fbpx

เปิดผลงานกองทุนบัตรทองปี 64 รุก 4 นโยบายยกระดับหลักประกันสุขภาพ

กรุงเทพฯ 2 เม.ย. – เปิดผลงาน “กองทุนบัตรทอง ปี 64” ครอบคลุมผู้มีสิทธิบัตรทอง 47.74 ล้านคน ผู้ป่วยนอกรับบริการ 161.71 ล้านครั้ง ผู้ป่วยในรับบริการ 5.76 ล้านครั้ง ดูแลผู้ป่วยเฉพาะกลุ่มต่อเนื่อง รุก 4 นโยบายยกระดับบัตรทอง พร้อมสนับสนุนบริการกรณีโควิด-19 ดูแลผู้ติดเชื้อ/ผู้ป่วยเข้าถึงการรักษา


นพ.จเด็จ ธรรมธัชอารี เลขาธิการสำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ (สปสช.) กล่าวว่า ในการดำเนินงานระบบหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ สปสช.ได้มีการจัดทำ “รายงานผลการดำเนินงานการสร้างระบบหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ” เป็นประจำทุกปี เพื่อรายงานต่อคณะรัฐมนตรี สภาผู้แทนราษฎร และวุฒิสภา เพื่อสะท้อนให้เห็นการบริหารจัดการงบประมาณที่ได้รับจัดสรรเป็นไปตามนโยบายและวัตถุประสงค์อย่างมีประสิทธิภาพและประสิทธิผล โปร่งใสและตรวจสอบได้ของ สปสช. ภายใต้การกำกับโดยบอร์ด สปสช.

สำหรับในปีงบประมาณ 2564 ภายใต้การนำของนายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข ในฐานะประธานบอร์ด สปสช. และจากงบประมาณที่ได้รับจัดสรรจากรัฐบาล จำนวน 194,508.79 ล้านบาท สามารถดำเนินการเพื่อดูแลประชาชนทั่วประเทศให้เข้าถึงบริการสุขภาพที่จำเป็น ทั้งการรักษาพยาบาล การส่งเสริมสุขภาพและป้องกันโรค การฟื้นฟูสมรรถภาพด้านการแพทย์ และการดูแลในภาวะวิกฤติในสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด-19)


นพ.จเด็จ กล่าวว่า ปีงบประมาณ 2564 มีประชากรผู้มีสิทธิบัตรทอง จำนวน 47.74 ล้านคน ลงทะเบียนเลือกหน่วยบริการประจำตนแล้ว 47.56 ล้านคน สร้างครอบคลุมผู้มีสิทธิ ร้อยละ 99.61 โดยในส่วนของงบเหมาจ่ายรายหัว 3,719.23 บาทต่อประชากร สามารถดูแลประชาชนให้เข้าถึงบริการ ดังนี้ ผู้ป่วยนอกรับบริการ 161.71 ล้านครั้ง (3.44 ครั้ง/คน/ปี), ผู้ป่วยในรับบริการ 5.76 ล้านครั้ง (0.12 ครั้ง/คน/ปี), ผ่าตัดไม่ต้องค้างคืนวันเดียวกลับ 22,654 ครั้ง, ผ่าตัดแผลเล็กผ่านกล้อง 8,556 ครั้ง, รักษานิ่วด้วยเครื่องสลายนิ่ว 17,229 ครั้ง โดยในส่วนบริการกรณีเฉพาะ อาทิ ผู้ป่วยกล้ามเนื้อหัวใจขาดเลือดเฉียบพลัน ได้ยาละลายลิ่มเลือด 3,644 คน, ผู้ป่วยหลอดเลือดสมองตีบหรืออุดตัน ได้รับยาละลายลิ่มเลือด 6,808 คน, ผ่าตัดต้อกระจก 93,945 ครั้ง, ผ่าตัดเปลี่ยนกระจกตา 517 คน, ปลูกถ่ายเซลล์ต้นกำเนิดเม็ดโลหิต 107 คน ดูแลผู้ป่วยธาลัสซีเมียชนิดรุนแรง 12,014 คน, รักษาผู้ป่วยวัณโรค 81,719 คน, ดูแลผู้ป่วยระยะท้ายแบบประคับประคอง 45,502 คน และช่วยให้ผู้ป่วยเข้าถึงยาบัญชี จ (2) 52,065 คน ยาต้านพิษ 6,276 คน เป็นต้น

