนวยการโรงพยาบาลสรรพสิทธิประสงค์ พร้อมด้วยคณะผู้บริหาร ให้การต้อนรับและรายงานความคืบหน้าการดูแลรักษาผู้ได้รับบาดเจ็บ รวมถึงการเตรียมความพร้อมด้านการรักษาพยาบาลรองรับสถานการณ์ฉุกเฉินในพื้นที่ชายแดน รพ.สรรพสิทธิประสงค์ แจ้งยกเลิกรับผู้ป่วยกัมพูชาชั่วคราวขณะที่ในวันเดียวกัน โรงพยาบาลสรรพสิทธิประสงค์ ได้ออกเอกสารขอยกเลิกการให้บริการผู้ป่วยชาวกัมพูชา และยกเลิกการปฏิบัติงานชั่วคราวของผู้ช่วยสื่อสารภาษากัมพูชา ใจความในหนังสือว่า “โรงพยาบาลสรรพสิทธิประสงค์ได้ให้การตรวจรักษาพยาบาลแก่ผู้ป่วยทั้งชาวไทยและชาวต่างชาติ รวมถึงผู้ป่วยชาวกัมพูชาที่เดินทางเข้ามารักษาอย่างต่อเนื่อง เนื่องจากสถานการณ์ความไม่สงบแนวชายแดนไทย-กัมพูชา ซึ่งส่งผลต่อความมั่นคงของประเทศ และจากมติที่ประชุมคณะกรรมการคลินิกพิเศษนอกเวลาราชการ โรงพยาบาลสรรพสิทธิประสงค์ มีมติดังนี้ 1.ยกเลิกการปฏิบัติงานชั่วคราวของผู้ช่วยสื่อสารภาษากัมพูชา และจิตอาสาภาษาต่างประเทศ2.ปิดการให้บริการ SMC Premium ชั่วคราว3.ยกเลิกการรับยาแทน และงดรับเคสใหม่ผู้ป่วยชาวกัมพูชา4.ผู้ป่วยชาวกัมพูชาที่ยังนอนอยู่ในโรงพยาบาลให้จำกัดพื้นที่ชัดเจน ในการนี้ให้มีผลตั้งแต่วันที่ 31 กรกฎาคม 2568 ถึงวันที่ 10 […]

รมช.มท. โฟนอินผู้ว่าฯ อุบลฯ ตอบกลางสภา ยันไม่มีปัญหาเบิกจ่ายงบ

รัฐสภา 31 ก.ค.-สส.ศรีสะเกษ ภูมิใจไทย ทวงถามเงินช่วยเหลือเยียวยาจังหวัดชายแดนไทย-กัมพูชา ชี้ตั้งแต่วันแรกยังไม่ได้เงินรัฐบาลสักบาท ซัด “ผู้ว่าฯ อุบล” อ้างกลัวติดคุกไม่กล้าเบิกงบ ด้าน รมช.มหาดไทย ต่อสายโฟนอิน ผู้ว่าฯ ตอบกลางสภา ยืนยันไม่มีปัญหาเบิกจ่ายงบ ในการประชุมสภาผู้แทนราษฎร ที่มีนายวันมูหะมัดนอร์ มะทา ประธานสภาผู้แทนราษฎร ทำหน้าที่ประธานการประชุม พิจารณากระทู้ถามสดด้วยวาจา โดยนายธนา กิจไพบูลย์ชัย สส.ศรีสะเกษ พรรคภูมิใจไทย สอบถามกรณีเหตุปะทะชายแดนไทย-กัมพูชา ซึ่งนายกรัฐมนตรี มอบหมาย นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรี และรมว.มหาดไทย เป็นผู้ตอบกระทู้ แต่เนื่องจากนายภูมิธรรม ติดภารกิจจึงมอบหมายให้ น.ส.ธีรรัตน์ สำเร็จวาณิชย์ รมช.มหาดไทย ชี้แจงแทน นายธนา กล่าวว่า จากเหตุปะทะบริเวณชายแดนไทย-กัมพูชา ส่งผลกระทบต่อประชาชนในพื้นที่ 4 จังหวัดชายแดน ทั้งศรีสะเกษ สุรินทร์ บุรีรัมย์ และอุบลราชธานี ตั้งแต่เกิดเหตุจนถึงขณะนี้ ยังไม่มีงบประมาณจากส่วนกลางลงพื้นที่แม้แต่บาทเดียว ทุกวันนี้เราอาศัยเงินบริจาคเป็นหลัก และนำงบขององค์การปกครองส่วนท้องถิ่น (อปท.) […]

