“สาธิต” หารือพนักงาน สธ. ย้ำกลุ่มจ้างงานเดิมใช้สัญญา 4 ปี ไม่มีลด

กรุงเทพฯ 30 ก.ย. – รมช.สาธารณสุข หารือกลุ่มพนักงาน ก.สาธารณสุข ที่ได้รับผลกระทบลดสัญญาจ้าง 4 ปี เหลือ 1 ปี เหตุเชื่อมโยงกับการขอกรอบอัตรากำลังใหม่ ได้ข้อสรุประยะเวลาจ้างงานไม่จำเป็นต้องสัมพันธ์กับกรอบอัตรากำลัง ให้รองปลัด สธ. แจ้งหน่วยงานและโรงพยาบาล จ้างคนทำงานเดิมด้วยสัญญา 4 ปี จ้างงานใหม่ 1 ปี


วันนี้ (30 กันยายน 2564) ที่กระทรวงสาธารณสุข จ.นนทบุรี ดร.สาธิต ปิตุเตชะ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงสาธารณสุข พร้อมด้วย นพ.สุระ วิเศษศักดิ์ รองปลัดกระทรวงสาธารณสุข ประชุมหารือร่วมกับกลุ่มพนักงานกระทรวงสาธารณสุข ที่เดินทางมาเรียกร้องกรณีได้รับผลกระทบจากกรอบอัตรากำลังบุคลากรสำนักงานปลัดกระทรวงสาธารณสุข ปีงบประมาณ 2565 ส่งผลต่อสัญญาการจ้างงานจากระยะเวลา 4 ปี ลดเหลือเพียง 1 ปี เนื่องจากระยะเวลาการจ้างงานต้องสอดคล้องกับระยะเวลาของกรอบอัตรากำลัง ทำให้ขาดความมั่นคงทางอาชีพ และลิดรอนสิทธิ เนื่องจากพนักงานกระทรวงสาธารณสุขที่ยังเหลือสัญญาจ้าง 1-3 ปี ต้องทำสัญญาจ้างใหม่เป็น 1 ปีด้วยนั้น

ดร.สาธิต ให้สัมภาษณ์ภายหลังการหารือร่วมกันว่า วันนี้ได้รับมอบหมายจากนายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข ให้มารับข้อมูล จากการหารือพบว่ามีการปรับสัญญาจ้างพนักงานกระทรวงสาธารณสุข จาก 4 ปี เหลือ 1 ปี เนื่องจากนำไปผูกโยงกับกรอบอัตรากำลังปี 2565 ที่จะมีการขออัตรากำลังเพิ่ม ซึ่ง นพ.สุระ วิเศษศักดิ์ รองปลัดกระทรวงสาธารณสุข ได้พิจารณาแล้วว่า เรื่องสัญญาจ้างและกรอบอัตรากำลังที่จะเสนอกระทรวงการคลัง อาจจะไม่ต้องใช้ในการพิจารณาร่วมกัน เนื่องจากหากมีการปรับสัญญาจ้างเพื่อขออัตราเพิ่ม อาจจะกระทบและลิดรอนสิทธิพนักงานกระทรวงสาธารณสุขเดิมที่มีการจ้างงานแตกต่างกันในแต่ละช่วงเวลา อาจเกิดผลกระทบกับอายุงานและความมั่นคง


ดร.สาธิต กล่าวต่อว่า ในที่ประชุมเห็นตรงกันว่า พนักงานกระทรวงสาธารณสุขที่มีการจ้างงานอยู่เดิม หากสัญญายังเหลืออยู่ก็ให้ใช้สัญญาเดิมต่อไป ส่วนที่หมดสัญญาวันที่ 30 กันยายนนี้ ก็ให้ต่อสัญญาจ้างอีก 4 ปีตามเดิม ส่วนการจ้างงานคนใหม่ให้จ้างตามกรอบอัตรากำลัง 1 ปี และเมื่อจัดทำกรอบอัตรากำลังปี 2566-2568 แล้วเสร็จ ก็ให้กลับมาทำสัญญา 4 ปี ทั้งนี้ ได้มอบให้ นพ.สุระ ที่รับผิดชอบในการดูแลด้านกำลังคนของกระทรวงสาธารณสุข ดำเนินการทำหนังสือแจ้งไปยังหน่วยงานและโรงพยาบาลต่างๆ ที่จะต้องแก้ไขประกาศเดิม เพื่อให้ปฏิบัติตามมติที่มีในวันนี้

“ยืนยันว่า ไม่ใช่ว่าเดินทางมาเรียกร้องแล้วถึงได้รับการช่วยเหลือตามที่ต้องการ แต่เราพิจารณาตามหลักเหตุและผล กฎระเบียบที่ต้องปฏิบัติ สิ่งใดทำได้หรือไม่ได้ ซึ่งกรณีมีข้อมูลและเหตุผลที่เสนอมาชัดเจน และพิจารณาจากระเบียบแล้วเห็นว่าไม่ควรนำสัญญาจ้างมาเชื่อมโยงกับการขอกรอบอัตรากำลัง จึงได้ข้อสรุปดังกล่าว” ดร.สาธิต กล่าว. – สำนักข่าวไทย


ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

พ่อเลี้ยงล่วงละเมิด

“ต้นอ้อ” แฉพิรุธพ่อเลี้ยงปมคลิปเสียง-DNA ส่วนเด็กอาการดีขึ้น

“ต้นอ้อ” แฉพิรุธพ่อเลี้ยงปมคลิปเสียง-DNA เชื่อ แม่ไม่มีส่วนเกี่ยวข้อง แค่เชื่อผัวเพราะลูกเคยโกหก เผย ตอนแม่รู้ความจริงว่าใครทำลูกถึงกับร้องไห้โฮโผกอดลูก ส่วนเด็ก 10 ขวบอาการดีขึ้น แต่ต้องรักษาตัวอีกหลายสัปดาห์

งานแต่งธนกร

วิวาห์ชื่นมื่น “ธนกร-แคทลีน” คนดังการเมือง-นักธุรกิจ ร่วมยินดีครึกครื้น

งานวิวาห์ “ธนกร-แคทลีน” ชื่นมื่น คนดังการเมือง-นักธุรกิจ ร่วมยินดีครึกครื้น ด้าน “ทักษิณ” ไม่ได้มาร่วม แต่ส่งของขวัญแสดงความยินดี

ทรัมป์สั่งปลด

“ทรัมป์” สั่งปลดประธานคณะเสนาธิการร่วมตามแผนปรับปรุงกลาโหม

ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ของสหรัฐ ออกคำสั่งในวันศุกร์ตามเวลาท้องถิ่นปลด พลอากาศเอก ซี. คิว. บราวน์ จูเนียร์ (Charles Quinton Brown Jr.) เป็นประธานคณะเสนาธิการทหารร่วมของสหรัฐออกจากตำแหน่ง

ข่าวแนะนำ

“ทักษิณ” ถึงนราธิวาส กลับมาในรอบ 19 ปี

“ทักษิณ” ถึงนราธิวาส บอกคนนราธิวาสน่ารักเสมอ ต้อนรับอบอุ่นกับการกลับมาในรอบ 19 ปี ก่อนเดินทางต่อตามกำหนดเดิม แม้มีระเบิดที่สนามบิน

บึ้มรถกระบะ สนามบินนราธิวาส ก่อน “ทักษิณ” ลงพื้นที่

บึ้มรถกระบะจอดใกล้กับหอบังคับการบิน ท่าอากาศยานนราธิวาส ก่อน “ทักษิณ” ลงพื้นที่สนามบินบ้านทอน ในอีก 50 นาที ไม่มีรายงานผู้ได้รับบาดเจ็บ

น้ำป่าหลากท่วม อ.ไทรโยค กลางดึก

ระทึกกลางดึก น้ำป่าหลากท่วมบ้านเรือนประชาชน อ.ไทรโยค จ.กาญจนบุรี ถนนหลายเส้นถูกน้ำป่าพัดขาด จนท.เร่งอพยพประชาชนด้วยความยากลำบาก

Pope at Vatican on Feb 5, 2025 says have a strong cold

โป๊ปฟรันซิสพระอาการวิกฤต

วาติกัน 23 ก.พ.- พระอาการประชวรของสมเด็จพระสันตะปาปาฟรันซิส พระประมุขแห่งพระศาสนจักรโรมันคาทอลิก ทรุดลงอยู่ในขั้นวิกฤตในช่วง 24 ชั่วโมงที่ผ่านมา สำนักวาติกันออกแถลงการณ์ฉบับล่าสุดเมื่อวันเสาร์ว่า พระอาการประชวรของสมเด็จพระสันตะปาปาทรุดลงในช่วง 24 ชั่วโมงที่ผ่านมา และระบุเป็นครั้งแรกว่า พระอาการของพระองค์อยู่ในขั้นวิกฤตจากโรคระบบทางเดินหายใจคล้ายกับโรคหอบหืดในช่วงเช้าวันเสาร์ ทำให้ขณะนี้พระองค์จำเป็นต้องได้รับออกซิเจนเสริมและการถ่ายเลือด โดยรวมแล้วถือว่า พระอาการอยู่ในขั้นวิกฤตและยังไม่พ้นขีดอันตราย อย่างไรก็ดี พระองค์ยังทรงตื่นตัว และประทับนั่งบนเก้าอี้ตลอดวัน แม้ว่าทรงประชวรมากกว่าวันก่อนหน้านี้ก็ตาม พระสันตะปาปาฟรันซิส พระชนมายุ 88 พรรษา ทรงเข้ารับการถวายการรักษาที่โรงพยาบาลเจเมลลี ในกรุงโรม ตั้งแต่วันที่ 14 กุมภาพันธ์ หลังทรงมีพระอาการหายใจติดขัดต่อเนื่องหลายวัน และตรวจพบว่าปอดอักเสบทั้งสองข้าง ทรงร้องขอให้เปิดเผยรายละเอียดเกี่ยวกับพระอาการของพระองค์อย่างตรงไปตรงมา สำนักวาติกันจึงออกแถลงการณ์ชี้แจงความคืบหน้าอาการประชวรของพระองค์ต่อเนื่องทุกวัน แต่แถลงการณ์ฉบับล่าสุดถือเป็นครั้งแรกที่มีเนื้อหาระบุชัดเจนว่า อาการประชวรของพระองค์อยู่ในขั้นวิกฤต ขณะที่แพทย์คาดการณ์ว่า พระองค์จะต้องประทับอยู่ในโรงพยาบาลอย่างน้อยตลอดสัปดาห์หน้า ภารกิจต่อสาธารณชนทั้งหมดของพระสันตะปาปาจึงถูกยกเลิกตลอดสัปดาห์ ทั้งพิธีมิสซาประจำวันอาทิตย์ รวมถึงการสวดภาวนาแองเจลัส (Angelus) ตามปกติทุกสัปดาห์ด้วย.-815(814).-สำนักข่าวไทย