ขณะที่ในส่วนของผู้ป่วยเฉพาะกลุ่มภายใต้กองทุนเฉพาะโรคยังคงได้รับการดูแลอย่างต่อเนื่อง ดังนี้ ผู้ติดเชื้อผู้ป่วยเอดส์ 289,116 คน, ผู้ป่วยไตวายเรื้อรังระยะสุดท้าย 69,208 คน, ผู้ป่วยเบาหวาน/ความดัน กว่า 4 ล้านคน, ผู้ป่วยจิตเวชเรื้อรังในชุมชน 10,341 คน และผู้ที่มีภาวะพึ่งพิงติดบ้านติดเตียง 186,284 คน (ทุกสิทธิ) ตลอดจนบริการระดับปฐมภูมิที่มีหมอครอบครัวและบริการสุขภาพวิถีใหม่ ได้แก่ บริการสาธารณสุขทางไกล รับยาร้านยาใกล้บ้าน ส่งยาทางไปรษณีย์ กว่า 2.9 ล้านครั้ง

ทั้งนี้ ในปีงบประมาณ 2564 ยังเป็นปีแห่งการรุกนโยบายยกระดับบัตรทอง ตามนโยบาย รมว.สาธารณสุข พัฒนาบริการ 4 เรื่อง มีผลดำเนินการ ดังนี้ 1. รับบริการที่หน่วยบริการปฐมภูมิในระบบบัตรทองที่ไหนก็ได้ 950,176 ครั้ง 2. ผู้ป่วยในไม่ต้องกลับไปรับใบส่งตัว นำร่องเขต 9 และเขต 13 กว่า 4 แสนครั้ง 3. โรคมะเร็งไปรับบริการที่ไหนก็ได้ กว่า 1.27 ล้านครั้ง และ 4. ย้ายหน่วยบริการได้สิทธิทันที ไม่ต้องรอ 15 วัน โดยเปลี่ยนหน่วยบริการ 1.29 ล้านครั้ง ใช้สิทธิในหน่วยบริการใหม่ทันที 264,636 ครั้ง


เลขาธิการ สปสช. กล่าวต่อว่า นอกจากนี้ ด้วยปี 2564 ที่เกิดวิกฤติสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อโควิด-19 สปสช.ยังดูแลประชาชน โดยสนับสนุนการบริการสาธารณสุขกรณีโควิด-19 ในการเสนอของบประมาณเพิ่มเติมจาก พ.ร.ก.กู้เงินฯ 4 ครั้ง รวมจำนวน 30,348.35 ล้านบาท โดยสนับสนุนบริการ คัดกรองการติดเชื้อโควิด-19, การรักษาพยาบาลทั้งกรณีผู้ป่วยในและผู้ป่วยนอก ครอบคลุมดูแลผู้ป่วยกลุ่มอาการรุนแรงสีแดง สีเหลือง และสีเขียว ทั้งในโรงพยาบาล, Hospitel, รพ.สนาม, Home Isolation, Community Isolation และ เจอ แจก จบ, การเข้าถึงยารักษาโรคโควิด-19, ยาฟ้าทะลายโจรและยารักษาตามอาการ, ค่าห้องปลอดเชื้อ, ค่าชุดป้องกันเชื้อ (PPE) ค่าพาหนะรับส่งผู้ป่วย และการช่วยเหลือเบื้องต้นผู้ที่เกิดภาวะไม่พึงประสงค์หลังฉีดวัคซีนโควิด-19 เป็นต้น นอกจากนี้ยังเพิ่มจำนวนคู่สายและจำนวนผู้รับสายบริการสายด่วน สปสช. 1330 และเพิ่มช่องทางบริการผ่านระบบออนไลน์ ตลอดจนทำงานร่วมกับภาคีเครือข่ายต่างๆ เพื่อร่วมดูแลประชาชนที่ติดเชื้อให้เข้าถึงการรักษา