ทูตไทยตอบโต้กัมพูชา หลังยกกรณีปัญหาชายแดนที่ยูเอ็น

นิวยอร์ก 31 ก.ค. – เอกอัครราชทูตผู้แทนถาวรไทยประจำองค์การสหประชาชาติ โต้ผู้แทนกัมพูชา ซึ่งหยิบประเด็นชายแดนไทย-กัมพูชา ขึ้นพูดผิดกาลเทศะ ผิดวาระ ในที่ประชุมสหประชาชาติ วาระสำคัญของการประชุมระดับสูงระหว่างประเทศในเวทีสหประชาชาติ ที่นครนิวยอร์ก ประเทศสหรัฐ เมื่อวานนี้ คือการผลักดันเพื่อระงับข้อพิพาทปัญหาปาเลสไตน์โดยสันติวิธี แต่ปรากฏว่านาย เจีย แก้ว เอกอัครราชทูตกัมพูชาประจำสหประชาชาติ กลับพูดในประเด็นที่ไม่เกี่ยวข้องกับวาระการประชุม โดยพาดพิงถึงไทยเกี่ยวกับสถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชา นายเชิดชาย ใช้ไววิทย์ เอกอัครราชทูต ผู้แทนถาวรไทยประจำสหประชาชาติ จึงกล่าวตอบโต้โดยชี้แจงข้อมูลความจริงในประเด็นที่กัมพูชาละเมิดข้อตกลงหยุดยิง โดยระบุว่า เป็นที่น่าเสียดายที่มีคณะผู้แทนหยิบยกประเด็นที่ไม่เกี่ยวข้องขึ้นมาในที่ประชุม ซึ่งเป็นเวทีที่หลายฝ่ายรอคอย และมีวัตถุประสงค์เพื่อส่งเสริมการสนับสนุนจากประชาคมระหว่างประเทศต่อการแก้ไขปัญหาความขัดแย้งระหว่างอิสราเอลและปาเลสไตน์อย่างเป็นธรรม ถาวร และครอบคลุม ผ่านแนวทางสันติวิธีโดยการดำเนินการตามแนวทางสองรัฐ นายเชิดชาย กล่าวในที่ประชุมว่า ประเทศไทยไม่ได้มีเจตนาจะนำเรื่องทวิภาคีเข้าสู่เวทีสำคัญดังกล่าว แต่ต้องขอชี้แจงข้อเท็จจริงเพื่อป้องกันความเข้าใจผิด โดยย้ำว่าเมื่อวันที่ 28 กรกฎาคม 2568 ไทยและกัมพูชา ได้บรรลุข้อตกลงหยุดยิง โดยได้รับความร่วมมือเป็นอย่างดีจากนายกรัฐมนตรีมาเลเซีย ในฐานะประธานอาเซียน แต่หลังจากที่ข้อตกลงหยุดยิงมีผลบังคับใช้ในวันที่ 29 กรกฎาคม อีกฝ่ายกลับใช้อาวุธข้ามพรมแดน และบุกรุกเข้ามาในดินแดนของไทยอีกครั้ง ซึ่งถือเป็นการละเมิดข้อตกลงอย่างร้ายแรง ประเทศไทยจึงขอเรียกร้องให้ประเทศเพื่อนบ้านปฏิบัติตามข้อตกลงหยุดยิงอย่างเคร่งครัด และยืนยันความมุ่งมั่นของไทยที่จะใช้กลไกทวิภาคีที่มีอยู่ในการแก้ไขปัญหา หลีกเลี่ยงการเผยแพร่ข้อมูลที่เป็นเท็จหรือทำให้เข้าใจผิด และให้มีส่วนร่วมด้วยเจตนาดี.-810.-813.-สำนักข่าวไทย

