fbpx

สปสช.ปรับบทบาทสายด่วน 1330 ช่วยประเมินอาการผู้ป่วย

กรุงเทพฯ 1 มี.ค. – สปสช.เพิ่มบทบาทสายด่วน 1330 ตามแนวทางใหม่ของ สธ. ที่เพิ่มบริการรักษาโควิด-19 แบบผู้ป่วยนอก สำหรับกลุ่มไม่มีอาการ/ไม่มีความเสี่ยง นอกจากไปรับบริการที่สถานพยาบาลเพื่อให้แพทย์ประเมินอาการแล้ว ยังสามารถโทร.มาที่ 1330 เพื่อให้ประเมินอาการและจับคู่ดูแลตามแนวทาง “เจอ แจก จบ” ได้เช่นกัน


นพ.จเด็จ ธรรมธัชอารี เลขาธิการสำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ (สปสช.) กล่าวถึงการเพิ่มระบบการดูแลผู้ติดเชื้อโควิด-19 แบบผู้ป่วยนอก ที่เริ่มตั้งแต่วันที่ 1 มี.ค.65 ของกระทรวงสาธารณสุข ด้วยแนวทาง “เจอ แจก จบ” ว่า ในส่วนของ สปสช.นั้นได้มีการปรับหลักเกณฑ์การเบิกจ่ายรองรับแนวทางดังกล่าวไว้แล้ว เริ่มตั้งแต่วันที่ 1 มีนาคม 2565 เช่นกัน โดยเป็นการปรับหลักเกณฑ์แนวทางอัตราการจ่ายชดเชยบริการโรคโควิด-19 ซึ่งประกอบไปด้วย 5 ส่วน คือ 1. การจ่ายค่าบริการสาธารณสุขสำหรับผู้ป่วยโรคโควิด 2. การตรวจคัดกรองและตรวจยืนยันทางห้องปฏิบัติการติดเชื้อโควิด-19 โดยวิธีตรวจ ATK โดยผู้เชี่ยวชาญ (ATK Professional) 3. อัตราจ่ายค่าห้องสำหรับการดูแลรักษาผู้ติดเชื้อโควิด-19 ในโรงพยาบาล 4. การสนับสนุนชุดตรวจ ATK-self test สำหรับประชาชนคนไทยทุกสิทธิ 5. อัตราจ่ายค่าพาหนะรับ-ส่งต่อ กรณีใช้รถโดยสารประเภทอื่น

ขณะเดียวกัน ตามแนวทาง “เจอ แจก จบ” ของกระทรวงสาธารณสุข ที่เริ่มตั้งแต่วันที่ 1 มีนาคม 2565 โดยเป็นการเพิ่มระบบการดูแลผู้ติดเชื้อโควิด-19 แบบผู้ป่วยนอก คือ หลังจากผู้ที่สงสัยป่วยโควิด-19 ตรวจ ATK แล้ว หากพบผลเป็นบวก (เจอ) แพทย์จะพิจารณาจ่ายยารักษาตามอาการ 3 สูตร (แจก) ได้แก่ 1. ยาฟ้าทะลายโจร 2. ยารักษาตามอาการ เช่น ยาลดไข้ แก้ไอ ลดน้ำมูก 3. ยาฟาวิพิราเวียร์ เพื่ออำนวยความสะดวกแก่ผู้ติดเชื้อในการเข้าถึงบริการ และเป็นการเชื่อมโยงเข้าสู่การเป็นโรคที่ดูแลได้ด้วยตนเอง (จบ)


นพ.จเด็จ กล่าวต่อว่า สปสช.ได้ปรับบทบาทของสายด่วน สปสช. 1330 จากเดิมที่รับลงทะเบียนผู้ติดเชื้อโควิด-19 เข้าระบบการรักษาที่บ้าน ได้เพิ่มบทบาทเป็นผู้ทำหน้าที่คัดกรองความเสี่ยงให้ประชาชนที่ตรวจ ATK แล้วพบผลบวกว่าติดเชื้อโควิด-19 ด้วย โดยตามขั้นตอนของกระทรวงสาธารณสุขนั้น หากประชาชนมีอาการทางเดินหายใจ หรือประวัติสัมผัสเสี่ยงสูง เมื่อตรวจ ATK ด้วยตนเอง หากผลเป็นบวก นอกจากจะเดินทางเพื่อไปรับบริการที่โรงพยาบาลในส่วนของผู้ป่วยนอกเพื่อรับการประเมิน หากไม่มีภาวะเสี่ยง ก็เข้าสู่แนวทาง “เจอ แจก จบ” และเข้ารับบริการ tele-health กับโรงพยาบาลนั้น แต่หากมีภาวะเสี่ยง คือ เป็นกลุ่ม 608 มีโรคประจำตัว แต่อาการไม่มาก จะให้เข้าระบบ HI/CI, Hotel Isolation และฮอสพิเทล แต่หากมีภาวะเสี่ยงและอาการรุนแรงจะส่งรับการรักษาในโรงพยาบาล