จากผลการดำเนินงานปี 2564 ที่ปรากฏข้างต้นนี้เป็นเพียงส่วนหนึ่งเท่านั้น ซึ่งสามารถดูรายละเอียดเพิ่มเติมได้ 3 ช่องทางดังนี้

  1. เว็บไซต์ สปสช. : https://www.nhso.go.th/operating_results/50
  2. YouTube : https://youtu.be/rXntM7S38ao
  3. E-book : https://stream.nhso.go.th/assets/portals/1/ebookcategory/162_NHSO-Annual-Report-2021/NHSO-Annual-Report-2021/#page=1

สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ 1330 ตลอด 24 ชม. หรือคลิก https://lin.ee/zzn3pU6 เพิ่มเพื่อนไลน์กับ สปสช. @nhso. – สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

ชี้อิสราเอล-อิหร่านส่งสัญญาณหาทางถอยจากสงคราม

เยรูซาเล็ม 19 เม.ย.- สื่ออิสราเอลมองว่า การที่อิหร่านพยายามปฏิเสธว่าเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในอิหร่านวันนี้ไม่ใช่การโจมตีแก้แค้นของอิสราเอล และการที่อิสราเอลยังคงนิ่งเฉยไม่ออกตัวว่าเป็นผู้กระทำ เป็นการส่งสัญญาณว่าทั้ง 2 ฝ่ายกำลังหาทางล่าถอยจากการทำสงครามในขณะที่นานาชาติกดดันให้ใช้ความอดกลั้น เว็บไซต์ไทมส์ออฟอิสราเอลรายงานว่า จนถึงขณะนี้ยังไม่มีการยืนยันจากทางการอิสราเอลว่า ได้โจมตีอิหร่านในเช้าวันนี้ ขณะที่สื่อทางการอิหร่านรายงานเพียงว่า มีการเปิดใช้งานระบบป้องกันภัยทางอากาศ และปฏิเสธรายงานข่าวเรื่องมีการโจมตีที่ตั้งทางทหารในเมืองอิสฟาฮาน ที่อยู่ห่างจากกรุงเตหะรานลงไปทางใต้ 315 กิโลเมตร โดยระบุว่าเหตุการณ์ปกติ แต่เจ้าหน้าที่อิสราเอลและสหรัฐที่ขอสงวนนามเผยกับสื่อในสหรัฐว่า เป็นฝีมือของอิสราเอล หนังสือพิมพ์นิวยอร์กไทมส์ของสหรัฐอ้างแหล่งข่าวอิหร่าน 3 คนว่า ฐานทัพอากาศในเมืองอิสฟาฮานถูกโจมตีแต่ไม่มีข้อมูลเรื่องความเสียหาย ไทมส์ออฟอิสราเอลมองว่า ลักษณะของการโจมตีอย่างจำกัด ซึ่งมีรายงานว่าเป็นการใช้โดรน ไม่ใช่ขีปนาวุธหรือปฏิบัติการโจมตีทางอากาศ ประกอบกับการที่อิสราเอลไม่ได้ยอมรับอย่างเป็นทางการ น่าจะเปิดทางให้รัฐบาลอิหร่านสามารถปฏิเสธเรื่องความจำเป็นที่จะต้องขู่โจมตีอิสราเอลเป็นครั้งที่ 2 หลังจากระดมยิงขีปนาวุธและโดรนมากกว่า 300 ลูกใส่อิสราเอลเมื่อเช้ามืดวันที่ 14 เมษายนตามเวลาอิสราเอล เป็นสัญญาณเบื้องต้นว่า ทั้ง 2 ประเทศอาจกำลังหาทางล่าถอยจากการทำสงคราม ก่อนหน้านี้มีการคาดการณ์กันอย่างกว้างขวางว่า อิสราเอลจะแก้แค้นอิหร่านตามที่แสดงท่าทีมาตลอดทั้งสัปดาห์ว่า จะไม่ยอมปล่อยให้อิหร่านโจมตีโดยไม่ตอบโต้ จุดกระแสวิตกว่า การโจมตีตอบโต้กันไปมาจะบานปลายกลายเป็นสงครามเต็มรูปแบบ อย่างไรก็ดี มีสัญญาณว่ากองกำลังป้องกันอิสราเอลได้ลดความุรนแรงของแผนการโจมตีตามที่นานาชาติกดดันให้ใช้ความอดกลั้น.-814.-สำนักข่าวไทย  