ข่าวแนะนำ

เปิดศักยภาพ Gripen เขี้ยวเล็บใหม่กองทัพอากาศไทย

5 ส.ค. – เปิดคุณสมบัติโดดเด่นของ “กริพเพน” เครื่องบินรบฝูงใหม่ ซึ่งกองทัพอากาศและประเทศไทยกำลังจะทำสัญญาจัดซื้อจากสวีเดน .-สำนักข่าวไทย

ครม.เคาะเยียวยาผู้เสียชีวิตเหตุชายแดน รายละ 8-10 ล้าน

กรุงเทพฯ 5 ส.ค. – ครม. อนุมัติเงินเยียวยาผู้เสียชีวิตจากสถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชา รายละ 8-10 ล้านบาท พร้อมตั้งคณะกรรมการตรวจสอบข่าวปลอม นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย รักษาราชการแทนนายกรัฐมนตรี แถลงภายหลังการกระชุม ครม. วาระสำคัญของรัฐบาล “ก้าวผ่านสองวิกฤติ เดินหน้าไปด้วยกัน” โดยระบุว่า รัฐบาลขอแสดงความเสียใจอย่างสุดซึ้งต่อการสูญเสียบุคคลอันเป็นที่รักของครอบครัวทุกๆ ครอบครัว แม้ว่าความสูญเสียที่เกิดขึ้นจะประเมินเป็นมูลค่ามิได้ แต่รัฐบาลจะขอผนึกกำลังจากทุกภาคส่วน เพื่อชดเชยความสูญเสียต่อชีวิต ทรัพย์สิน และรายได้ของพี่น้องประชาชนทุกคนที่ได้รับผลกระทบ โดยคณะรัฐมนตรีได้มีมติอนุมัติเงินเยียวยาให้แก่ครอบครัวทหารที่เสียชีวิต รวมรายละ 10 ล้านบาท และครอบครัวประชาชนที่เสียชีวิต รวมรายละ 8 ล้านบาท พร้อมทั้งแต่งตั้งคณะกรรมการตรวจสอบและวิเคราะห์ข่าวในสื่อสังคมออนไลน์ เพื่อป้องกันข่าวปลอม ที่มุ่งหมายจะส่งผลกระทบต่อความมั่นคงของประเทศและความปลอดภัยของประชาชน รวมถึงสถานการณ์ที่ไทยเราต้องประสบกับมาตรการภาษีการค้าจากสหรัฐอเมริกา ขอยืนยันว่าได้ดำเนินการในเรื่องดังกล่าวอย่างรอบคอบและต่อเนื่อง โดยยึดหลักผลประโยชน์ของประเทศเป็นสำคัญ ส่วนการที่สหรัฐอเมริกาประกาศอัตราภาษีการค้าของไทยที่ร้อยละ 19 ทำให้ไทยยังคงมีศักยภาพแข่งขันได้ในเวทีโลก และยังคงความได้เปรียบประเทศคู่แข่งขันในภูมิภาค รัฐบาลจึงได้กำหนดมาตรการทางการเงิน ทั้งมาตรการ Soft loan มาตรการพักชำระหนี้ การส่งเสริมให้คนไทยใช้สินค้าที่ผลิตภายในประเทศ และการตั้งงบประมาณเพื่อสนับสนุนและรองรับการปรับตัวของผู้ประกอบการไทย ทั้งรายใหญ่และรายย่อย โดยเฉพาะอย่างยิ่งการสร้างความเข้มแข็งให้แก่พี่น้องเกษตรกรไทย เพื่อให้มั่นใจว่าทุกคนจะสามารถรับมือกับการเปลี่ยนแปลงนี้ไปด้วยกันได้อย่างมั่นคง […]