แต่กรณีที่ผู้ติดเชื้อโควิด-19 ไม่ต้องการเดินทางไปที่โรงพยาบาล สามารถโทร.1330 ซึ่ง สปสช. และสถานพยาบาลที่รับดูแลจะคัดกรองอาการเบื้องต้นให้ หากพบว่าไม่มีภาวะเสี่ยงก็จะเข้าสู่การรักษาแบบผู้ป่วยนอก และแยกกักตัวที่บ้านตามแนวทาง “เจอ แจก จบ” โดย สปสช.จะจับคู่ให้ดูแลกับสถานพยาบาลที่เข้าร่วมโครงการ จะได้รับการดูแลแบบ tele-health คือ แยกกักตัวที่บ้าน, จ่ายยาตามอาการ, โทรติดตามอาการ (ครั้งเดียว 48 ชั่วโมง), มีระบบส่งต่อเมื่ออาการแย่ลง แต่ระบบนี้จะไม่ได้รับอาหาร และไม่ได้รับอุปกรณ์ประเมิน เช่น เครื่องวัดไข้และเครื่องวัดออกซิเจนปลายนิ้ว

เลขาธิการ สปสช. กล่าวว่า อย่างไรก็ตาม หากผู้ติดเชื้อโควิด-19 สิทธิบัตรทอง 30 บาท ต้องการเข้าระบบการรักษาที่บ้าน ก็ตัดสินใจร่วมกับผู้ที่ประเมินอาการ เพื่อเข้ารับการรักษาที่บ้าน (Home Isolation) และได้รับการดูแลตามระบบได้เช่นเดียวกัน สำหรับหน่วยบริการที่ดูแลประชาชนสิทธิบัตรทองนั้น สปสช.ยังคงดูแลเหมือนเดิม หน่วยบริการก็จะได้รับการเบิกจ่ายตามอัตราที่กำหนด รวมถึงหากมีอาการเปลี่ยนแปลง ต้องเข้าโรงพยาบาล ก็เบิกค่าใช้จ่ายได้ตามอัตราที่กำหนดเหมือนที่เคยดำเนินการ ทั้งหมดนี้ประชาชนไม่เสียค่าใช้จ่ายเช่นกัน สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ 1330 ตลอด 24 ชม. หรือคลิก https://lin.ee/zzn3pU6 เพิ่มเพื่อนไลน์กับ สปสช. @nhso. -สำนักข่าวไทย


ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

พบศพโบลท์หญิงวัย 47 ในป่าหญ้าริมทาง คาดถูกฆ่าชิงรถ

โบลท์หญิงวัย 47 ปี หายตัวจากบ้านพักย่านดินแดง 9 วัน ล่าสุดพบเป็นศพในป่าหญ้าริมถนนสายนครชัยศรี-ห้วยพลู อ.นครชัยศรี จ.นครปฐม ส่วนรถยนต์โผล่ที่ จ.ภูเก็ต คาดถูกคนร้ายฆ่าชิงรถ