ผงะ! พบศพหนุ่มเมียนมาในแท็งก์น้ำ ดาดฟ้าหอพัก

ผงะ! พบศพหนุ่มเมียนมาสภาพเปลือย ในแท็งก์น้ำบนดาดฟ้าหอพัก ย่านมีนบุรี เสียชีวิตมาแล้ว 2 วัน คาดลงไปเล่นน้ำคลายร้อน

ระทึก! สารแอมโมเนียจากโรงน้ำแข็งรั่ว บาดเจ็บนับร้อย

ระทึกกลางดึก สารแอมโมเนียรั่วในโรงน้ำแข็ง อ.บางละมุง จ.ชลบุรี ชาวบ้านสูดดม ได้รับผลกระทบกว่า 100 คน ต้องกระจายส่งตาม รพ. ต่างๆ

จับแล้ว! ชายอินเดียฆ่าปาดคอหญิงวัย 51 ปี

เกิดเหตุฆ่าปาดคอหญิงอายุ 51 ปี ในโรงแรมท้องที่ สน.ตลาดพลู ผู้ต้องสงสัยเป็นชายชาวอินเดียที่อยู่ด้วยกันในโรงแรม กว่า 1 สัปดาห์ ก่อนหายตัวไปหลังเกิดเหตุ ล่าสุดตามจับได้แล้ว สารภาพอ้างแค้นผู้ตายไม่คืนเงิน

ข่าวแนะนำ

เอกวาดอร์ประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินเพราะวิกฤตพลังงาน

อกวาดอร์ประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินเป็นครั้งที่ 2 เมื่อวันศุกร์ โดยเป็นการประกาศเพราะวิกฤตพลังงานที่ทำให้ประเทศในอเมริกาใต้แห่งนี้ต้องใช้มาตรการปันส่วนพลังงาน

ฝ่ายต่อต้านรุกหนัก ถล่มทหารเมียนมาตั้งแต่เช้ามืด

ฝ่ายต่อต้าน รุกหนักถล่มทหารเมียนมา ฐานพัน.ร.275 ฝั่งตรงข้าม อ.แม่สอด ตั้งแต่เช้ามืด ทำประชาชนเมียนมา หลบหนีการสู้รบเข้าฝั่งไทยแล้วกว่า 200 คน

“ทวี ไกรคุปต์” อดีตนักการเมืองดัง เสียชีวิตแล้ว

“ไพศาล พืชมงคล” โพสต์แสดงความอาลัยการจากไปของ “ทวี ไกรคุปต์” อดีตนักการเมืองดัง และบิดาของ “เอ๋-ปารีณา”

ทั่วไทยอากาศร้อนถึงร้อนจัด สูงสุด 41 องศาฯ

กรมอุตุฯ รายงานทั่วไทยอากาศร้อนถึงร้อนจัด สูงสุด 41 องศาฯ มีฝนฟ้าคะนอง กับมีลมกระโชกแรงบางพื้นที่ ภาคใต้ตอนล่างมีฝนเพิ่มขึ้น และตกหนักบางแห่ง