“เป๊ก ผลิตโชค” ส่อโดนแจ้ง 2 ข้อหา รอผลตรวจเลือด 7 วัน

กทม. 5 ส.ค.-“เป๊ก ผลิตโชค” ส่อโดนแจ้ง 2 ข้อหา รอผลตรวจเลือด 7 วัน พิสูจน์หาสารเสพติดในร่างกาย พลตำรวจตรี ธนันท์ธร รัตนสิทธิภาคย์ ผู้บังคับการตำรวจนครบาล 4 เปิดเผยว่า ช่วงค่ำวานนี้ คนขับรถกระบะได้เข้ามาให้ปากคำกับพนักงานสอบสวนแล้ว โดยให้การว่า ตนกำลังจะขับรถกลับบ้าน เมื่อมาถึงจุดเกิดเหตุ อยู่ดีๆ “เป๊ก ผลิตโชค” ก็กระโดดขึ้นมาบนฝากระโปรงรถ ตอนนั้นรู้สึกตกใจ จึงเลี้ยวรถเข้าปั๊มน้ำมัน ลงมาพูดคุยกับ “เป๊ก” จากนั้น “เป๊ก” ก็เข้ามาสวมกอด ยกมือไหว้ แล้วเบนไปหานายชุติเทพ มีเรื่องทะเลาะวิวาทกัน ตนก็ขึ้นรถแล้วขับออกไป และไม่ทราบว่ามีอะไรเกิดขึ้นหลังจากนั้น จนกระทั่งมาเปิดดูข่าว ส่วนคนขับรถแท็กซี่ที่ปรากฏภาพ “เป๊ก ผลิตโชค” ขึ้นไปเกาะบนหลังคารถ ตอนนี้ยังอยู่ระหว่างการติดต่อเข้ามาให้ปากคำ ด้าน “เป๊ก ผลิตโชค” ยังไม่ได้เริ่มสอบปากคำ เพราะยังอยู่ในการดูแลของทีมแพทย์ ซึ่งพนักงานสอบสวน ยินดีที่จะเข้าไปสอบปากคำที่โรงพยาบาล ถ้าหากแพทย์อนุญาต หรือ “เป๊ก ผลิตโชค” […]

เปิดปฏิบัติการค้น 200 จุด ล่าพระทำผิดกฎหมาย

กทม. 5 ส.ค.-ตำรวจสอบสวนกลาง เปิดปฏิบัติการทำนุบำรุงพระพุทธศาสนา ลุยค้น 200 จุดทั่วประเทศ ไล่ล่าจับพระทำผิดกฎหมาย 181 เป้าหมาย ล่าสุดจับพระวัดดังย่านคลอง 6 ปทุมธานี พบเอี่ยวองค์กรอาชญากรรมข้ามชาติ พล.ต.ท.จิรภพ ภูริเดช ผบช.ก. ในฐานะหัวหน้าศูนย์ป้องกันปราบปรามภัยคุกคามและเสริมสร้างความมั่นคงทางพระพุทธศาสนา สั่งการ พล.ต.ต.จรูญเกียรติ ปานแก้ว รอง ผบช.ก. นำกำลังเจ้าหน้าที่หน่วยงานในสังกัด บช.ก. เปิดปฏิบัติการกวาดลานวัด เข้าตรวจค้นพื้นที่เป้าหมาย กว่า 200 จุด เพื่อจับกุมผู้ต้องหาคดีต่างๆ อาทิ ยักยอกทรัพย์ ฟอกเงิน เมาแล้วขับ หรือ มีส่วนเกี่ยวข้องกับขบวนการยาเสพติด รวมไปถึงองค์กรอาชญากรรมข้ามชาติ ที่หลบหนีมาบวชเป็นพระซ่อนตัวตามวัดต่างๆ ทั่วประเทศ โดยกลุ่มผู้ต้องหาที่เป็นเป้าหมายหลักของปฏิบัติการครั้งนี้ มีด้วยกันทั้งหมด 181 ราย แบ่งเป็น ผู้ต้องหาที่ยังมีสถานะเป็นพระ 154 ราย ในจำนวนนี้มีพระตำแหน่งสูงสุดเป็นระดับเจ้าอาวาส ส่วนผู้ต้องหาที่เคยเป็นพระแต่สึกไปแล้วมีทั้งหมด 27 ราย ซึ่งขณะนี้เจ้าหน้าที่อยู่ระหว่างการเข้าดำเนินการจับกุม อย่างไรก็ตามขณะนี้มีรายงานว่า จากปฏิบัติการดังกล่าวขณะนี้เจ้าหน้าที่สามารถจับกุมตัวผู้ต้องหาคนสำคัญได้รายหนึ่งแล้ว […]