pagers on display

ทำไมยังมีการใช้ “เพจเจอร์” ในยุคสมาร์ทโฟน

ลอนดอน 19 ก.ย.- เพจเจอร์ หรือวิทยุติดตามตัวเป็นอุปกรณ์การสื่อสารยอดนิยมในช่วงคริสต์ทศวรรษ 1990 ที่ต้องหลีกทางให้แก่โทรศัพท์เคลื่อนที่ เนื่องจากเป็นการสื่อสารทางเดียว แต่ยังคงมีการใช้งานในบางกลุ่ม รวมถึงกลุ่มฮิซบอลเลาะห์ที่เพจเจอร์ระเบิดพร้อมกันหลายพันเครื่องทั่วเลบานอนเมื่อวันที่ 17 กันยายน แหล่งข่าวเผยว่า ฮิซบอลเลาะห์ใช้เพจเจอร์ เนื่องจากเป็นช่องทางสื่อสารเทคโนโลยีต่ำ ส่งข้อความผ่านสัญญาณวิทยุ จึงตรวจจับสัญญาณและตำแหน่งได้ยากกว่าโทรศัพท์เคลื่อนที่ที่ส่งสัญญาณไปยังเสาส่งที่อยู่ใกล้ที่สุด อีกทั้งไม่มีเทคโนโลยีระบุพิกัดบนพื้นโลกอย่างจีพีเอสด้วย อดีตเจ้าหน้าที่สำนักงานสอบสวนกลางหรือเอฟบีไอ (FBI) ของสหรัฐเผยว่า ในอดีตแก๊งอาชญากรรมโดยเฉพาะแก๊งค้ายาเสพติดในสหรัฐเคยนิยมใช้เพจเจอร์ แต่ขณะนี้หันมาใช้โทรศัพท์เคลื่อนที่แบบเติมเงินราคาถูกที่สามารถเปลี่ยนเครื่องและหมายเลขได้อย่างง่ายดาย ทำให้เจ้าหน้าที่ติดตามแกะรอยได้ยาก อย่างไรก็ดี  ศัลยแพทย์โรงพยาบาลใหญ่แห่งหนึ่งในสหราชอาณาจักรเผยว่า เพจเจอร์เป็นอุปกรณ์ที่แพทย์และพยาบาลสังกัดสำนักงานบริการสุขภาพแห่งชาติหรือเอ็นเอชเอส (NHS) ต้องพกติดตัวอยู่เสมอ เพื่อรับแจ้งข่าวในการปฏิบัติหน้าที่ เป็นช่องทางที่ถูกที่สุดและมีประสิทธิภาพมากที่สุดในการแจ้งข่าวทางเดียวกับคนจำนวนมาก เพจเจอร์หลายรุ่นสามารถส่งเสียงไซเรนและมีข้อความเสียงแจ้งให้ทีมแพทย์ไปรวมตัวที่ห้องฉุกเฉินได้ทันที ข้อมูลล่าสุดในปี 2562 ระบุว่า เอ็นเอชเอสใช้เพจเจอร์ประมาณ 130,000 เครื่อง คิดเป็นสัดส่วนมากกว่า 1 ใน 10 ของที่ใช้ทั่วโลก คอกนิทีฟมาร์เก็ตรีเสิร์ช  (Cognitive Market Research) ซึ่งเป็นบริษัทวิจัยคาดการณ์ว่า ตลาดเพจเจอร์จะเติบโตร้อยละ 5.9 ต่อปี จากปี 2566 ถึงปี 2573 […]

ข่าวแนะนำ

หนุ่มง้ออดีตภรรยาไม่สำเร็จ ยิงยกครัวดับ 4 ศพ

สลด เจ้าของรีสอร์ต ง้อขอคืนดีอดีตภรรยาไม่สำเร็จ ใช้อาวุธปืนยิงอดีตภรรยา แม่ยาย น้องเมีย ก่อนยิงตัวเอง ต่อหน้าลูกสาววัย 1 ขวบ 8 เดือน

หมูเด้งฟีเวอร์ นักท่องเที่ยวแน่นสวนสัตว์เปิดเขาเขียว

หมูเด้งฟีเวอร์ น่ารักไม่หยุดฉุดไม่อยู่ นักท่องเที่ยวแห่ไปชมความเด้ง จนแน่นสวนสัตว์เปิดเขาเขียว ด้าน ผอ.สวนสัตว์ฯ จัดพื้นที่อำนวยความสะดวกแล้ว พร้อมชวนชมน้องหมูตุ๋น

“อนุทิน” ลุยเชียงใหม่ร่วมบิ๊กคลีนนิ่ง ฟื้นฟูหลังน้ำลด

“อนุทิน” ลงพื้นที่เชียงใหม่ ร่วมทีม จนท.-กู้ภัย-อาสาสมัคร “บิ๊กคลีนนิ่ง” ฟื้นฟูเมืองหลังน้ำลด เร่งจ่ายเยียวยาผู้ประสบภัย